ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 เมษายน 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
บทความในประเทศ
พวงทอง ภวัครพันธุ์ เปิดความรู้สึก
กับการถูก ‘ไอโอ’ ล็อกเป้า
เป็นภัยความมั่นคง
ชี้ ‘เพื่อไทย’ ชนชั้นนำไม่เคยวางใจ
ฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาชนเดินหน้าตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้นมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา
หนึ่งในไฮไลต์ที่หลายคนให้ความสนใจคือข้อมูลจากการซักฟอกนายกรัฐมนตรีของนายชยพล สท้อนดี ส.ส.พรรคประชาชน ที่ออกมาแฉปฏิบัติการไอโอของกองทัพ ซึ่งนอกจากจะโจมตี และสะกดรอยตามกลุ่มเป้าหมายหลักอย่างพรรคประชาชนแล้ว
ทีมไซเบอร์ไอโอยังมีการกำหนดยุทธศาสตร์ เพื่อตรวจสอบทัศนคติของอาจารย์ และนักกฎหมายอีกนับร้อยคน โดยหนึ่งในนั้นมีรายชื่อของ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมอยู่ด้วย
รายการประชาธิปไตยสองสี ที่เผยแพร่ในช่องยูทูบมติชนทีวี “ใบตองแห้ง” อธึกกิต แสวงสุข ได้พูดคุยกับ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ ในประเด็นปฏิบัติการไอโอดังกล่าว
รศ.ดร.พวงทองยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะรู้อยู่แล้วว่าตกเป็นเป้าที่ถูกจับตามองมาตลอด หลังรัฐประหารก็ถูกเรียกเข้าไปปรับทัศนคติ นอกจากนี้ ยังเคยโดนเพกาซัสสปายแวร์เจาะโทรศัพท์มาถึง 4 ครั้ง
ขณะเดียวกันหลังจากหนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย” ปล่อยออกมาก็เห็นได้ชัดว่ากองทัพไม่พอใจ และเคยถูกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สั่งแบนหนังสือมาแล้ว
“ก่อนหน้านี้เราไม่รู้แน่ชัดว่าหน่วยงานไหนเป็นคนทำ แต่พอคุณชยพลออกมาเปิดเผยข้อมูล ทำให้เรารู้ชื่อหน่วยงาน รู้ชื่อคนที่รับผิดชอบชัดเจน”
“อาจจะแปลกใจนิดหน่อยตรงที่จำนวนคนที่โจมตีเรามันเยอะมาก เป็นที่ 2 รองจากพรรคประชาชน แต่พรรคประชาชนเขาทั้งพรรคเลย แต่เราคนเดียว”
“เราอาจจะเป็นนางร้ายสำหรับเขา หนังสือแค่เล่มเดียวคุณใช้คน ใช้ทรัพยากรมากมายที่จะมาโจมตีเรา เพราะเราไปจี้ใจดำเขาจริงๆ และปฏิบัติการไอโอที่คุณชยพลเปิดเผย มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่วิเคราะห์ไว้ในหนังสือด้วย”
“เนื้อหาของการโจมตีมันก็มีอยู่ในหลักสูตรของเขา เช่น การพยายามทำให้คนไม่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยจากการเลือกตั้ง วิพากษ์วิจารณ์นักการเมือง ทำให้คนไม่เชื่อมั่นในพรรคการเมือง”
ไม่เพียงแค่นั้น รศ.ดร.พวงทองยังเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือกรอบวิธีคิดเรื่องความมั่นคงของกองทัพ ที่มองว่าคนที่คิดต่างกับตัวเองล้วนเป็นความภัยความมั่นคงของชาติทั้งสิ้น
“อีกไม่กี่ปีเราเกษียณ เราไม่ได้พูด มันก็จะมีคนอื่นอีกที่จะถูกมองว่าเป็นศัตรูของรัฐที่ต้องถูกจัดการ กองทัพคุ้นเคยกับการใช้ปฏิบัติการจิตวิทยาโจมตีฝ่ายที่คิดต่างด้วยวิธีการแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ยุคคอมมิวนิสต์”
