ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 เมษายน 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
คุยกับ ‘เป้ อารักษ์’ ถึงมุมมองศาสนา
และการกำกับหนังครั้งแรก ‘The Stone พระแท้ คนเก๊’
เปิดตัวอย่างร้อนแรงทั้งรายได้และเสียงวิจารณ์ กับการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของ ‘เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ’ ร่วมกับ ‘บี วุฒิพงษ์ สุขะนินทร์’ กับภาพยนตร์ ‘The Stone พระแท้ คนเก๊’ ที่กำลังกวาดรายได้ในโรงภาพยนตร์อยู่ในตอนนี้
มติชนสุดสัปดาห์ คว้าตัวเป้ อารักษ์ มาสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตอย่างเจาะลึก ถึงวิธีการการถ่ายทำ การคัดเลือกนักแสดง และมุมมองถึงศาสนาในฐานะผู้ที่มีจิตศรัทธาในพระเครื่อง
ที่เราเชื่อว่าคุณจะได้รู้จักเขามากขึ้นกว่าที่เคย

: ทำไมกำกับหนังเรื่องแรกถึงเกี่ยวกับวงการพระเครื่อง
ผมก็ไม่ได้อยากอยู่เบื้องหลังขนาดนั้น แต่เพราะว่าเวลาเราทำ MV (Music Video) ไปมันก็ไม่ได้ตังค์ ยอดวิวมันไม่ได้เยอะ เราให้พี่ผู้กำกับการแสดงมาช่วยเหลือเราก็เริ่มเกรงใจ วันดีคืนดีก็เลยชวนคุณบี วุฒิพงษ์ สุขะนินทร์ เพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นมัธยมปลาย ที่ทำงานโปรดักชั่นโฆษณาอยู่แล้ว มาชวนกำกับฯ MV ร่วมกัน ผมจะเป็นฝ่ายคิดเรื่องและกำกับฯ ด้านพาร์ตการแสดง ส่วนคุณบีเป็นฝ่ายควบคุมเรื่องการถ่ายทำ ก็ทำด้วยกันมาเป็น 10 กว่าตัว ของตัวเองซะ 9 ของคนอื่นสัก 1 (หัวเราะ) จนรู้สึกสนุกและเชื่อว่าก็ทำได้ จนคิดว่าก้าวต่อไปคืออะไรดี จะไปทำหนังสั้นไหม
เลยไปปรึกษาคุณพุฒิพงษ์ นาคทอง ผู้กำกับฯ ‘4 Kings’ ทั้ง 2 ภาค และ ‘วัยหนุ่ม 2544’ ก็ได้รับคำแนะนำว่าไม่ต้องทำหรอกหนังสั้น ทำหนังยาวไปเลย ก็เหมือนเป็นการกระโดดข้ามเหมือนกันนะ ที่จากกำกับ MV แล้วมากำกับหนังเลย
กับคำถามที่ว่าแล้วทำไมถึงต้องเป็นเรื่องพระเครื่อง จริงๆ แล้วเราเขียนบทไว้เยอะ เขียนไว้ประมาณ 4-5 เรื่อง แต่เรื่องพระเครื่องเป็นเรื่องแรกที่เขียน เพราะเราเล่นหนังเรื่อง ‘ขุนพันธ์ 2’ รับบทเป็น ‘เสือใบ’ และได้พระขุนแผนของเสือใบมา ก็เลยเริ่มสนใจว่าทำไมวงการพระเครื่องมันต้องน่ากลัวด้วย
และคิดว่าถ้าเราไม่รีบทำหนังที่เกี่ยวกับวงการพระเครื่องตอนนี้เดี๋ยวจะมีคนอื่นมาทำก่อน แล้วเราจะไม่มีโอกาสเป็นเจ้าแรกที่นำ Subculture ตรงนี้มาเผยแพร่ในภาพยนตร์
เลยเลือกที่จะเอาเรื่องพระเครื่องมาทำหนังเรื่องแรกของเรา
: หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร
เกี่ยวกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ ‘เอก’ ที่รับบทโดยน้องเจ้านาย จินเจษฎ์ วรรธนะสิน ที่ได้พระเครื่องในตำนานมาโดยเหตุบังเอิญ ซึ่งเขาไม่มีความรู้เรื่องพระเลย เหมือนกับเราทุกคนที่กลับไปค้นหิ้งพระของพ่อที่บ้านแล้วก็งงว่าอะไรวะเนี่ย อันไหนมีค่ามีราคาเท่าไหร่คือไม่รู้ เขาเลยไปเสิร์ชในอินเตอร์เน็ตพบว่าพระองค์หนึ่งหน้าตาคล้ายๆ กับพระของเขาว่ามันมีมูลค่า 100 ล้าน
เขาเลยเริ่มไปหาเซียนพระ และไปเจอเซียนพระคนหนึ่งในอินเตอร์เน็ตที่ชื่อ ‘เซ้ง พาราไดซ์’ ที่รับบทโดยคุณจ๋าย ไทยทศมิตร (อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี) เริ่มส่งพระไปให้ดูและบุกไปที่พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน แหล่งเช่าพระขึ้นชื่อ เพื่อเอาพระไปปล่อย
ทีนี้ก็จะมี ‘เซียนหมวย’ รับบทโดยน้องอ๊ะอาย กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยการเข้ามาช่วยดูพระนี้ด้วย พอพระนี้มีโอกาสเป็นพระแท้ ก็เลยมีการแย่งชิงกันขึ้นมา

: มีวิธีคัดเลือกนักแสดงอย่างไร
กับคุณจ๋าย ไทยทศมิตร ผมประทับใจเขามาตั้งแต่ตอนที่เขาเล่นเรื่อง 4 Kings แล้วนะครับ แล้วเห็นเขาไลฟ์สดขายเสื้อจึงประทับใจว่าไม่น่ามีใครมารับบทตัวละครเซียนพระตัวนี้ได้นอกจากเขา เพราะทั้งด้วยวัยวุฒิ ฝีมือ และรูปร่างหน้าตา มันไม่สามารถหาใครมารับบทแบบเขาได้เลย จ๋ายจะมีงานแสดงต่อไปเรื่อยๆ เลยนะ ผมเชื่ออย่างนั้น ด้วยบุคลิกแบบตัวเขาทำให้รับบทได้หลากหลายมากๆ และตัวเขาเองก็ตรงกับตัวละครในบทของผมด้วย
ตอนแรกตัวละครตัวนี้ไม่ได้ชื่อ ‘เซ้ง พาราไดซ์’ นะ เรามานั่งคิดชื่อกับจ๋ายว่าชื่ออะไรดีวะที่มันฟังแล้วรู้สึกได้ทันทีว่าพิเศษมากๆ
จ๋ายมันก็พูดชื่อนี้มา ผมก็เลยว่าชื่อนี้เจ๋งว่ะ ชื่อใครวะ ปรากฏว่าเป็นชื่อของพ่อจ๋าย และ ‘เซ้ง พาราไดซ์’ เป็นฉายาของพ่อจ๋ายสมัยที่อยู่ที่ปัตตานี คือเป็นชื่อจริงๆ ในฐานะผู้กว้างขวางในวงการอะไรสักอย่างของเขานี่แหละ ก็เลยไปขอชื่อพ่อมาใช้
ส่วนฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์ นี่เป็นเพราะผมชอบเขาอยู่แล้ว ผู้ชายคนนี้เป็นทั้งพี่ เป็นทั้งเพื่อน เขียนบทตั้งแต่ 5 ปีที่แล้วก็นึกถึงหน้าพี่เล็ก ฮิวโก้ขึ้นมาเป็นตัวละครตัวนี้เลย ตัวละครของฮิวโก้เป็นตัวละครที่ทำให้โลกพระเครื่องมันสนุกขึ้น มันส์ขึ้น
