ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 เมษายน 2568 |
---|---|
ผู้เขียน | กฤตภาศ ศักดิษฐานนท์ |
เผยแพร่ |
Agora | กฤตภาศ ศักดิษฐานนท์
วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
www.facebook.com/bintokrit
นักปรัชญารุ่นใหม่ในไทย
“When someone leaves, it’s because someone else is about to arrive.”
Paulo Coelho
แวดวงปรัชญาในไทยช่วงนี้มีความสูญเสียค่อนข้างถี่ เฉพาะต้นปีนี้ผ่านมาไม่ถึง 4 เดือน ก็มีนักปรัชญาในมหาวิทยาลัยไทยจากไปแบบกะทันหัน 2 คน
คนแรกคืออาจารย์ภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยศิลปากร ผศ.คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในนาม “เชฟหมี” และ “อาจารย์ตุล” ผู้เชี่ยวชาญปรัชญาตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรัชญาอินเดีย ปรัชญาจีน พิธีกรรม และเทพปกรณัมต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นคอลัมนิสต์ให้กับนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ คอลัมน์ “ผี พราหมณ์ พุทธ” อีกด้วย อาจารย์ตุลเสียชีวิตไปอย่างปุบปับเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568
ส่วนอีกท่านหนึ่งคือ “อ.ต้องใหญ่” ดร.ภูดิส ศิสิตศิชศักดิ์ อาจารย์สาขาวิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่ถึงแก่กรรมไปเมื่อ 4 เมษายน 2568 นี่เอง
ขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้ด้วย
ในขณะที่คนเก่าจากไป คนใหม่ก็กำลังเข้ามา เพราะในช่วงที่ผ่านมามีคนหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยที่เริ่มแจ้งเกิดจากการเป็นนักปรัชญารุ่นใหม่ ซึ่งมีทั้งแบบที่เพิ่งตั้งไข่หรือเริ่มหัดเดินในเวทีใหญ่ และแบบที่มีกำลังภายในแก่กล้าจนก้าวไปอยู่ในเวทีนานาชาติได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
พวกแรกคือนักเรียนมัธยมกับนักศึกษามหาวิทยาลัย
ส่วนพวกที่สองเป็นนักวิชาการเต็มตัวที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอกมาแล้ว หรือไม่ก็ยังไม่จบปริญญาเอกแต่เริ่มทำงานเป็นอาจารย์ปรัชญามหาวิทยาลัยมาได้ไม่นาน
ประเภทหลังนี้มีผลงานใหม่ๆ ที่สร้างความสนใจในแวดวงปรัชญาจนได้รับการยอมรับจากนักวิชาการปรัชญาด้วยกัน ถึงแม้ว่าประชาชนทั่วไปในวงกว้างอาจยังไม่คุ้นชื่อพวกเขาเท่าใด
บทความนี้จะแนะนำนักปรัชญาไทยรุ่นใหม่ในปัจจุบันว่ามีใครที่น่าจับตามองบ้าง

สองคนแรกเป็นคนหนุ่มที่เพิ่งจบปริญญาเอกมาไม่นาน ทั้งคู่มีความรู้ความสามารถทางวิชาการด้านปรัชญาอย่างโดดเด่นมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นแล้ว คนหนึ่งคือ ผศ.ดร.พีรจุฬา จุลานนท์ (ภู) อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัย Toronto Metropolitan University ประเทศแคนาดา
เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก Humboldt-Universit?t zu Berlin ประเทศเยอรมนี ปริญญาโทและเอกจากมหาวิทยาลัยชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
พีรจุฬาเป็นบุตรชายของ “แหม่ม” วีรพร นิติประภา นักเขียนซีไรต์ 2 สมัยจากเรื่องไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต และเรื่องพุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ
