ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 เมษายน 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย | ประจำวันที่ 18-24 เมษายน 2568
• จิ้งหรีด
อย่างที่หลายคนทราบดี
“จิ้งหรีด” เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง
จนเกิดกระแสนิยมการบริโภคโปรตีนจากแมลงในทวีปยุโรปและอเมริกา
ยกให้เป็นอาหารใหม่ หรือ Novel Food อาหารแห่งอนาคต
ทั้งยังมีการคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมโปรตีนจากแมลงจะขยายตัว 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี พ.ศ.2570
ผู้ซื้อรายใหญ่ในตลาดนี้คือ บริษัทอาหารและเครื่องดื่ม ผู้ผลิตนมทางเลือก และอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เป็นต้น
ในไทย จิ้งหรีดสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยเฉพาะในชนบทที่มีพื้นที่จำกัด
ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดในไทยมีมากกว่า 20,000 ราย
และมากกว่าร้อยละ 80 อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เกษตรกรกลุ่มแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มเลี้ยงจิ้งหรีดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2541
แต่ปัจจุบันกลุ่มผู้เลี้ยงจิ้งหรีดที่สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและส่งออกต่างประเทศได้ เป็นกลุ่มผู้เลี้ยงจิ้งหรีดในพื้นที่ภาคกลาง และอื่นๆ
ดร.อนุวรรตน์ ศรีสวัสดิ์ หัวหน้าโครงการเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการผ่านกระบวนการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าใหม่ของการเลี้ยงจิ้งหรีดเพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ที่ได้รับทุนสนับสนุนของหน่วยบริการและจัดการทุนวิจัยด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)
ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
บอกว่า ที่ผ่านมาทีมวิจัยได้ขับเคลื่อนงานในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด
โดยพบว่าตลาดจิ้งหรีดมีมูลค่ารวมถึง 23 ล้านบาท
แต่เม็ดเงินเหล่านั้นกลับไปถึงมือกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่เพียง 7 ล้านบาท
เนื่องจากเกษตรกรต้องซื้ออาหารจิ้งหรีดสำเร็จรูปจากนอกพื้นที่
ดังนั้น ในการสร้างห่วงโซ่คุณค่าใหม่ (New Value Chain) ของการเลี้ยงจิ้งหรีดในพื้นที่ สิ่งที่ดำเนินการในส่วนต้นน้ำคือ “การพัฒนาสมรรถนะและศักยภาพของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีด”
เพื่อทำให้เกิด “ผู้ผลิตอาหารจิ้งหรีดในพื้นที่” ตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบจากอาหารสัตว์ และผู้ผลิตอาหารสัตว์ในพื้นที่
เพื่อปิดช่องว่าง ลดการพึ่งพิงห่วงโซ่ (Chain) จากนอกพื้นที่
และออกแบบการจัดการธุรกิจที่จะทำให้รายได้กระจายสู่เกษตรกรและผู้ประกอบการอย่างทั่วถึงและเหมาะสม
ที่ผ่านมาทีมวิจัย ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง และเกษตรกร 11 กลุ่ม จำนวน 124 คน ได้ทำงานร่วมกันโดยยึดหลักการ “พาทำ และทำกัน”
ไม่ใช่เพียงการทำโรงเรือนที่ได้มาตรฐานฟาร์ม GAP (Good Agricultural Practices)
แต่ต้องช่วยให้เกษตรกรมีศักยภาพในการ “ผลิตอาหารจิ้งหรีดต้นทุนต่ำโดยใช้ทรัพยากรพื้นถิ่น”
โดยการใช้สูตรอาหารสำเร็จรูปสูตรใหม่นี้สามารถลดต้นทุนการผลิตจิ้งหรีดจาก 71.99 บาท/หนึ่งกิโลกรัมจิ้งหรีด เหลือเพียง 61.06 บาท/หนึ่งกิโลกรัมจิ้งหรีด
และที่สำคัญกว่าการลดต้นทุนก็คือ การทำให้เกษตรกรสามารถ “เลี้ยงจิ้งหรีดให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพมาตรฐานตามความต้องการของตลาดได้”
ล่าสุด เกษตรกรทั้ง 11 กลุ่ม ที่เข้าร่วมโครงการนี้ ได้รวมตัวกันเป็น “เครือข่ายความร่วมมือหน่วยธุรกิจในพื้นที่”
ที่นอกจากจะสร้างอำนาจในการต่อรองกับพ่อค้าคนกลางแล้ว ยังรวมถึงช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งเรื่องอาหาร รวมถึงการจัดหาจิ้งหรีดให้ได้ตามออร์เดอร์ที่รับมา
สามารถหล่อเลี้ยงตนเอง วางแผนธุรกิจ วางแผนตลาด และยังเป็นผู้รวบรวมสินค้าจากชุมชนไปจำหน่ายได้ด้วย
หน่วยบริหารและจัดการทุน
เพื่อการพัฒนาระดับพื้นที่ – PMUA
กระทรวง อว.