ส่วนอาตู่ นพพล โกมารชุน เพราะเราต้องการนักแสดงรุ่นใหญ่ที่มีพลังงานมหาศาลและก็ต้องแก่ ต้องเป็นคนสูงวัย ยากมากครับ อาตู่ นพพล เป็นสุดยอดนักแสดงของแท้ เขามาพร้อมความเป็นมืออาชีพมากๆ คือจำบทได้ตั้งแต่ตอนซ้อมครั้งแรกแล้ว เพราะเรื่องนี้เราใช้วิธีการซ้อมเยอะ เราไม่ได้ไปเวิร์กช็อป ไปเล่นเป็นต้นไม้ ไปเล่นเป็นนกอะไรแบบนี้ เราเล่นเป็นแคแร็กเตอร์เลย เราซ้อมเยอะ รีเสิร์ชเยอะเพื่อให้ได้ความสมจริงในภาพยนตร์
อย่างน้องทั้งหมดที่ต้องเล่นเป็นเซียนพระ ผมก็พาไปเที่ยววงการพระมาเพื่อให้เซียนพระตัวจริงสอน แต่อาตู่ นอกจากทำเวิร์กช็อปกับเราเพื่อให้ตัวละครเป็นเซียนพระแบบสมจริง แกยังจำบทได้เป๊ะมากๆ จนผมประทับใจมากๆ กับการได้เจอนักแสดงรุ่นใหญ่ และเขาเป็นตัวอย่างที่ดีในการทำงานให้พวกเรา และไม่มีอีโก้ในการทำงานเลย คือมีความเห็นนะ แต่ปรับขึ้นปรับลงตามที่ผู้กำกับฯ ต้องการได้
ย้อนกลับไปที่บทน้องเจ้านาย เราแคสติ้งมา 20-30 คนเลยนะ มันเป็นบทที่เหมือนจะไม่มีอะไร เพราะมันเป็นตัวเดินเรื่องแทนสายตาคนดูเข้าสู่โลกของวงการพระเครื่องที่มีเสือสิงห์กระทิงแรดเต็มไปหมด แต่เขาต้องเป็นคนนำเรื่องนะ
แคสต์ไปแคสต์มากลายเป็นว่าเราหาคนที่เหมาะสมจริงๆ ไม่ได้สักที คือมันต้องดูแข็งแรง ต้องดูจนได้ด้วย และด้วยความเป็นเพราะเอกก็ต้องมีความหล่อด้วย แต่ต้องไม่หล่อมาก ลูกครึ่งก็ไม่ได้เลยเพราะไม่ตรงกับตัวละคร เลยทำให้หายาก จนมาเจอน้องเจ้านาย
เจ้านายนี่น่าจะเป็นแคสติ้งรอบที่ 3 แล้วมั้ง ผมดูซีนแรกที่เขาแคสต์เป็นซีนขายพระที่พันธุ์ทิพย์คือได้เลย รู้เลยว่าไปต่อได้ รู้เลยว่าน่าจะใช่ตัวละครที่ตามหา เลยบอกโปรดิวเซอร์ให้เอาน้องเจ้านายนี่แหละ โปรดิวเซอร์ก็เห็นด้วย
ส่วนน้องเจ้านายก็อยากเล่น เพราะนี่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาที่จะได้รับบทเป็นพระเอก นี่เป็นการแสดงเต็มตัวในไม่กี่ครั้งของเขา
บทเซียนหมวยของน้องอ๊ะอาย เราแคสติ้งเยอะพอๆ กับบทเอกของน้องเจ้านายเลยนะ แต่มันไม่ลงตัวสักทีเพราะมันมีคนที่สามารถแสดงในบทนี้ได้หลายคนอยู่ แต่อ๊ะอายเป็นคนที่ทางโปรดิวเซอร์บอกว่า ถ้าได้เขามาแล้วเราเปลี่ยนเขาเป็นคนนี้มันจะสนุกสุด จนสุดท้ายได้คุยกันแล้วก็ลองดู
ผมว่าการเปลี่ยนของอ๊ะอายมันมหัศจรรย์ประมาณหนึ่งเลย วันแรกๆ ที่มากองถ่ายเขาไม่ใช่ตัวละครตัวนี้เลย ด้วยความที่เขาเป็นคนอ่อนหวานน่ารักมันเลยจะแปลงเป็นเซียนหมวยยากมาก จนมีอยู่วันหนึ่งที่เขามากองถ่ายแล้วเขาก็กลายเป็นเซียนหมวยเฉยเลย