“โจมตีว่าคอมมิวนิสต์เป็นสิ่งที่ชั่วร้าย เลวทราม สร้างละคร สร้างอะไรขึ้นมา แต่ในยุคคอมมิวนิสต์เขาทำเปิดเผย เพราะคอมมิวนิสต์ไม่ได้เป็นอำนาจรัฐ”
“แต่ตอนนี้ศัตรูของรัฐมันกลายเป็นคนกุมอำนาจรัฐด้วย ก็คือพรรคการเมือง บวกกับความไม่ไว้ใจการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาและการเลือกตั้ง”
“นี่คือวิธีคิดของฝ่ายชนชั้นนำจารีตของกองทัพ ที่ไม่ไว้ใจนักการเมือง จะเห็นได้ว่าพรรคการเมืองที่ถูกเล่นงานก็ไม่ได้มีแต่เพื่อไทย แต่คุณอนุทิน ชาญวีรกูล คุณธรรมนัส พรหมเผ่า ก็โดนด้วย”
“โดยรวมก็คือเขาไม่ไว้ใจนักการเมือง ไม่ไว้ใจระบอบประชาธิปไตยจากการเลือกตั้ง เพราะมันเป็นเส้นทางที่นักการเมืองเหล่านี้เข้าสู่อำนาจ”
“ฉะนั้น เขาก็ต้องมีวิธีในการควบคุมหลายๆ ทาง เช่น สงครามจิตวิทยาในการทำลายความชอบธรรม ทำลายความนิยมของประชาชน”
“วิธีการควบคุมอันใหญ่ก็คือผ่านการเขียนรัฐธรรมนูญ ศาล องค์กรอิสระ เขาทำแบบเบ็ดเสร็จ เขาทำเป็นองค์รวมทั้งหมด” รศ.ดร.พวงทองระบุ
นักวิชาการผู้นี้ยังสะท้อนดีลลับของพรรคเพื่อไทยกับชนชั้นนำได้อย่างแหลมคม โดยมองว่าเพื่อไทยยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพื่อให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับไทยได้ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่ากลุ่มชนชั้นนำไม่เคยไว้ใจเลยก็ตาม เห็นได้จากการที่คนของพรรคเพื่อไทยตกเป็นเป้าของปฏิบัติการไอโอเช่นกัน
“เห็นชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยยอมอยู่ภายใต้สภาวะที่ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ยอมรับดีลนี้ เพื่อให้คุณทักษิณสามารถที่จะกลับบ้านได้”
“ทำไมยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยมีแค่ว่าจะสร้างอำนาจต่อรองของตัวเอง ด้วยการทำให้เศรษฐกิจประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น”
“เพื่อใช้เป็นอำนาจต่อรอง ดังนั้น คุณจะต้องใช้ฉัน ให้ฉันเป็นรัฐบาล ขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้พรรคประชาชนเข้ามาเป็นรัฐบาลด้วย”
“ธำรงรักษาปกป้องตัวระบอบไว้ ไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็รู้ว่าฝ่ายชนชั้นนำไม่เคยไว้ใจเขาจริงๆ แต่เขาก็พยายามพิสูจน์ พยายามสร้างอำนาจต่อรองของตัวเอง”
“แต่ว่าอำนาจต่อรองของเขา แทนที่จะเกิดจากการจับมือกับพรรคประชาชน ที่จะร่วมกันปฏิรูปต่อรองกับชนชั้นนำ แต่เขากลับโดดเดี่ยวพรรคประชาชน แล้วไปจับมือกับพรรคการเมืองอื่น ชนชั้นนำยอมทุกอย่าง ไม่ให้ใครแตะต้องอำนาจ”
“ในอดีตพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่หัวเดียวกระเทียมลีบ ตอนนั้นยังไม่มีอนาคตใหม่ ก้าวไกล ประชาชน เขาก็ต่อสู้กับชนชั้นนำอยู่ตามลำพัง แต่ตอนนี้คุณทิ้งไพ่ใบสำคัญ คือพรรคประชาชนที่จะเป็นอำนาจต่อรองอันหนึ่งที่สำคัญ”