• กล้วย
หากพูดถึงผลไม้ที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์
“กล้วยหอมทอง” คงเป็นหนึ่งในผลไม้อันดับต้นๆ ที่หลายคนนึกถึง
ด้วยรสชาติที่หวานกำลังดี เนื้อแน่นนุ่ม และกลิ่นหอมเย้ายวน ทำให้เป็นผลไม้คู่ครัวที่กินได้ทุกวัย
และที่สำคัญยังเป็นแหล่งพลังงานชั้นดีที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่นได้ในทุกมื้อ
“กล้วยหอมทอง” ขนาดใหญ่ เนื้อแน่น รสชาติดี ผลผลิตขนาดใหญ่อวบแน่นที่ใครเห็นต้องว้าว!
ต้องเป็นกล้วยหอมทองคุณภาพพรีเมียม จาก อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา
แหล่งปลูกกล้วยหอมทองขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของไทย
ได้รับมาตรฐาน GAP การันตีความปลอดภัยและคุณภาพที่คัดสรรมาอย่างดี
โดยกว่าจะได้กล้วยหอมทองลูกใหญ่ หวานหอม เกษตรกรต้องใช้เวลา 9 เดือน ซึ่งต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด
นายเกรียงศักดิ์ วิเลปะนะ ตัวแทนเกษตรกร เครือข่ายกล้วยหอมทอง คิง ฟรุทส์ เล่าว่า
“กล้วยหอมทองจาก อ.เสิงสาง เราปลูกด้วยความใส่ใจ ดูแลอย่างพิถีพิถันตลอด 9 เดือนเต็ม ตั้งแต่การปลูก การให้น้ำ ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต ทำให้มีผลผลิตจำหน่ายตลอดปี โดยใช้เวลาบ่ม 60 วันในฤดูร้อน และ 90 วันในฤดูหนาว เมื่อได้ขนาดและลักษณะที่สมบูรณ์ จะเข้าสู่กระบวนการคัดแยก ล้างทำความสะอาด และส่งต่อไปยัง โก โฮลเซลล์ (GO WHOLESALE) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ซึ่งจะคัดเฉพาะกล้วยพรีเมียมเท่านั้น”
กล้วยพรีเมียมดังกล่าว ต้องผิวสวย สีเหลืองนวล ลูกใหญ่ ไม่มีเหลี่ยม และน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 2.5 กิโลกรัมต่อหวี
ทุกขั้นตอนการปลูกเป็นไปตามมาตรฐาน GAP เพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับสินค้าคุณภาพสูงและปลอดภัย
ที่สำคัญกล้วยทุกหวี ผลผลิตทุกลูก ทำให้เกษตรกรมีช่องทางจำหน่ายที่มั่นคง สร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับครอบครัวและชุมชน
ช่วยกันอุดหนุนเกษตรกรไทย พร้อมลิ้มรสความอร่อย “กล้วยหอมทองที่ดี” ได้ที่ โก โฮลเซลล์
GO WHOLESALE
ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร
ในเครือเซ็นทรัล รีเทล
ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
หลายๆ คนคงได้กลับบ้าน
โดยเฉพาะบ้านในชนบท
ซึ่งอาจพอได้สัมผัสความรู้สึก
“เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาเป็นของจริง”
“ข้าวปลา” อันเป็นรากฐานดั้งเดิมของสังคมไทย
นั่นคือสังคมเกษตร
เหนื่อยกับ “สงครามการค้า” มามากแล้ว
และไม่อยากประสาทตาม “ทรัมป์” จนเกินไปนัก
ก็กลับมายืนกับฐานรากของตนเอง
พึ่งพิงตนเองให้มากขึ้น
ไม่พึ่งพิงชาติอื่น หรือพึ่งการส่งออกมากเกินไป
การเกษตร อันหมายถึง “ข้าวปลา” ที่ทำให้ท้องอิ่ม นอนสุข
ก็พออาศัย
แต่คงไม่ได้หมายความว่า จะต้องจมอยู่กับเกษตรแบบเดิมๆ
แต่ขอให้เป็นเกษตรแบบสมาร์ตๆ
ตัวอย่าง งานวิจัยอาหารจิ้งหรีด และผลิตกล้วยหอมคุณภาพสูง
ที่ยกมาให้อ่าน
ซึ่งเราสามารถ “เท่” บนฐานรากของเราได้
และถ้าทำได้ดี ก็คงไม่ต้องเหนื่อยกับการเป็นลูกไล่สงครามการค้าของใครต่อใคร
จนเกินไป •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022