‘เข้าใจภาษีทรัมป์ช็อกโลกด้วยกราฟิก 4 เรื่อง’ (1)

เกษียร เตชะพีระ

การเมืองวัฒนธรรม | เกษียร เตชะพีระ

 

‘เข้าใจภาษีทรัมป์ช็อกโลกด้วยกราฟิก 4 เรื่อง’ (1)

 

หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าตอบโต้นานาประเทศคู่ค้าของสหรัฐทั่วโลกในวาระที่เขาเรียกว่า “วันปลดปล่อย” อเมริกาจากสิ่งที่เขาอ้างว่าเป็นการดำเนินการค้าที่ไม่เป็นธรรม ภาวะขาดดุลการค้า การจัดจ้างลงทุนภายนอกประเทศและโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ

(https://www.thaipbs.or.th/news/content/350880)

ซึ่งเอาเข้าจริงส่งผลเทียบเท่าการประกาศสงครามการค้าโลกเมื่อ 2 เมษายนศกนี้ โดยสินค้าไทยโดนหางเลข เข้าไปด้วยที่อัตรา 36% คิดเป็นผลสะเทือนเสียหายราว 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น (https://www.thaipbs.or.th/news/content/350860)

หนังสือพิมพ์เลอมงด์ของฝรั่งเศสฉบับวันที่ 6 เมษายนศกนี้ ได้สรรหาเรียบเรียงเครื่องมือช่วยทำความเข้าใจ ที่มาที่ไปและผลลัพธ์ที่คาดหมายของการนี้ไว้เป็นกราฟิก 4 เรื่อง (https://www.lemonde.fr/economie/article/2025/04/06/quatre-graphiques-pour-comprendre-les-effets-attendus-des-taxes-trump-sur-l-economie-americaine_6592010_3234.html)

ที่ผมขอนำมาเสนอ ต่อดังนี้คือ :

ประธานาธิบดีทรัมป์ชูป้ายแสดงอัตราภาษีนำเข้าตอบโต้นานาประเทศทั่วโลกในวันปลดปล่อย 2 เมษายนศกนี้ ณ ทำเนียบขาว

1) การคลี่คลายขยายตัวของภาษีนำเข้าสหรัฐ

(1.1) อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯโดยเฉลี่ยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ (แกนตั้ง) ในช่วงเวลา ค.ศ.ต่าง ๆ (แกนนอน) แยกเป็นสีฟ้าสมัยประธานาธิบดีพรรคเดโมแครต & สีชมพูสมัยประธานาธิบดีพรรครีพับลิกัน ภาษีนำเข้าสหรัฐเริ่มที่เฉลี่ย 29.1% ด้วยกฎหมายแม็กคินเลย์ปี 1890 –> ถึงปัจจุบันที่ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐเป็นเฉลี่ย 10% นับว่าสูงสุดตั้งแต่ปี 1945 ดูรายละเอียดที่ Pipat Luengnaruemitchai, “Trump กับ McKinley: ประธานาธิบดีที่รัก”, 6 April 2025, Facebook Post)

กราฟิกนี้แสดงให้เห็นว่าในสมัยทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีวาระสองนี่เองที่สหรัฐหันหลังให้กับการเปิดเสรีการค้านาน 80 ปีนับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมาแล้วยัดเยียดกำแพงภาษีนำเข้าอีกครั้ง

(1.2) อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐถีบสูงขึ้นไปในปี 1930 สมัยประธานาธิบดีเฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ ด้วยกฎหมาย Smoot-Hawley ซึ่งออกมาหลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีตล่มในปี 1929

มันเริ่มลดถอยลงในปี 1934 ด้วยกฎหมายข้อตกลงการค้าต่างตอบแทนสมัยประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ ดูรายละเอียดที่ Pipat Luengnaruemitchai, “Smoot-Hawley: บทเรียนจากอดีตที่กำลังจะซ้ำรอยเดิม”, 5 Apirl 2025, Facebook Post; สฤณี อาชวานันทกุล, “ปูพื้นเรื่องสงครามการค้า”, 7 April 2025, https://fringer.co/trade-war-primer/?fbclid=IwY2xjawJhiJRleHRuA2FlbQIxMQABHtcN7qok-eWXQgnpCgtiVa3roLD68PwFZ2WXqoh9CpdhwM67JmuhY67Xr34C_aem_Ro_S5WDPyxS0oy5IsbiveQ)

วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำใหญ่ในทศวรรษ 1930 ซึ่งปะทุขึ้นที่อเมริกานำไปสู่การดำเนินมาตรการปกป้องการค้า แข็งกร้าวขึ้นทั้งสองฟากมหาสมุทรแอตแลนติก มันยิ่งไปซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ตกต่ำหนักขึ้นจนถึงแก่เซาะกร่อนบ่อนเบียนระบอบประชาธิปไตยในประเทศต่างๆ ลง เช่น นาซีเยอรมนี

(1.3) เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุด บรรดาประเทศสัมพันธมิตรผู้ชนะสงครามจึงตัดสินใจยกเลิกแนวทางเศรษฐกิจการค้าดังกล่าว แล้วหันไปเพียรพยายามสร้างข้อตกลงเศรษฐกิจพหุภาคีอันกว้างไพศาลขึ้นแทน โดยตั้งเป้าที่การเปิดพรมแดนรับการค้า ด้วยสปิริตเยี่ยงนี้นี่เอง จึงได้มีการลงนามความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (GATT) เมื่อปี 1947 อันนำร่องเบิกทางมาสู่องค์การการค้าโลก (WTO) ที่ก่อตั้งขึ้นในที่สุดเมื่อปี 1995 (ดู เกษียร เตชะพีระ, เศรษฐกิจโลกถดถอยครั้งใหญ่ : ความรุ่งเรืองและล่มจมของเสรีนิยมใหม่/โลกาภิวัตน์, 2555, ภาค 2 ระเบียบการเงินโลกเบรตตัน วูดส์ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง)

(1.4 & 1.5) ขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาภายใต้แนวนโยบายโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจก็หล่อหลอมสายสัมพันธ์ทางการค้าอย่างแนบแน่นกับสองประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เม็กซิโกและแคนาดา จนนำไปสู่การสร้างเขตการค้าเสรีมหึมาขึ้นมาภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) เมื่อปี 1994 ซึ่งต่อมากลายเป็นข้อตกลงสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2020 ในที่สุด (https://ustr.gov/trade-agreements/free-trade-agreements/united-states-mexico-canada-agreement)

(ต่อตอนต่อไปสัปดาห์หน้า)