‘พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์’ คุยเรื่อง ‘(การ) เมืองกรุงเทพฯ’ หลังยุค ‘แผ่นดินไหว’

เปลี่ยนผ่าน | ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี

 

‘พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์’

คุยเรื่อง ‘(การ) เมืองกรุงเทพฯ’

หลังยุค ‘แผ่นดินไหว’

 

หมายเหตุ “ผศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์รายการ “The Politics” ทางช่องยูทูบมติชนทีวี เมื่อวันที่ 2 เมษายน ภายหลังเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ที่เมียนมา ซึ่งส่งผลสะเทือนมาถึงสังคมเมืองกรุงเทพฯ ในหลายแง่มุม ดังเนื้อหาน่าสนใจบางส่วนต่อไปนี้

 

สิ่งที่เราเห็นคือการทำงานของ “สังคมพันลึก”

“ทั้งหมดที่คุณกำลังรันอยู่ (หลังสถานการณ์แผ่นดินไหว) มันแทบจะเรียกว่าหลุดรอดออกไปจากคำสั่งและโครงวิธีคิดในเรื่องระบบรัฐราชการทั้งสิ้น คุณสั่งการ อ่านขึงขังมากเลยนะ นี่ต้องลดระดับ เพิ่มระดับ ใครควบคุมสถานการณ์

“(แต่) คนที่รันงานจริงๆ คือวิศวกรอาสา หมาเอกชน เว็บพนัน กลุ่มไลน์ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใต้ดินทุกรูปแบบ ไม่ว่ากลุ่มรับรูปส่งรูป กลุ่มพนัน คือมันเป็นสังคมแบบ ‘deep society’ (สังคมพันลึก) ไม่ใช่ ‘deep state’ (รัฐพันลึก)

“คนอีกจำนวนหนึ่งแข่งกันจะเอารองเท้าไปให้หมา ทำอะไรไม่ได้ก็ดูรูปหมากดไลก์กันไป คือประเด็นมันเห็นจริงๆ ว่ารัฐราชการมีปัญหา แม้กระทั่งวิธีคิดที่ยังวนเวียนอยู่ว่าจะบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างไร

“ไอ้สิ่งที่ขับเคลื่อนจริงที่เราเห็น มันอยู่ในโครงสร้างที่คุณสั่งการไปสั่งการมาตรงไหน? แล้วผมบอกให้ ต่อให้แก้กฎหมายใหม่ ไปจ้างผู้เชี่ยวชาญเรื่องภัยพิบัติฉุกเฉินมา เขาก็ยังอยู่ในกรอบนั้น (กรอบแบบราชการ)

“ขณะที่สังคมทุกคนพร้อมมาก เห็นคลิปพวกอินฟลูเอนเซอร์หรือเปล่า? ไปเกาะรั้วอยากจะเอาของไปแจก ปัญหาตอนนี้คือไม่ใช่แค่ทุกคนอยาก ‘เผือก’ ในทางลบ (พวกเขา) อยาก ‘เผือก’ ในทางบวกด้วย

“(พวกเขาจะ) ทำอะไรได้บ้าง? (ในกฎที่) ห้ามนู่นห้ามนี่ คือมันเป็นปัญหาเรื่องวิธีคิด ถึงเวลา มันไม่ใช่ปัญหาการสั่งการและปัญหางบประมาณ”

@matichontv

แรงสะเทือนเดียวกระทบทั้งเมือง! ผศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ ชี้แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำชนชั้นกลางผวา กระทบความฝันคนเมืองทั้งคอนโดและรถไฟฟ้า #ThePolitics #พิชญ์พงษ์สวัสดิ์ #แผ่นดินไหว #สตง #ตึกถล่ม #คอนโด #กทม

♬ เสียงต้นฉบับ – Matichon TV – Matichon TV

“สมาร์ตซิตี้” ที่ไม่อัจฉริยะดังหวัง

“โลกมันเปลี่ยนไปในทางนี้ เราก็เชื่อมันตลอด สมาร์ตซิต้ง ซิตี้ เมืองเดินได้ เฮลตี้ ซิตี้ ทุกคนพูดกันเป็นคำ เอาไว้แบบขอโปรเจ็กต์กันน่ะ แต่สิ่งที่คุณต้องคิดจริงๆ ก็คือคุณไม่ได้วางอะไรคู่ขนาน

