GWM ‘TANK 300 Diesel’ ออฟโรดจอมลุย-เปิดศึกชนพีพีวี

สันติ จิรพรพนิต

ไม่เกินความคาดหมาย กับการแนะนำรถยนต์ออฟโรดเครื่องยนต์ใหม่ “TANK 300 Diesel” จากค่าย GWM หรือ เกรทวอลล์มอเตอร์

เพราะกลายเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในงาน “มอเตอร์โชว์ 2025”

ส่งให้ GWM ติดอันดับที่ 6 ค่ายรถที่มียอดจองสูงสุดในงาน

โดย “TANK 300 Diesel” กวาดยอดจองไปเกินครึ่ง

ต้องบอกว่านอกจากรูปทรงย้อนยุค ที่ครอบลงบนเทคโนโยลีนำสมัยแล้ว

การตั้งราคาและการรับประกัน มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจ

เพราะนี่คือรถรุ่นใหม่ที่ GWM กล้ารับประกันนานถึง 8 ปี หรือ 1 ล้านกิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

แถมราคาในงานมีโปรโมชั่นถูกกว่าเดิม 30,000 บาท

จนรุ่นเริ่มต้นมีราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท

แต่หลังจบงานปรับขึ้นราคาปกติ ก็ยังถือว่าถูกอยู่ดี หากเทียบกับขนาดตัวถังที่พอฟัดพอเหวี่ยงกลับกลุ่มรถปิกอัพดัดแปลง หรือพีพีวี ในเมืองไทย

ภาพลักษณ์ภายนอก ดูเอกลักษณ์แบบแนวเรโทร แต่แฝงไว้ด้วยความท้นสมัยตามจุดต่างๆ

ตัวรถเน้นเหลี่ยมสัน ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง

กระจังหน้าหน้าแนวนอนพร้อมโลโก้ “TANK” ขนาบข้างด้วย

ไฟหน้า LED ทรงกลมพร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติและปรับระดับสูงต่ำ

กันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมแผ่นกันกระแทก พร้อมไฟตัดหมอก LED ฝังในกันชน

โป่งล้อขนาดใหญ่เพิ่มความดุดันมากขึ้น

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ปรับ-พับไฟฟ้า มีระบบไล่ฝ้า

ประตูท้ายแบบเปิดข้างพร้อมระบบดูดไฟฟ้า

ติดตั้งยางอะไหล่แขวนหลัง

มีสปอยเลอร์เพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น

ไฟท้าย LED ทรงแนวตั้ง รับกันดีกับกันชนหลัง พร้อมแผ่นกันกระแทก

ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง All-Terrain

ติดตั้งบันไดข้างเพือความสะดวกในการขึ้น-ลง

เสาอากาศครีบฉลาม

มิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,930 x 4,760 x 1,903 ม.ม.

ระยะต่ำสุดจากพื้น 224 ม.ม.

ลุยถนนทุรกันดาร หรือระดับน้ำสูงๆ ได้สบาย

หากเทียนบกับกลุ่มพีพีวีในเมืองไทยหลายรุ่น แม้ความยาวจะน้อยกว่า แต่ความกว้างและความสูงมีมากกว่า

แน่นอนว่าทำให้ห้องโดยสารดูโปร่ง และนั่งสบายมากขึ้น

ภายในเน้นโทนดำ แบบผู้ชายลุยๆ พร้อมเน้นความคลาสสิคด้วยการตกแต่งสีเงิน ตามจุดต่างๆ

พวงมาลัย 3 ก้านพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น มีแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

มาตรวัด Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว มีหน้าจอแสดงข้อมูลบนกระจกบังลมหน้า

ขยับมาตรงกลางจออินโฟเทนเมนต์ ขนาด 12.3 นิ้ว เท่ากัน

รองรับ Apple CarPlay / Android Auto

ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth

ลำโพง 6 ตำแหน่ง พร้อมระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ

ต่ำลงมาเป็นช่องแอร์ทรงกลมตัดสีเงินทรงไอพ่น ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ

เจาะช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังมาให้ด้วย

คอนโซลกลางวางคันเกียร์แบบ Electronic e-Shifter ดูล้ำสมัยสุดสุด

พร้อมปุ่มเปลี่ยนโหมดการขับขี่แบบหมุน ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมฟังก์ชั่น Auto Brake Hold

เบาะนั่งหนัง Nappa และหนังสังเคราะห์

เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง มาพร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง และ welcome seat

หลังคาซันรูฟ เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

มาถึงจุดเด่นที่สุดอีกอันหนึ่งไม่พ้นเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด

สำหรับ GWM ไม่ได้เด่นเฉพาะขุมพลังไฟฟ้า ไฮบริด หรือเบนซินเท่านั้น

แต่เครื่องดีเซลมีประสบการณ์พัฒนามากว่า 30 ปีแล้ว

ใช้งบประมาณลงทุนไปแล้วราวๆ 1 พันล้านบาท

เป็นขุมพลังที่ใส่ในรถยนต์ GWM TANK และ GWM POER

เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 480 นิวตัน-เมตร

อัตราเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 11 วินาที

ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด

ที่น่าสนใจคือสามารถเปลี่ยนเป็นเกียร์ 9 ได้ที่ความเร็วเพียง 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง

อัตราการบริโภคน้ำมัน 14 กิโลเมตร/ลิตร (ตาม Eco Sticker)

เคลมว่าในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ น้ำมันหนึ่งถังสามารถขับขี่ได้ระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร

อีกจุดเด่นของขุมพลังนี้คือติดตั้งเทคโนโลยีลดการสั่นสะเทือน และพัฒนาเทคโนโลยีในการลดเสียงรบกวน NVH (Noise, Vibration, Harshness)

ผลที่ได้ เครื่องที่เงียบกว่าเครื่องดีเซลอื่นๆ โดยเสียงเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารพอๆ กับเครื่องยนต์เบนซิน

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ เด่นๆ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ, เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก

ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า-ด้านหลัง

ช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ, ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA

ช่วยเตือนมุมอับสายตา, ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง, ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง

แจ้งเตือนเมื่อเปิดประตูรถ ฯลฯ

ส่วนถ้าเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เพิ่มเติมเข้ามา เช่น ระบบช่วยกลับรถในที่แคบ

ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบ Off-Road Cruise Control

ระบบล็อกเฟืองขับด้านหลัง Electronic Differential Lock-Rear

ปุ่มควบคุม Terrain Modes บนคอนโซลกลาง (7 โหมด)

มาตรวัดองศารถและเข็มทิศบนหน้าจอ

TANK 300 DIESEL มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย

PRO 2WD ราคา 1,029,000 บาท

ULTRA 2WD ราคา 1,179,000 บาท

และ ULTRA 4WD 1,279,000 บาท •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]