ด้วยความที่เวลาเราไม่ตรงกัน เราต้องเวิร์กช็อปออนไลน์ ผมต้องให้เขาส่งการบ้านด้วยการคุยกับตัวละครเอกทุกวัน ต้องไลฟ์โชว์ขายพระให้ผมดูทุกวันอะไรอย่างนี้และพาไปเจอเซียนพระ พาไปเจอน้องได๋ ไดอาน่า อริส สารีวงษ์ ที่พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วานเพื่อเรียนรู้วิธีการดูพระ ผมเอาตะกรุดให้น้องเขาแขวนทุกวันเหมือนตัวละคร และเอากล้องส่องพระที่ซื้อมารุ่นแพงๆ แบบที่เซียนพระชอบใช้ ให้อ๊ะอายเปิดกล้องส่องพระให้ลื่นอย่างเป็นธรรมชาติให้ได้เหมือนอย่างที่เซียนพระตัวจริงทำกัน
จนวันหนึ่งเขามากองถ่าย และอยู่ดีๆ เขากลายเป็นเซียนหมวยเลย จนตกใจกันทั้งกองและงงๆ กันว่า ที่ผ่านมาหลายวันทำไมมันไม่เป็นวะ และทำไมมันมาเป็นเอาวันนี้ คือน้องมันดีดกล้องส่องพระแบบเข้าตาเลย ผมเลยรู้ว่าโอเค มันมาแล้ว แคแร็กเตอร์มันมาแล้ว
แต่หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้หยุดซ้อมนะ หลังจากถ่ายเราก็ยังมีวันที่เอาเขาไปซ้อมเพิ่ม เอาเจ้านาย เอาคุณจ๋าย เอาอาตู่ ไปซ้อมเพิ่ม มันเป็นระบบของการซ้อมมากกว่าในเรื่องนี้

: เตรียมการมานานเท่าไหร่กับการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต
น่าจะตั้งแต่เดือนกรกฎาคมมั้งครับ ตอนแรกว่าจะเตรียมตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และมาเริ่มจริงคือเดือนกรกฎาคม คือผมมีทุกอย่างพร้อมอยู่ก่อนแล้วก่อนที่จะมาร่วมงานกับทางจังก้าสตูดิโอ ทั้งการรีเสิร์ชสถานที่ ตัวละคร บท อะไรต่างๆ แค่เอามาปรับที่หน้างานว่ามันเหมาะกับการถ่ายทำจริงไหม อยู่ในงบประมาณหรือเปล่า
โดยเรามี ‘พี่กอล์ฟ ปวีณ ภูริจิตปัญญา’ และ ‘พี่หนุ่ม สุรวุฒิ ตุงคะรักษ์’ เป็นหัวหน้าเราอยู่
เหมือนทำงานส่งอาจารย์เลยครับ ซึ่งก็คือดีนะ เยี่ยมไปเลย บางทีเรา 2 คนทำกัน กำกับฯ กันก็เหมือนสนุกกันเองน่ะ พวกเขาก็จะคอยบอกเราว่าทำแบบไหนถึงจะดีขึ้นกว่าเดิม

: ทำหนังเกี่ยวกับวงการพระเครื่อง ปรึกษาใครเป็นพิเศษไหม
ตอนแรกที่เขียนบท 2 ปีแรก ผมไม่ได้เจอใครเลย ผมก็เขียนพล็อตเรื่องธรรมดา แล้วผมก็ไปเจอเพื่อนในวงการผู้กำกับฯ เอาบทไปปรึกษา เขาก็จะให้คำแนะนำกันหลายคน แต่ยังไม่ได้เข้าวงการพระเครื่องนะครับ
จนไปคุยกับคุณพุฒิพงษ์ ผู้กำกับฯ 4 Kings เขาบอกว่าเขามีเพื่อนเป็นเซียนพระชื่อดัง ซึ่งก็คือ ‘คุณเอ็ม หัตถ์เทพ’ เลยแนะนำให้ผมได้รู้จัก จนวันนั้นถึงวันนี้บอกได้เลยว่า คุณเอ็ม หัตถ์เทพ คือที่ปรึกษาโปรเจ็กต์นี้ครับ ตั้งแต่เริ่มแรกแลย ที่เห็นว่าผมไปอยู่กับเขาบ่อยๆ เนี่ย ตั้งแต่ไปดูพระ ไปเช่าพระแล้วเนี่ย หลักๆ เลยคือทำบทเพื่อเรื่องนี้