ผมเจอพีรจุฬาครั้งแรกในห้องเรียนวิชาตรรกศาสตร์สัญลักษณ์ สมัยที่เขายังเป็นนิสิตปริญญาตรีภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ก่อนที่อีกไม่กี่เดือนต่อมาเขาก็ลาออกจากมหาวิทยาลัย เมื่อได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ จนกระทั่งมาเป็นนักวิชาการที่แคนาดาในปัจจุบัน
ทุกวันนี้พีรจุฬาได้รับการยอมรับว่ามีความเชี่ยวชาญปรัชญาของ Immanuel Kant เป็นอันดับต้นๆ ในเมืองไทย
คนต่อมาคือ ดร.ปราชญ์ ปัญจคุณาธร ปัจจุบันเป็น Visiting Researcher แห่ง Centre for the Experimental Philosophical Study of Discrimination มหาวิทยาลัยฮาร์ฮุส ประเทศเดนมาร์ก
เขาจบปริญญาตรีปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ (PPE) จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ปริญญาโทปรัชญาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ และปริญญาเอกปรัชญาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในอดีตเขาเคยเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรฯ จุฬาฯ ตั้งแต่ตอนอายุยี่สิบกลางๆ
มีความสนใจทั้งด้านอภิปรัชญา ญาณวิทยา จริยศาสตร์ และปรัชญาการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง justice, risk-taking, luck egalitarianism และ universal basic income
สําหรับกลุ่มที่เป็นรุ่นใหม่วัยรุ่นที่เพิ่งก้าวออกมาปรากฏตัวในเวทีใหญ่เป็นครั้งแรกคือหญิงสาว 3 คน ได้แก่ รวิพัชร์ รอดโพธิ์ทอง, สุธิดา แสงเลิศล้ำ และวิมลรัตน์ ศรีโยหะ
ซึ่งทั้ง 2 หนุ่มกับอีก 3 สาวได้มาเจอกันในสถานที่เดียวกันแต่มี 2 งาน คืองานของภาควิชาปรัชญา จุฬาฯ งานหนึ่ง และงานประชุมของสมาคมปรัชญาฯ อีกงานหนึ่ง งานของสมาคมนั้นมีชื่อเต็มๆ ว่าการประชุมวิชาการประจำของสมาคมปรัชญาและศาสนาแห่งประเทศไทย (PARST) ครั้งที่ 28 จัดขึ้นในวันที่ 12-14 ธันวาคม 2568 ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สองหนุ่มนักปรัชญานั้นมาในฐานะที่แตกต่างกัน พีรจุฬามาบรรยายให้กับภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ในวาระโอกาสการเฉลิมฉลอง 300 ปีเกิดของ Immanuel Kant ภายใต้หัวข้อบรรยายเรื่อง “จิตนิยมอุตรวิสัยของค้านท์ : การตีความและข้อถกเถียง” (Kant’s Transcendental Idealism : Interpretations and Debates) เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 หนึ่งวันก่อนหน้างานของสมาคมปรัชญาฯ จะเริ่ม
ส่วนปราชญ์มาเป็น Keynote Speaker ของงานประชุมสมาคมปรัชญาฯ โดยบรรยายในหัวข้อเรื่อง “When to Bail Risk-Takers Out? : Alleviation vs. Cost-Bearing
แต่ในระหว่างที่มาบรรยายนั้นปราชญ์ยังเป็น Postdoctoral Fellow อยู่ที่มหาวิทยาลัย Warwick ประเทศอังกฤษ
สําหรับรวิพัชร์ รอดโพธิ์ทอง (พราว) นั้นเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย เธอใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Ravipat Rodphothong นำเสนอบทความภาษาอังกฤษเรื่อง Epistemic Responsibility of Beliefs in the Age of Moral Diversity and Deterministic Values
รวิพัชร์เรียนโรงเรียนนานาชาติและใช้ภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เล็ก ทำให้มีทักษะภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยม
เวทีครั้งนี้นอกจากจะเป็นเวทีระดับนานาชาติแล้ว ยังเป็นเวทีวิชาการแรกในชีวิตของเธออีกด้วย