“2 พรรคนี้รวมกัน มันเกินครึ่งหนึ่งของสภา มันต่อรองได้หลายอย่าง มันจะเป็นรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพมาก แต่คุณกลับไม่ทำอะไร กลายเป็นว่าพอคุณทิ้งไพ่ใบสำคัญ แล้วไปร่วมมือกับเขา คุณก็บริหารประเทศไม่ได้”
“กระทรวงสำคัญๆ ก็ไปอยู่ในมือของพรรคอื่น ซึ่งไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหา หรือบริหารประเทศใดๆ ทั้งสิ้น กระทรวงเศรษฐกิจที่คุณดูแลเอง ก็พบว่ามีปัญหาเยอะ เพราะในที่สุดแล้วคุณก็ไม่กล้าที่จะแตะต้องผลประโยชน์ของทุนขนาดใหญ่ที่สนับสนุนคุณอยู่เบื้องหลังด้วย”
“ไม่กล้าแตะอะไรสักอย่าง แล้วก็ยอมอยู่ใต้ดีลนี้ ไพ่ของพรรคเพื่อไทยคือจะต้องทำเศรษฐกิจให้สำเร็จให้ได้ แต่ปัญหาคือปีครึ่งที่ผ่านมา มันไม่มีอะไรที่ทำให้คนประทับใจ หรือทำให้คนมีความหวังว่าเศรษฐกิจมันจะดีขึ้นได้”
“เราไม่เห็นการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจใดๆ เลยที่เป็นชิ้นเป็นอัน เราเห็นแต่โครงการที่จะทำให้เกิดควิกวิน คือทำให้ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จเร็ว แต่มันเป็นควิกวินที่อาจจะสร้างตัวเลขเท่านั้น แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดการสร้างงานระยะยาว เช่น กรณีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”
“เพื่อไทยเลือกใช้วิธีนี้ในการอยู่รอด พอถึงวันนี้ไม่รู้จะไปทางไหน จะถอยก็ไม่ได้ จะไปจับมือมือกับพรรคประชาชนตอนนี้ก็อาจจะสายเกินไปแล้ว”
“ไม่ได้รู้สึกว่าน่าสงสาร เพราะคุณพาประเทศมาสู่จุดทางตันแบบนี้ ไปไม่ได้ ถอยไม่ได้ แล้วจะอยู่แบบนี้ไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า คำถามก็คือเลือกตั้งครั้งหน้า คุณจะทำแบบนี้อีกไหม คุณจะดีลแบบนี้อีกไหม”
“แต่เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทยจะอ่อนแอลง คะแนนเสียงที่เขาจะได้น่าจะลดลง อำนาจต่อรองเขาก็จะยิ่งน้อยลง แต่คุณจะยังสยบยอมกับอำนาจเดิมอยู่” รศ.ดร.พวงทองกล่าว และย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคประชาชนจะได้จำนวน ส.ส.มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับคดี 44 ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ด้วย
“ต้องดูว่า ส.ส.กี่คนที่จะถูกตัดสิทธิ ซึ่งจะทำให้คนรู้สึกสูญเสียความหวัง เช่นตัวหลักๆ อย่าง ศิริกัญญา ตันสกุล วิโรจน์ ลักขณาอดิศร รังสิมันต์ โรม”
“แต่เสียงของพรรคประชาชน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเขาฝ่ายเดียว มันขึ้นอยู่กับการกระทำของพรรคเพื่อไทยด้วย ยิ่งพรรคเพื่อไทยทำแบบนี้ คนก็จะหันไปหาพรรคประชาชนมากขึ้น”
“ในที่สุดต่อให้ถูกตัดสิทธิ แต่ก็จะเห็นว่าพรรคประชาชนเขาก็มี ส.ส.หน้าใหม่ๆ ที่จะมาตรวจสอบ เขาอาจจะได้ไม่ถึง 250 ที่นั่ง ที่จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้”
“คำถามก็จะกลับไปที่พรรคเพื่อไทยว่าคุณยังจะทำดีลกับชนชั้นนำแบบเดิมอีกหรือไม่ คุณจะให้ประเทศอยู่ในภาวะชะงักงันไปอีก 4 ปีหรือไม่” รศ.ดร.พวงทองกล่าวปิดท้ายได้อย่างน่าสนใจ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022