ในตอนถ่ายทำ คุณเอ็ม หัตถ์เทพ ให้ยืมพระมาเยอะมากครับ พระที่ถ่ายส่วนใหญ่ในเรื่องจะเป็นของเอ็ม หัตถ์เทพ เพราะเราซี้กันและไว้ใจกัน เพราะมันไม่มีใครให้ยืมหลักล้านกันมาแบบฟรีๆ ง่ายๆ หรอก คือจริงๆ ทางเซียนพระหลายท่านก็อยากให้เรายืมนะ แต่เรารับผิดชอบพระเขาไม่ไหว ไม่ใช่ผมไม่กล้า แต่คนที่ต้องรับผิดชอบพระเขาจริงๆ คือทีมนักแสดงและทีมอาร์ต คือถ้าไปทำพระเขาตกน่ะ พระหลักแสนราคามันหายไปเลยครึ่งหนึ่งนะ และก็มีการทำตกด้วย แต่โชคดีที่ไม่ใช่พระของคุณเอ็ม หัตถ์เทพ เขา
นอกเหนือจากได้คุณเอ็ม หัตถ์เทพ มาช่วยแล้ว ยังมีเซียนพระอีกหลายท่านเลย คนที่พาเราทะลุพันธุ์ทิพย์จริงๆ คือ ‘พี่นัท แฟนพันธุ์แท้’ พี่นัทเขากว้างขวางมากในสมาคมพระเครื่องและพาเราไปรู้จัก ‘ป๋าพยัพ คำพันธุ์’ ‘พี่บอย ท่าพระจันทร์’ ‘พี่ต้น ท่าพระจันทร์’ รวมไปถึง ‘พี่อ้อ ลูกสาวป๋ายัพ’ มันทำให้เราได้เข้าไปสู่วงการพระจริงๆ ถึงขั้นว่าได้ลองเอาพระเครื่องไปตระเวนตามงานประกวดพระด้วย ทำให้รู้ระบบ วิธีการประกวด วิธีการเขียนใบประกวด เพื่อให้เราได้ศึกษาว่าถ้าในหนังของเราจะมีซีนนี้เราจะได้รู้จริงและหยิบมาใช้ได้
ส่วนอีกคนคือ ‘พี่ต๋อง คอนตินิว’ คือเขาจะเป็นคนทำคอนตินิวในกองหนัง แต่เขาเลิกทำคอนตินิวไปหลายปีแล้ว แต่ผมไปเจอเขาที่งานประกวดพระศูนย์ราชการ เขาขายพระอยู่ที่นั่น เลยชวนกันว่าถ้าผมได้ทำหนังพระเครื่องจะชวนเขามาทำคอนตินิว เขาก็ตกปากรับคำมาทำให้ และนอกเหนือจากตำแหน่งคอนตินิว เขาทำอีกตำแหน่งที่ไม่ได้รับเงินเพิ่มนะ ซึ่งก็คือตำแหน่ง Amulet Supervisor ในการตรวจพระที่จะเข้าฉาก ให้มันคล้าย ให้มันสมจริงที่สุด รวมไปถึงกรอบพระ กรอบเพชร รวมถึงสร้อยทอง ที่บางทีมันจะแท้ไปหมดไม่ได้ไงครับ เขาจะเป็นคนตรวจว่าแบบนี้แหละเหมือนที่สุด ประมาณนี้ครับ
พี่ๆ น้องๆ เซียนพระหลายคนในวงการน่ารักกับผมมาก เพราะผมตั้งใจจะทำให้เรื่องราวมันล่อแหลมและเหมือนกับจะด่าวงการพระนะ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่พวกเขาพูดกันอยู่แล้วน่ะ เรื่องที่ฟังจากเซียนพระมันหนักกว่านี้อีก มันแรงกว่านี้ด้วยซ้ำ เราก็เอาเรื่องพวกนี้มาทำ โดยอยากจะทำให้มันคึกคักขึ้น ตื่นเต้นขึ้น
ซึ่งหลายๆ คนเชื่อว่ามองออก เพราะว่าตอนนี้แค่ปล่อยทีเซอร์หนังออกมา ในวงการพระก็เริ่มรู้สึกสนุกขึ้นแล้ว ก็ช่วยๆ กันไป เพราะจริงๆ แล้วผมก็ชอบพระเครื่อง ชอบดูพระ ชอบเก็บพระ รู้สึกว่าพระเครื่องไทยน่าจะไปไกลถึงประเทศที่เป็นพุทธศาสนิกชนทั่วโลกได้อีก