นับว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ขยับก้าวขึ้นมาอยู่ในพื้นที่ของผู้ใหญ่ได้อย่างน่าทึ่งและน่าจะเข้ามาแทนที่นักวิชาการรุ่นใหญ่ได้ในอนาคต
ส่วนอีก 2 คนที่เหลือเป็นนักศึกษาในหลักสูตรปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ (PPE) ที่ศูนย์ลำปาง ของวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ทั้งคู่มีบทความในขณะเรียนกับผมอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อประเมินดูแล้วมีคุณภาพเพียงพอสำหรับเผยแพร่ในเวทีระดับชาติได้ ผมจึงแนะนำให้พวกเขาส่งบทความสมัครเข้าไปนำเสนอในเวทีของสมาคมฯ
ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอขอบคุณ รศ.ดร.สายฝน สุเอียนทรเมธี คณบดีวิทยาลัยสหวิทยาการ รศ.ดร.รุ่งนภา เทพภาพ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและผู้อำนวยการหลักสูตร PPE ลำปาง ตลอดจนคณะกรรมการบริหารหลักสูตรทุกท่าน ที่กรุณาอนุมัติทุนสนับสนุนให้นักศึกษาได้ออกไปเปิดโลกกว้างพัฒนาตนเอง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยดำเนินการทั้งนารากร บุญคง (เตย) และกันตภณ กุณาวงศ์ (โย) มา ณ ที่นี้ด้วย
“สุธิดา แสงเลิศล้ำ” (แป้ง) นำเสนอเรื่อง “การวิเคราะห์แนวคิดสตรีนิยมผ่านภาพยนตร์เรื่อง คิม จียอง เกิดปี 82” บทความนี้มาจากวิชา “ปรัชญาและภาพยนตร์”
สุธิดานำแนวคิดที่ได้จากการเรียนอีกวิชาหนึ่งคือ “ประวัติศาสตร์โลกว่าด้วยเพศสภาพและเพศวิถี” ของ รศ.ดร.รุ่งนภา เทพภาพ มาใช้เป็นกรอบในการวิเคราะห์ภาพยนตร์เรื่อง “คิม จียอง เกิดปี 82” (Kim Ji-young, Born 1982) ซึ่งดัดแปลงจากบทประพันธ์ของโชนัมจู
โดยนำแนวคิดสตรีนิยมทั้ง 4 สาย ได้แก่ สายเสรีนิยม สายถอนรากถอนโคน สายมาร์กซิสต์ และสายวัฒนธรรม มาวิเคราะห์ตัวละครและเนื้อเรื่อง ทำให้มองเห็นการกดขี่ทางเพศในสังคมเกาหลีใต้ที่อยู่ภายใต้ความเชื่อแบบปิตาธิปไตยหรือชายเป็นใหญ่
ส่วน “วิมลรัตน์ ศรีโยหะ” นำเสนอบทความเรื่อง “การเปรียบเทียบแนวคิดประชาธิปไตยในทรรศนะของเพลโต อริสโตเติล และพัฒนาการแนวคิดประชาธิปไตยในปัจจุบัน” ซึ่งพัฒนามาจากการเรียนในวิชา “ประวัติปรัชญาตะวันตก”
วิมลรัตน์อ่านความคิดของเพลโตในงานเรื่อง Republic และของอริสโตเติลในเรื่อง Politics จากนั้นนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับแนวคิดประชาธิปไตยปัจจุบัน
ซึ่งในที่นี้หมายถึง “เสรีประชาธิปไตย” แบบที่มักปรากฏในการเมืองอังกฤษและสหรัฐอเมริกา แล้วแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างแนวคิดประชาธิปไตย 3 แบบทั้งในแง่บวกและลบ
“เปาโล โคเอลโย” นักเชียนชื่อดังชาวบราซิล กล่าวไว้ในนวนิยายเรื่อง The Zahir ว่า “เมื่อบางคนจากไป คนใหม่จะเข้ามา”
นักปรัชญาก็เช่นกัน เมื่อรุ่นเก่าจากไป รุ่นใหม่ก็กำลังเกิดขึ้น
แม้บรรดานักคิดทั้งในอดีตและปัจจุบันอาจไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่ประชาชนเหมือนเช่นนักร้อง นักแสดง หรือนักการเมืองก็ตาม
แต่มรดกทางความคิดของนักปรัชญามักเกี่ยวพันกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองของแต่ละสังคมในระดับรากฐาน หากที่แห่งใดให้ความสำคัญกับภูมิปัญญามาก ก็มีแนวโน้มว่าที่แห่งนั้นจะมีแสงสว่างอันหลากหลาย
ช่วยนำทางขจัดปัดเป่าความมืดได้มากตามไปด้วย
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022