ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 เมษายน 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
บทความในประเทศ
จับตาบทบาท ‘สภาสูง’
แนวร่วม การเมืองสีน้ำเงิน
ผ่าน กมธ.ศึกษา กม.คอมเพล็กซ์
ดึง 12 คนนอกร่วม ‘ชำแหละ’
แม้ว่ารัฐบาลนำโดย “หัวหน้าอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย 6 หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคภูมิใจไทย (ภท.) รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล้าธรรม (กธ.) ประชาธิปัตย์ (ปชป.) และประชาชาติ (ปช.) จะร่วมกันแถลงเลื่อนการพิจารณานําร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ…. หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่จะเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 9 เมษายนออกไปก่อน
ภายหลังร่วมหารือแล้วเห็นพ้องตรงกันว่าสถานการณ์ประเทศ ณ ปัจจุบัน มีเรื่องเร่งด่วนและจำเป็นต้องเร่งแก้ไขมากกว่า โดยเฉพาะผลกระทบจากเหตุ “แผ่นดินไหว” และการประกาศเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าในสหรัฐ ทุกประเภท 10% ของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของผู้นำสหรัฐครั้งนี้ด้วย
จึงเปิดทางให้สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาเรื่องอื่นที่มีความเหมาะสมและเร่งด่วนมากกว่าก่อนที่สภาจะปิดสมัยประชุมวันที่ 10 เมษายน
ประกอบกับรัฐบาลจะได้ใช้ช่วงเวลาที่รอการพิจารณาวาระแรก เดินหน้าชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนที่มีความเห็นต่างและคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเข้าใจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งหายข้องใจว่าร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ ไม่ได้มุ่งเน้นแค่เรื่องบ่อนการพนันหรือกาสิโนแต่เพียงอย่างเดียว
ฉะนั้น การตัดสินใจเลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ ของรัฐบาลครั้งนี้ เป็นการถอยแค่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้ถอนร่างออกไปแต่อย่างใด
มีความเป็นไปได้ว่า หากเปิดประชุมสภาสมัยหน้ารัฐบาลจะนำมาพิจารณาอีกครั้ง แม้หลายฝ่ายจะเรียกร้องอยากให้รัฐบาล “ถอน” มากกว่า “ถอย” ก็ตาม
ทว่า หากไล่เช็กเสียงต้านและเสียงคัดค้านร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะพบว่ามีหลากหลายกลุ่มที่พร้อมใจกันออกมาแสดงจุดยืน
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักการเมือง อดีต ส.ส. อดีต ส.ว. นักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ นักกฎหมาย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและเครือข่าย เป็นต้น
แน่นอนว่าเนื้อหาของประเด็นที่คัดค้านคือการเปิดให้มี “กาสิโน” อยู่ในพื้นที่ของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เนื่องจากมีความเป็นห่วงและกังวลว่า จะก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสังคม อาชญากรรม การทุจริตคอร์รัปชั่น การฟอกเงิน เป็นต้น
แม้กระทั่งชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 นำโดยนายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ได้ร่วมกับอดีต ส.ส.ร. ทำหนังสือเปิดผนึกถึงประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาคัดค้านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบการธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรด้วยเช่นกัน
อีกทั้ง ก่อนหน้าที่รัฐบาลจะแถลงถอยร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พบว่า สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กว่า 50 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครือข่าย ส.ว.สีน้ำเงิน นำโดยนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ ส.ว. และโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การวุฒิสภา ได้ออกมาแสดงจุดยืนด้วยการแถลงคัดค้านการนําร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ…. หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งรวมถึงกาสิโน เข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
เนื่องจากการดําเนินการดังกล่าวเป็นการเร่งรัด ขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและขัดต่อหลักนิติธรรมและหลักธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง
โดยนายพิสิษฐ์ระบุว่า มี ส.ว. กว่า 100 คน มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.และขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการออกเสียงประชามติต่อร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ตามที่กฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติกำหนดให้ต้องทำคือการดำเนินการสิ่งที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง และประโยชน์โดยรวมของประเทศ
หากไม่ทำอาจเข้าข่ายทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 172 รวมถึง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตรา 123/1 หากพบการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเอื้อประโยชน์แก่บุคคลใดมิชอบ
อีกทั้งกาสิโนไม่ใช่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงไม่ใช่การส่งเสริมการท่องเที่ยวที่แท้จริง เนื่องจากปัจจุบันมีคนนิยมเที่ยวในประเทศไทยเพราะมีจุดเด่นเรื่องวัฒนธรรม นอกจากนั้นแล้วกาสิโนอาจทำให้เกิดอาชญากรรมข้ามชาติ และเปิดช่องให้เกิดการฟอกเงิน เกิดทุจริตคอร์รัปชั่น
“ขอให้หยุดการเสนอและถอนจากระเบียบวาระ หากเดินหน้าต้องทำประชามติและทำเวทีรับฟังความเห็นให้รอบด้าน ขอให้เคารพเสียงประชาชนหยุดกระบวนการผลักดันร่างกฎหมายก่อนที่ประเทศไทยจะเกิดความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ และหากสภาโหวตรับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ส.ว.จะขอดำเนินการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตรวจสอบจริยธรรม” นายพิสิษฐ์ระบุ
ขณะเดียวกัน ช่วงค่ำวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ที่ประชุมวุฒิสภาได้พิจารณาญัตติเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยการอภิปรายของ ส.ว. ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง สมาชิกเสียงส่วนใหญ่ เห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ เรียกร้องให้รัฐบาลจัดเวทีรับฟังความเห็นของประชาชน หรือสมัชชา 77 จังหวัดและเสนอให้ทำประชามติ พร้อมกับเสนอให้ถอนร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ออกจากวาระการพิจารณาของสภา
กระทั่งมีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาการประกอบธุรกิจสถานบันเทิง ขึ้นมา 1 ชุด จำนวน 35 คน ประกอบด้วย สมาชิกวุฒิสภา 23 คน และสัดส่วนบุคคลภายนอก จำนวน 12 คน วางกรอบศึกษาไว้ 180 วัน
สำหรับรายชื่อ กมธ.สัดส่วนคนนอก ทั้ง 12 คน ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ดังนี้ น.ส.กัญญารัตน์ โคตรภูเขียว อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ และอดีต ส.ว., นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีต ส.ว., นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว., นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง, พล.ท.บุญชัย เกษตรตระการ รองจเรกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, นายภูมิรักษ์ ธีรัชกิจไพศาล, นายวุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า, นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีต ส.ส.ร., พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.), นายแสนศักดิ์ ศิริพานิช อดีตข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ดี หากไล่เรียงโฉมหน้ารายชื่อ กมธ.ส่วนคนนอกทั้ง 12 คน ต้องยอมรับว่าเป็นรายชื่อที่มีความน่าสนใจและน่าจับตามองอย่างยิ่ง เนื่องจากบางคนมีบทบาทและจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน รวมทั้งก่อนหน้านี้บางคนก็ได้แสดงจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ
ฉะนั้น ต้องรอดูผลการศึกษาของ กมธ.ชุดนี้ที่ถือเป็นแนวร่วมการเมืองสีน้ำเงินว่าท้ายที่สุดแล้วจะออกมาเป็นเช่นไร
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022