: ทำหนังเกี่ยวกับวงการพระเครื่อง กังวลว่าเพื่อนเซียนพระไม่พอใจไหม
ก็มีกังวลนะครับ แต่ว่าจริงๆ แล้วคนที่เป็นเพื่อนเราเขาน่าจะเข้าใจนะ แต่บางทีเราก็ไม่ได้ไปถึงทุกคนไง ก็ขอโทษไว้ก่อนเลยนะครับ ผมทำด้วยความหวังดีเพื่อให้วงการนี้ครึกครื้นขึ้นมาครับ แต่ผมก็เชื่อว่ามันอาจจะมีโอกาสที่จะมีคนไม่ชอบหนังเรื่องนี้เพราะว่าหนังไม่ถูกใจเขา ซึ่งมันก็ต้องมีแหละ มันช่วยไม่ได้
อย่างตัวละคร ‘เซ้ง พาราไดซ์’ คือมันเป็นการเอาเซียนพระหลายๆ คนมายำเป็นเขาคนเดียว ส่วนตัวละครของอาตู่ นพพล ที่เป็นเซียนพระรุ่นใหญ่ บารมีสูง ก็เอาเหตุการณ์ของหลายๆ คนมายำเป็นตัวละครของอาตู่ นพพล อย่างของเซียนหมวยเอง เราก็นำเอาเซียนพระผู้หญิงและเซียนพระผู้ชายที่ยังไม่ดังมากมารวมกันเป็นตัวละครของเซียนหมวย ก็เลยช่วยไม่ได้ที่คนจะมองอย่างนั้น แต่ผมก็พยายามมิกซ์แล้วให้เป็นแบบนี้
เราไม่สามารถเล่าทุกอย่างได้ในหนังเรื่องเดียว เลยเอาตัวละครเหล่านี้มาเป็นตัวแทนเซียนพระรุ่นเก่า เซียนพระรุ่นใหม่ เซียนพระผู้หญิง ประมาณนี้ครับ
: ทำหนังเกี่ยวกับพระเครื่อง แล้วเชื่อเรื่องพุทธคุณพระไหม
เล่าเรื่องหนึ่งให้ฟังดีกว่า ก่อนหน้านี้ผมสร้างพระขุนแผนลงนวมบอยส์มาครับ ผมไม่กล้าเลยครับ แต่เจ้าของ ‘ลงนวมบอยส์’ (ธุรกิจเสื้อผ้ากีฬาหมัดมวย) อีกคนเขาก็ตื๊อผมอยู่ 6 เดือนให้มาทำ ผมเคยรับบทเป็น ‘เสือใบ’ ในหนัง ‘ขุนพันธ์ 2’ และเคยมาไหว้พระที่วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เลยโทร.ไปหาทางวัด ซึ่งทราบมาว่าทางวัดอยากสร้างพระอยู่แล้ว แต่ไม่มีฤกษ์เลยและผมโทร.มาก็กลายเป็นคือฤกษ์ของเรา ก็เลยกลายเป็นว่าเราเข้าไปเป็นเจ้าภาพ ซึ่งไม่ใช่เจ้าภาพใหญ่นะครับ เข้าไปสร้างพระขุนแผน รุ่นมหาเสน่ห์ คือรุ่นต่อจากรุ่นเสือใบรุ่นแรกที่เขาให้ผมมาเมื่อ 3 ปีก่อน
การจัดสร้างพระครั้งนี้เพื่อให้ทางวัดมีเงินในการสร้างห้องน้ำ เรานำพระรุ่นนี้ออกมาจำนวนหนึ่ง เอามาขายพร้อมเสื้อลงนวมบอยส์ ใครซื้อเสื้อเราก็แถมพระไปให้แล้วเอาเงินให้วัดและบริจาคสมทบเพิ่มเข้าไปอีก ฟังดูมันก็พุทธพาณิชย์เหมือนกัน แต่มันก็จบแบบวินๆ ทุกฝ่าย คนทำบุญได้บุญ เราได้ขายเสื้อ วัดได้ห้องน้ำ ก็เลยรู้สึกว่าคราวนี้ก็รอดอยู่ แต่คงไม่ทำอีกแล้ว (หัวเราะ) คือมันเสียวน่ะครับ คือเราโตมาแบบพุทธศาสนิกชนน่ะนะ เราก็ไม่ค่อยกล้ามาทำอะไรพวกนี้เยอะนักหรอก เราไม่กล้าจะไปหาเงินกับอะไรแบบนี้ แต่คราวนี้ทางวัดเป็นฝ่ายได้รับไปซะส่วนใหญ่ เราเลยแฮปปี้
