ยอดครูโยคะไร้ขา

พิศณุ นิลกลัด

คลุกวงใน | พิศณุ นิลกลัด

Facebook : @Pitsanuofficial

 

ยอดครูโยคะไร้ขา

 

ช่วงชีวิตหนึ่งของคนเราอาจต้องพบกับเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาทดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจ เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตพังทลายลงจนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

แดน เนวินส์ (Dan Nevins) นายทหารชาวอเมริกัน วัย 51 ปี จากฟลอริดา และเพื่อนร่วมรบของเขาโดนลอบโจมตีด้วยระเบิดแสวงเครื่อง (IED) ขณะนั่งรถฮัมวีปฏิบัติภารกิจร่วมกับเพื่อนทหารในเมืองบาลัด (Balad) ประเทศอิรัก เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2004

เพื่อนของแดนเป็นคนขับรถเสียชีวิตทันที ส่วนแดนสูญเสียขาซ้ายใต้หัวเข่าลงไปต้องเข้ารับการผ่าตัด 36 ครั้ง และผลจากการติดเชื้อในช่วง 3 ปีหลังจากนั้น ทำให้เขาต้องสูญเสียขาขวาไปอีกข้างหนึ่ง

แดนใช้ชีวิตโดยมีขาเทียมสองข้าง เมื่อเริ่มคุ้นเคยกับขาเทียม แดนก็เริ่มออกไปเล่นกีฬาต่างๆ เช่น ดิ่งพสุธา, กอล์ฟ, สกี รวมทั้งปีนยอดเขาคิลิมันจาโร (Mount Kilimanjaro) ในประเทศแทนซาเนีย

ชีวิตภายนอกดูมีความสุข

แต่พอถึงในปี 2014 ทุกอย่างก็แย่ลงอย่างรวดเร็ว

แดนรู้สึกว่ากีฬาเหล่านั้นช่วยรักษาเขาแค่ทางกายภาพ เขาเริ่มสัมผัสบาดแผลในใจที่มองไม่เห็น ซึ่งเป็นผลมาจากสงคราม

เขารู้สึกอายเมื่อมีคนเห็นเขาเวลาไม่ได้สวมขาเทียม เริ่มมีอาการวิตกกังวล กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หรือถ้าหลับก็ต้องตกใจตื่นเพราะฝันร้าย

เขาเคยกินยาแก้แพ้เบนาดริล (Benadryl) “จำนวนหนึ่ง” ตามด้วยวิสกี้ เพื่อช่วยให้หลับและหวังว่าจะไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก

 

หลังจากที่แดนอยู่ในจุดที่เรียกว่าตกต่ำที่สุดในชีวิตและต้องการหาทางออกจากความทุกข์เหล่านี้ เขาได้โทร.หาแอนนา เดนนิส (Anna Dennis) เพื่อนสาวของเขา และเล่าให้ฟังว่าเขาต้องจมอยู่กับอาการโกรธและสิ้นหวังอย่างไรบ้าง

แอนนาซึ่งเป็นครูสอนโยคะที่มีใบรับรองก็พูดกับแดนว่า “You need some yoga in your life” เธอแนะนำให้แดนลองฝึกโยคะ โดยเธอเสนอสอนคลาสส่วนตัวให้แดน 3 ครั้ง

ตอนแรกแดนก็บอกไปว่านี่เป็นสิ่งที่งี่เง่าที่สุดที่เขาเคยได้ยิน แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจลองโยคะดูสักตั้ง

ในคลาสฝึกโยคะครั้งแรก แดนเล่นโยคะโดยใส่ขาเทียมด้วยอาการเก้ๆ กังๆ ออกท่าทางต่างๆ ไม่มั่นคง

ยิ่งเล่นยิ่งรู้สึกท้อแท้ เขาบอกว่ารู้สึกเจ็บมาก และก็โกรธด้วยเพราะแอนนาชอบพูดซ้ำๆ ว่าให้เขากดเท้าลงไปกับพื้น

จนสุดท้ายเขาบอกให้แอนนาหยุดพูดคำนั้นซะที ไม่เห็นเหรอว่าเขาไม่มีเท้าสักข้าง

เมื่ออารมณ์ขุ่นเคืองถึงขีดสุด แดนก็ตัดสินใจถอดขาเทียมออก แล้วโยนทิ้งไปด้านข้างด้วยความโกรธ ทั้งๆ ที่ปกติเขาไม่กล้าเปิดเผยท่อนขาที่เหลือให้ใครเห็น

 

แดนลองฝึกโยคะอีกครั้งโดยไม่มีขาเทียม แอนนาสอนให้เขาฝึก Root down to rise up ซึ่งเป็นพื้นฐานโยคะเพื่อสร้างรากฐานการยืนให้มั่นคง และรู้สึกสงบโดยไม่ต้องฝืนร่างกาย

ครั้งนี้แดนจินตนาการว่ามีรากไม้งอกมาจากท่อนขาทั้งสองข้างและยึดลงไปกับพื้น เมื่อเขาชูแขนเหยียดขึ้นก็รู้สึกว่าเหมือนชีวิตเขาหลุดออกไปผ่านมือทั้งสองข้าง ทำให้แดนน้ำตาซึม รู้สึกเหมือนโลกกำลังถามเขาว่า “แดน ช่วง 10 ปีที่แล้วคุณไปอยู่ที่ไหนมา?”