“เช่น คุณทำรถไฟฟ้า ทำไมสัญญาณการปฏิรูปรถเมล์มันมาไม่เท่ากัน อย่างวันนั้น ชัดเจนที่สุด คืนนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ ต้องการันตีว่ารถเมล์จะเดิน แล้วรถเมล์ต้องฟรี มันไม่ได้คิด คุณวนแต่ว่ารถไฟฟ้าพัง รถไฟฟ้าพัง ก็แปลว่าเวลาคุณวางแผนรถไฟฟ้า หน่วยรถไฟฟ้ากับหน่วยรถเมล์มันคนละหน่วยกัน แล้วคุณไม่คิด

“ทุกวันคุณเอาแต่โชว์ว่ารถไฟฟ้าจะไปถึงไหน แต่คุณไม่ได้ออกแบบรถเมล์ให้มันเป็นเรื่องเป็นราว ทุกคนด่าเรื่องความวุ่นวายของรถเมล์มากี่ปี แม้กระทั่งล่าสุดที่เปลี่ยนตัวเลข (สายรถเมล์) ไปมาก็ไม่รู้เรื่อง แล้วมันไม่ได้เป็นระบบที่มีเหตุมีผลเท่ารถไฟฟ้าเลย เช่น รถเมล์ รถร่วมฯ รถสองแถว

“สิ่งเหล่านี้ เส้นเลือดฝอยตัวนี้ คุณไม่ออกแบบให้มันดี ประเด็นคือคุณไม่เคยคิดคู่กันว่า ถ้าอันนี้พัง จะทำอย่างไร ถ้าอันนี้พัง ทางเดินมันจะต้องเป็นอย่างไร คุณจะต้องไปอยู่ที่ไหน”

ความเปลือยเปล่าเปราะบางของ “คนชั้นกลาง”

“วันนั้น ความน่ากลัวที่สุดของเรื่องจริงๆ มันคือความเปราะบางของชีวิตของคนชั้นกลางในเมืองทั้งหมด สิ่งที่มันถูกกระแทกแรงกว่าอาคาร สตง. คือความเปราะบางของความฝันทั้งหมดของคนชั้นกลาง นี่คือความเปราะบางทั้งหมดที่มีกับคนเจนวายและเจนซี

“เจนวาย-เจนซีไม่เคยเจออะไรที่ช็อกขนาดนี้ เจนซีอาจจะน้อยหน่อย แต่เจนวายนี่คือฝันร้ายที่สุดของคนเจนวาย เพราะสิ่งที่คนเจนวายมีก็คือความฝัน เมืองในความฝันของเขา ชีวิตก็คือคอนโดฯ และรถไฟฟ้า เขาต้องผ่อนคอนโดฯ และรถไฟฟ้า

“อันนี้ขออนุญาตนะ คนจนชีวิตเขาเปราะบางทุกวัน ไม่รู้จะโดนไล่รื้อเมื่อไหร่ ไม่รู้ไฟไหม้เมื่อไหร่ แต่ถ้าเขาไปไหนเขาไปกันเป็นกลุ่ม เขารู้จักเพื่อนข้างบ้าน บ้านเขาถูกไฟไหม้เขานอนกับข้างบ้านได้ บ้านเขาถูกไฟไหม้หรือชุมชนเขาถูกไฟไหม้ เขายังถูกย้ายไปเป็นชุมชน โอเค ชีวิตเขาอาจจะไม่ได้สวยหรู ชีวิตเขาถูกกดขี่ดูหมิ่นมาตลอด

“คนชั้นกลางเดินตามระบบทุกอย่าง ทำงาน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ รถไฟฟ้ามาแล้ว ขับรถไฟฟ้าอีวีด้วย (จอด) ตายอยู่กลางถนน อยู่คอนโดฯ ผ่อนยังไม่หมด แรงสะเทือนเดียว คุณเป็นคนไร้บ้านเลยนะ คุณไปไหน? คุณหนักกว่าไฟไหม้ชุมชนอีก

“วันนั้น ลูกศิษย์ผมกี่คนที่กลับบ้านไม่ได้ พวกปริญญาโท บางคนกำลังผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ทำไง คุณไปไหน ชีวิตคุณเหลือแค่ไปอยู่สวนสาธารณะ