กับเรื่องพุทธคุณที่ถาม ผมว่าเรื่องแปลกๆ ที่พบตามอินเตอร์เน็ตหรือกับสิ่งที่ผมพบเจอมานะ ผมขอใช้คำว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะเราพิสูจน์ไม่ได้ แต่เราเชื่อว่าถ้าเราแขวนพระ มันจะเป็นเครื่องเตือนใจเรา อย่างเบสิกที่สุดนะ พอผมแขวนพระเนี่ย ผมก็รู้อยู่แล้วว่าผมมีพระอยู่ที่คอ จะทำอะไรเลวๆ อย่าทำนะ แต่ถ้าเราจะทำอะไรที่ถูกต้องแล้วเราต้องการพลังงาน ต้องการความกล้าก็ทำนะ เพราะคิดเสียว่าพระจะคุ้มครองเรา อันนี้คือเบสิกที่สุดที่ควรจะเชื่อแบบนี้ ที่เหลือมันเป็นวิจารณญาณส่วนบุคคลที่ผมก็ให้คำตอบไม่ได้
ผมเคยคุยกับพระหลายรูปนะว่าพุทธคุณคือสิ่งมีจริงหรือเปล่า พระที่ปฏิเสธเรื่องเวทมนตร์ทั้งหมดก็ยังบอกกับผมเลยว่ามันมีการถ่ายทอดพลังลงไปในพระเครื่องได้จริงๆ ซึ่งสำหรับผมมันพิสูจน์ไม่ได้ว่ะ แต่มันก็มีเหตุบังเอิญเกิดขึ้น เขาเรียกว่าประสบการณ์ที่หลากหลายในวงการพระ
ผมก็เลยสรุปไม่ได้ว่าผมเชื่อหรือเปล่า แต่ผมแขวนพระไว้ เพราะมันเป็นการเตือนใจของผมเอง และมันเท่ (หัวเราะ) ผมมองว่ามัน Thailand only คุณไม่ต้องไปซื้ออะไรแพงๆ มาใส่ คุณจัดพระดีกว่า ไม่ต้องเลี่ยมทองก็ได้ ไปเลี่ยมอะไรของคุณที่มันสวยๆ ในสายตาคุณน่ะมาใส่ ผมว่ามันเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่งเลยนะ
ตั้งแต่เด็กๆ ผมเห็นพี่เวย์ ไทยเทเนี่ยมถ่ายหนังสือฮิปฮอป แขวนพระที่หน้าอก มันทำให้ผมตะลึงเลยว่าทำไมกูไม่แขวนพระวะ อย่างเท่ ใส่พระดีกว่า แล้วมันเท่ไปได้ทั่วโลกเลยนะ
เพื่อนผมที่เป็นนักมวยฝรั่ง มาเมืองไทยใส่พระเต็มคอ คุณเห็นป่ะ ดูวันแชมเปี้ยนชิพ ฝรั่งสักยันต์ไทย สวมพระกันทั้งนั้น นี่มัน Thailand only จริงๆ ประเทศอื่นรอบๆ เราก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าเรา เรื่องของพระเครื่องผมว่ามันเท่ แล้วมันง่ายมากเลยในการที่จะใช้พระเครื่องในการเปิดบทสนทนากับคนที่ชอบอะไรเหมือนๆ กัน
สุดท้ายแล้วความชอบด้านพระเครื่อง ถ้าคุณจะเอาไปมูเตลูหรือเอาไปขอพร ผมว่าไม่ใช่ทางที่ถูก แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณจะลองดู จะคุยกับตัวเอง คุยกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สวมอยู่บนคอเรา คุณต้องคุยว่าฉันจะทำสิ่งที่ฉันต้องการให้มันดีที่สุด ฉันขอพลังงานเพิ่มได้ไหม เป็นการ manifest พลังใจตนเองเพิ่มเข้าไปอีก เราตั้งใจทำสิ่งนี้ให้มันสำเร็จเพราะว่าเราขอพระไว้แล้ว ผมว่าอย่างนี้มันเวิร์กนะ ข้อเสียก็มีนะ เหมือนทุกอย่างนั่นแหละ ถ้าคุณใช้มอร์ฟีนให้ถูกก็รักษาความเจ็บปวดได้ คุณใช้มอร์ฟีนผิดคุณก็ติดมัน

