ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 เมษายน 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ |
ผู้เขียน | พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ |
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ | พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
6G, quantum และ peace tech
ที่ ‘แสตนฟอร์ด’
วันหนึ่งในซานฟรานซิสโก ผมยืนอยู่ริมถนน กำลังรอแท็กซี่-แต่ไม่ใช่แบบเดิมที่เราคุ้นเคย
รถ Jaguar F-Pace สีขาวแล่นเข้ามาหยุดตรงหน้า ไม่มีคนขับ ไม่มีเสียง “สวัสดีครับ” มีเพียงข้อความบนหน้าจอว่า “Your Waymo ride is ready.” ผมก้าวขึ้นรถ รถเคลื่อนตัวออกอย่างมั่นใจ เบรกเอง มองหาคนเดินข้ามถนนเอง เปลี่ยนเลนได้ราบรื่นอย่างน่าประหลาดใจ
ผมนั่งอยู่บนเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Waymo บริษัทลูกของ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) ที่ใช้เวลาเกือบ 15 ปีในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ จนตอนนี้ให้บริการจริงในเมืองใหญ่อย่างฟีนิกซ์ ซานฟรานซิสโก และลอสแองเจลิส และกำลังขยายไปวอชิงตัน ดี.ซี.
ตัวรถไม่ได้แค่ “เห็น” ถนน แต่ “เข้าใจ” สภาพแวดล้อมผ่านเซ็นเซอร์ LiDAR กล้องความละเอียดสูง เรดาร์ และ AI ที่ประมวลผลแบบเรียลไทม์
Waymo ไม่ได้แค่ทดลองวิ่ง แต่มีการขับไร้คนขับจริงแล้วกว่า 20 ล้านไมล์ ในเมืองต่างๆ ของสหรัฐ โดยมีอัตราอุบัติเหตุรุนแรงต่ำกว่าการขับโดยมนุษย์แบบมีนัยสำคัญ-เปิดถุงลมนิรภัยน้อยลง 84% อุบัติเหตุที่ทำให้บาดเจ็บลดลง 73%
ข้อมูลเหล่านี้บ่งชี้ว่าอนาคตของความปลอดภัยบนท้องถนน อาจไม่ต้องมีพวงมาลัยด้วยซ้ำ
หุบเขาแห่งอนาคต และหัวใจชื่อ Stanford
สิ่งที่ทำให้ Waymo เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่แค่ทักษะวิศวกรรมหรือเงินลงทุน แต่คือระบบนิเวศของนวัตกรรมที่เรียกว่า ซิลิคอนวัลเลย์ พื้นที่เล็กๆ ทางตอนใต้ของซานฟรานซิสโกแห่งนี้ มี GDP เทียบเท่าประเทศทั้งประเทศ (เกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี)
และเป็นที่ตั้งของบริษัทเปลี่ยนโลกอย่าง Apple, NVIDIA, Google, Meta และ Tesla
หัวใจของหุบเขาแห่งนี้คือ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ก่อตั้งเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 และเติบโตจนมี endowment กว่า 37.6 พันล้านดอลลาร์ เป็นแหล่งเพาะบ่มของผู้ประกอบการระดับตำนาน ตั้งแต่ Larry Page, Sergey Brin, Elon Musk ไปจนถึง Sam Altman แห่ง OpenAI
ทุกไอเดียเริ่มจากห้องเรียน ห้องแล็บ และบางครั้งจากโรงรถใกล้ๆ แคมปัส
ผมมีโอกาสใช้เวลาในแคมปัสหลายวัน ได้พูดคุยกับนักวิจัยจาก APARC (Asia-Pacific Research Center) และ Hoover Institution ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยด้านนโยบายที่มีอิทธิพลระดับโลก มีโอกาสแลกเปลี่ยนกับศาสตราจารย์ Larry Diamond ผู้เป็นหนึ่งในนักคิดที่ทรงอิทธิพลที่สุดด้านประชาธิปไตยสมัยใหม่ และศาสตราจารย์ Don Emerson ผู้เชี่ยวชาญด้านอาเซียนซึ่งติดตามภูมิภาคเรามานาน
บทสนทนาไม่ได้อยู่แค่เรื่องการเมือง แต่เชื่อมโยงถึงบทบาทของเทคโนโลยีในการรักษาสันติภาพ การเสริมสร้างประชาธิปไตย และความมั่นคงของมนุษย์ในโลกที่เปลี่ยนเร็วมาก
Emerging Tech : เมื่ออนาคตไม่รอเรา
สิ่งที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้รถไร้คนขับ คือเทคโนโลยีที่ “ยังไม่ถึงมือเรา” แต่กำลังจะมาถึงอย่างเงียบๆ อย่างเช่น 6G ที่จะมี latency ต่ำระดับมิลลิวินาที เชื่อมอุปกรณ์นับพันล้านในแบบที่ 5G ยังเทียบไม่ได้
หรือ quantum computing ซึ่ง Google, IBM และสตาร์ตอัพอย่าง Rigetti กำลังแข่งขันกันสร้างคอมพิวเตอร์ที่คิดได้เร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์พันเท่า
และที่น่าสนใจมากคือแนวคิดที่เรียกว่า Peace Tech-การใช้เทคโนโลยีเพื่อป้องกันความขัดแย้ง เช่น ระบบ AI ที่สามารถตรวจจับสัญญาณความรุนแรงในโซเชียลมีเดียล่วงหน้า
หรือแอพพ์ที่ช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชนท้องถิ่นของประเทศกำลังพัฒนา
เราอาจคิดว่าเทคโนโลยีคือภัย แต่ซิลิคอนวัลเลย์กำลังพิสูจน์ว่า ถ้าออกแบบอย่างมีคุณธรรม มันคือเครื่องมือสร้างสันติภาพที่ทรงพลังที่สุด
พลังคนไทยในดินแดนแห่งนวัตกรรม
สิ่งที่ทำให้ผมยิ้มได้มากที่สุดจากทริปนี้ ไม่ใช่ AI ที่ขับรถเองได้ แต่คือ คนไทยที่กำลังขับเคลื่อนเทคโนโลยีเหล่านี้อยู่เบื้องหลัง
ผมได้พบวิศวกร นักออกแบบ และผู้จัดการโครงการคนไทยในบริษัทอย่าง Apple, Google, TSMC, Salesforce และ OpenAI พวกเขาไม่เพียงเก่งเท่านั้น แต่ยังมีความคิดชัดเจนว่าอยากกลับมาทำอะไรบางอย่างเพื่อประเทศ
“ถ้าประเทศไทยเปิดพื้นที่ให้เรากลับไปทดลองได้บ้าง ผมพร้อมเลยครับพี่” หนึ่งในพวกเขาบอกผมอย่างไม่ลังเล
หลายคนมีลูกเล็ก หลายคนอยากกลับมาเปิดบริษัทของตัวเอง สิ่งที่พวกเขาขาดไม่ใช่แรงบันดาลใจ แต่เป็นโครงสร้างที่ให้พวกเขาเติบโต
Next stop : ไทเป
จากซานฟรานซิสโก จุดหมายต่อไปของผมคือ ไทเป
เมืองที่มีประชากรไม่ถึงครึ่งของกรุงเทพฯ แต่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของโลก
เป็นบ้านของ TSMC และกลุ่มวิจัยที่กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจเทคโนโลยีของเอเชีย
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022