“เฮ้ย! หน่วยงานรัฐอีกกี่หน่วยที่พอจะเปิดที่พักชั่วคราวให้ (ได้) ทำไมคุณต้องให้ ‘กัน จอมพลัง’ ทำวะ? นี่คือการออกแบบเมืองอะไร? ‘สวน 15 นาที’ เหรอ มันรับสิ่งนี้ได้ไหม? ชีวิตคุณวันนั้นเหลือสวนสาธารณะกับข้าวกล่องนะครับ กับป้ายรถเมล์ที่คุณสามารถจะเสียบมือถือได้ ชีวิตคุณเปลือยเปล่าเปราะบางขนาดไหน”

 

เชียร์ “ชัชชาติ” ให้ถูกทาง

“คุณคิดว่าอย่างอาจารย์ชัชชาติ (สิทธิพันธุ์) จะไปเป็นนายกฯ ได้เหรอ? อาจจะไม่ใช่ก็ได้ หรือคุณคิดว่านี่ไง อาจารย์ชัชชาติรอบหน้าต้องส่ง ส.ก.เอง ผมไม่เห็นด้วยเลย

“การส่ง ส.ก.เอง ก็ขาดมิติการตรวจสอบอยู่ดี มันก็ขับเคลื่อนได้เร็ว (แต่) มันก็จะกลับไปอยู่ในโจทย์เก่าว่า ไม่พอใจผม ก็ต้องไม่เลือกพวกผมทั้งกลุ่มเลย มันไม่มีระบบไหนที่สมบูรณ์แบบในตัวของมันเอง ผมกลับคิดว่า ถ้าอาจารย์ชัชชาติจะทำงาน ทำงานภายใต้แรงกดดัน แต่ใช้สังคมกดดัน ส.ก.ให้อยู่ในร่องในรอย (ดีกว่า)

“จนถึงวันนี้ มีคนติดตามการประชุมสภา กทม.เพิ่มขึ้นหรือยัง? ถ้าจากวันนี้คุณถ่ายทอด ผมว่ามันอาจจะมีสาระมากกว่าสภาใหญ่ด้วย คน กทม.เองถ้าดูว่าอาจารย์ชัชชาติเสนออะไร แล้ววิจารณ์กันจริงๆ ให้เหมือนประชุมระดับชาติ ถ้าทุกสัปดาห์เป็นอย่างนี้ ผลการเลือกตั้ง ส.ก.ครั้งหน้า มันต้องเปลี่ยน

“คุณจะไม่มีแล้ว คนนี้ใครวะ อ๋อ คนนี้มันเดินแค่ชุมชนตรงนี้ ตรงนี้ แล้วได้มา (เป็น ส.ก.) เป็นไปไม่ได้แล้ว อันนี้ต่างหากที่สังคมต้องจับตา การที่จะให้อาจารย์ชัชชาติมี ส.ก.ของตัวเอง ไม่ใช่สูตรสำเร็จ และมันก็ไม่ได้ไปไกลกว่านั้น

“เราเรียนรู้อะไรจากพรรคพลังธรรม? สุดท้ายวันนี้พรรคพลังธรรมอยู่ที่ไหน? เพราะคุณตั้งต้นจากบุคลิกพิเศษของอาจารย์ชัชชาติ แล้วคุณก็บอกต้องการคนกลุ่มหนึ่งมาสนับสนุนอาจารย์ชัชชาติ แล้วถ้าอาจารย์ชัชชาติลงจากตำแหน่ง ส.ก.จะอยู่ต่ออย่างไร?

“พรรคพลังธรรมสุดท้ายได้คุณทักษิณ (ชินวัตร) มาแป๊บหนึ่ง วันนี้พรรคพลังธรรมเหลือกี่ที่นั่ง? ยังไม่ได้หายไปนะ แล้วทำอะไรได้? มันก็ขึ้นลงอย่างนี้

“เพราะคุณตั้งต้นจากบุคคล เชียร์บุคคล ช่วยบุคคล มันไม่ได้เป็นสถาบันทางการเมือง โอเค ระยะสั้นมันก็ดี ระยะยาวมันตรวจสอบไม่ได้”