: คนรุ่นใหม่กับการมูเตลูในสายตาเป้ อารักษ์
เคยมีคนถามว่า ทำไมเหมือนเด็กสมัยใหม่ไม่ถือศาสนาอะไรเลย ผมว่าโอเค ไม่เกี่ยวเลยครับ ศาสนาเกิดขึ้นมาไม่ได้เพื่อให้เรางมงาย ศาสนาเกิดขึ้นมาเพื่อปกครองคน โดยเฉพาะศาสนาในสมัยก่อน ใช้ปกครองคน เพราะถ้าคนไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ การขึ้นสวรรค์ การลงนรก การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มนุษย์เรามันก็ป่าเถื่อนกว่าสัตว์บางประเภทอีก ก่อนกฎหมายมันมีศาสนามาก่อน ถ้าคุณยังจับคนมาเฆี่ยนไม่ได้ คุณก็ใช้ศาสนาจับแทน แต่ในยุคที่เรามีกฎหมายแล้วเนี่ย คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องนับถือศาสนาก็ได้ เรามีกฎหมาย เรามีจารีตที่ล็อกไว้แล้วว่าทำแบบนี้ดีนะ ทำแบบนี้ไม่ดีนะ คุณก็ไม่ต้องนับถือศาสนาก็ได้ คุณก็เป็นคนดีในสังคมของคุณเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ที่บอกว่ามานับถือเทพ นับถือมูเตลู ถ้าทำเยอะไหว้เยอะแล้วมันดีกับคุณ เป็นที่พึ่งทางใจ ผมก็ว่าไม่ผิด ก็แล้วแต่เลย ผมก็ยังห้อยพระ ผมก็ยังไหว้เจ้า เจอศาลพระภูมิผมก็ยังไหว้ แล้วเราจะไปว่าอะไรถ้าคนเขาเป็นคนดีในสังคมแล้วทำอะไรแบบนี้
: มองสังคมไทยกับพระเครื่องอย่างไร
ใกล้ชิดกันมาก และมันไม่หายไป มัน Thailand only และมันสนุก ได้ส่องได้ดูได้รู้ว่ารุ่นนี้รุ่นอะไร เหมือนเด็กผู้ชายเล่นของเล่น ผมเก็บกีตาร์ก็แค่ที่ใช้เล่น แผ่นเสียงเก็บเท่าที่ฟัง
แต่พอผมมาเจอพระเครื่อง ผมว่าผมสนุกว่ะ เหมือนเด็กผู้ชายเล่นอาร์ตทอยเลย ซึ่งผมว่ามันคล้ายกันมาก ถ้าเรามองเรื่องมูลค่าอย่างเดียวนะ เพราะพุทธคุณเราพิสูจน์ไม่ได้
เดี๋ยวนี้มีพระเครื่องออกใหม่ที่เป็นกล่องสุ่มเยอะมากเลย ถ้าคุณเหมากล่องคุณจะได้ตัวแรร์แบบอาร์ตทอยเลย ถ้าเหมากล่อง 100 องค์ คุณมีสิทธิ์ที่จะได้เนื้อทองคำ ตัวกรรมการ อะไรแบบนั้นเลยนะครับ
: ความคาดหวังกับภาพยนตร์
ก็อยากให้ค่ายหนัง คนทำหนัง คนดู สำเร็จไปด้วยกัน คนดูก็ได้ความสนุก ตัวผมเองก็ได้รับเงินในจำนวนที่พอจะทำให้เราประกอบอาชีพกับมันได้ แล้วค่ายหนังแฮปปี้อยากสร้างหนังต่อ ครบวงจรครับ อยากให้มันสนุก เพราะเราก็อยู่ในวงการบันเทิงครับ ฝากด้วยนะครับ ‘The Stone พระแท้ คนเก๊’ ผมดูแล้ว สนุกครับ
ดูหนังจบแล้วกลับไปค้นพระที่บ้านด้วยนะครับ เผื่อได้เงิน (หัวเราะ) •
รายงานพิเศษ | กรกฤษณ์ พรอินทร์
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022