หลังจากวันนั้นเขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะเข้าชั้นเรียนโยคะครั้งต่อๆ ไปอย่างใจจดใจจ่อ

มาถึงวันนี้ แดน เนวินส์ อายุ 51 ปี มีภารกิจคือการส่งเสริมให้คนหันมาเล่นโยคะ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้รับบาดแผลจากสงครามแบบเขา หรือว่าคนที่ต้องการหาแรงบันดาลใจและทิศทางใหม่ๆ ให้กับชีวิต

เขาเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานสนับสนุนองค์กร Wounded Warrior Project โดยเขาเดินทางไปทั่วโลกเพื่อสอนโยคะให้กับคนในประเทศต่างๆ ด้วยความหวังว่าจะนำพาความสงบสุขและจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ไปมอบให้กับคนอื่นๆ

แดนบอกว่าความจริงแล้วทุกๆ คนก็ใช้ชีวิตโดยมีบาดแผลจากสงครามอย่างใดอย่างหนึ่งที่เราต่างมองไม่เห็น โยคะช่วยให้เราวางมือจากสิ่งที่ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้เราอีกต่อไปแล้ว

ถ้ามีใครมาบอกกับแดนว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นครูสอนท่าโยคะให้กับคนนับร้อยในขณะที่ตัวเองสวมขาเทียมทั้งสองข้าง แดนซึ่งเติบโตมากับละแวกบ้านที่เต็มไปด้วยความรุนแรงในเมืองบัลติมอร์ บอกว่าเขาคงไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด

เขาอาจจะตอบกลับไปว่า “พูดเล่นหรือเปล่า ผู้ชายเขาไม่ฝึกโยคะกัน”

 

หลังจากจบคลาสโยคะแรกกับแอนนา แดนก็ลองไปฝึกโยคะที่อื่นโดยไม่ใช้ขาเทียมอีกสองสามคลาส ก่อนที่จะตัดสินลงชื่อเข้าร่วมคลาสฝึกสอนโยคะในระดับที่ 1 โดยเขาไม่ได้ตั้งเป้าที่จะเป็นครูสอนโยคะ แค่ต้องการเรียนรู้โยคะให้ลึกซึ้งกว่าในคลาสทั่วๆ ไป

อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนที่เคยเป็นสหายร่วมรบในกองทัพได้แวะมาหาแดนที่บ้านเพื่อพบปะและนั่งดื่มเบียร์กัน

แดนสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเพื่อน จนในที่สุดเพื่อนก็เล่าให้ฟังว่า สองวันก่อนภรรยาพบเขากำลังเอาปืนจ่อปากตัวเองในตู้เสื้อผ้าเพียงไม่กี่วินาทีก่อนตัดสินใจเหนี่ยวไก

แดนฟังเรื่องแล้วพูดอะไรไม่ออก นอกจากบอกเพื่อนว่า “You need some yoga in your life.” และการเริ่มเป็นครูสอนโยคะครั้งแรกของแดนก็เกิดขึ้นตรงห้องรับแขกในตอนนั้นเลย

หลังจากนั้นแดนก็พาเพื่อนเขาไปสมัครเรียนในคลาสโยคะต่างๆ

อีก 3 สัปดาห์ให้หลังเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนเดิม โทร.มาขอบคุณที่ช่วยรักษาชีวิตเขาไว้ โดยแดนทวนคำพูดของเพื่อนที่บอกกับเขาว่า “เมื่อวานเป็นอีกวันที่แย่สำหรับผม แต่แทนที่จะหยิบปืน ผมเดินไปหยิบเสื่อโยคะขึ้นมาแทน”

ตอนนั้นเองที่แดนทราบแล้วว่าเขาต้องการจะเป็นครูสอนโยคะ

 

ปัจจุบันแดนมีคลาสสอนโยคะราวๆ 12 คลาสต่อเดือนทั้งในสถานที่ใกล้บ้านและในฐานทัพต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งเขาออกเดินทางไปพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับโครงการ Wounded Warrior เขามองตัวเองเหมือนเป็นทูตโยคะที่เผยแพร่การฝึกฝนและประโยชน์ของโยคะให้กับอีกหลายๆ คน

แดนบอกว่าการสูญเสียขาทั้งสองข้างเป็นสิ่งที่คุ้มค่าเมื่อแลกกับการได้ช่วยแบ่งปันภารกิจสำคัญที่สุดที่เขาเคยได้ทำ คือการออกไปช่วยให้ชีวิตคนอื่นได้พบกับความสงบ แรงบันดาลใจ และโยคะ

ทุกวันนี้แดนบอกว่าเขามีชีวิตที่ดีมาก และเขาจะไม่ยอมแลกชีวิตนี้กับใคร

บ่อยครั้งเขาลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นคนไม่มีขา สิ่งนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขาอีกแล้ว ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป และ บอกตัวเองเสมอว่าเป็นคนโชคดีเพราะยังมีลมหายใจอยู่