ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | โล่เงิน |
เผยแพร่ |
บทความโล่เงิน
โฮ่งๆ น่ารัก พลัง ‘ฮีลใจ’
ทุกเสียงเห่า K9 คือความหวัง
ปิดจ๊อบหิน 11 วัน ‘ตึก สตง.’ ถล่ม
7 เมษายน ปิดฉากการปฏิบัติงานทีมสุนัข K9 ทีมงานร่วมค้นหาผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิตบริเวณใต้ซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 8.2 ริกเตอร์ มีศูนย์กลางเมียนมา แล้วส่งแรงสะเทือนถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา
เป็น 11 วันที่เจ้าตูบ 4 ขาปฏิบัติงานได้อย่างน่าชื่นชม ประทับใจ ทั้งหน้าที่กู้ภัย และฮีลใจญาติเหยื่อที่ได้รับความทุกข์จากการจากไปคนรัก
สุนัข K9 (เคไนน์) ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ สำหรับการทำงานร่วมกับตำรวจ ทหาร และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก
คำว่า K9 มาจากการเล่นคำของคำว่า “Canine” ซึ่งหมายถึง สุนัข ในภาษาอังกฤษ
ภาพที่คนจดจำกันได้ตลอดการปฏิบัติงาน คือ ท่าทางตื่นเต้น แกว่งหาง และทำท่าคุ้ยกองซากตึก สตง.ที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสัญญาณที่ K9 หนึ่งในกำลังสำคัญช่วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยปฏิบัติงาน สื่อสารว่าพบสิ่งผิดปกติแล้ว
เจ้าตูบเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มข้นเพื่อภารกิจค้นหาและช่วยเหลือผู้มีชีวิตท่ามกลางซากปรักหักอิฐ ปูน เหล็ก
ปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็น “ภารกิจร่วม” มี K9 มาจากทั้งหน่วยงานรัฐ และเอกชน
ในส่วนกองกำกับการสุนัขตำรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับคำสั่งผู้บังคับบัญชาส่ง K9 เข้าพื้นที่สนธิกำลังกับ K9 จากองค์กรเอกชนอื่นๆ
ได้แก่ สุนัขตำรวจตรีกามิ, สุนัขตำรวจตรีคริสติน่า, สุนัขตำรวจตรีไบเล่ย์สายพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ และสุนัขตำรวจตรีโคล่า เป็นสายพันธุ์ ฮังกาเรียน วิซสลา อายุเฉลี่ย 4-6 ปี แต่ละตัวได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีทั้งด้านการค้นหาผู้รอดชีวิตและการค้นหาร่างผู้เสียชีวิต
พ.ต.อ.บดินทร์ ผาสุข ผู้กำกับการสุนัขตำรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สปพ.บช.น.) เล่าให้ฟังก่อน กว่าจะเป็น K9 ต้องฝึกฝนอย่างหนักและประสานงานกับทีมเจ้าหน้าที่หรือผู้ควบคุมเป็นอย่างดี
โดยกระบวนการค้นหาจะเริ่มจากการนำสุนัขเข้าไปพร้อมผู้บังคับสุนัข และปล่อยให้พวกเขาดมกลิ่นตามการฝึกฝน
หากพบผู้รอดชีวิต สุนัขจะส่งสัญญาณด้วยการเห่า 20-30 ครั้ง เพื่อแจ้งให้ผู้บังคับสุนัขทราบ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะประสานการเข้าไปช่วยเหลือ
เคยมีบทบาทสำคัญในหลายคดี เช่น คดี “น้องชมพู่” วัย 3 ขวบ หายปริศนาบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร หรือ “ไอซ์หีบเหล็ก” ลูกชายเจ้าของตลาดรายใหญ่ฝั่งธนบุรีก่อคดีสะเทือนขวัญ ลงมือฆ่าและอําพรางศพหญิงสาวหลายราย โดย K9 ได้ดมกลิ่นเพื่อชี้เป้า
แต่ภารกิจที่ตึก สตง.ถล่มไม่ได้ราบรื่น ปัญหาสำคัญอยู่ที่สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยฝุ่นละออง เศษอิฐ เหล็ก และกลิ่นสารเคมีอันตราย เช่น ทินเนอร์ อาจส่งผลกระทบต่อ K9
ดังนั้น การเข้าปฏิบัติการจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และต้องถอนตัวออกจากพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยงสูงต่อความปลอดภัย
สำหรับช่วงเวลา 72 ชั่วโมงแรกหลังตึกถล่มการค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากอาคารเป็นภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา
เพราะโอกาสรอดชีวิตของผู้ประสบภัยจะลดลงเรื่อยๆ ตามเข็มนาฬิกาที่หมุนไป
ดังนั้น สุนัข K9 จึงเป็นพระเอก เนื่องจากสามารถตรวจจับกลิ่นมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ
พ.ต.อ.บดินทร์อธิบายว่า K9 ระบุตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งกีดขวางจำนวนมาก พวกเขาสามารถค้นหาพื้นที่กว้างๆ ได้ภายในเวลาอันสั้น
ภายหลังจากการปฏิบัติภารกิจ K9 ได้รับการดูแลและฟื้นฟูสภาพร่างกายอย่างดี
เนื่องจากการทำงานในสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยฝุ่น และเศษอิฐ ดิน ปูน อาจส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจได้
เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสุนัข K9 ต้องคอยตรวจสอบสุขภาพพวกเขาอย่างใกล้ชิด และหากพบว่าสุนัขมีอาการเหนื่อยล้าหรือได้รับบาดเจ็บ ต้องให้การรักษาและพักฟื้นก่อนจะกลับไปปฏิบัติภารกิจใหม่
ความแตกต่างสำคัญระหว่างสุนัขที่ฝึกค้นหาผู้รอดชีวิตและสุนัขที่ฝึกค้นหาผู้เสียชีวิตอยู่ที่การฝึกดมกลิ่น
สุนัขที่ค้นหาผู้เสียชีวิตต้องได้รับการฝึกจากกลิ่นศพจริงๆ ปัจจุบันไม่ได้มีการนำศพจริงๆ มาใช้ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับมีกฎหมายควบคุม
ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำกลิ่นสังเคราะห์ที่เข้าจากต่างประเทศที่ใช้ในการฝึกมาเพื่อพัฒนาสุนัข
ถึงแม้ภารกิจหนักหน่วงและความเสี่ยงผ่านไปได้ด้วย “มิชชั่นคอมพลีต” แต่น้องๆ เหล่านี้ต้องการรางวัลตอบแทนเพียงแค่ของเล่นหรืออาหารเล็กๆ น้อยๆ จากผู้ควบคุม
วิธีฝึกที่ใช้หลักการ “Positive Reinforcement” หรือการให้รางวัลแทนการลงโทษ ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสัตว์กับผู้ฝึก เพื่อให้น้องหมามีกำลังใจปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
จ.ส.ต.ธีรศักดิ์ ทองเหมาะ ผบ.หมู่ กก.สุนัขตำรวจ ผู้ควบคุมสุนัข K9 ชื่อ “โคล่า” เล่าว่า ดูแลและฝึกเจ้าโคล่ามาตั้งแต่ยังเล็ก จนเกิดเป็นสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น “เจ้าโคล่าเป็นสุนัขที่กระตือรือร้นมาก แต่เมื่อถึงเวลาปฏิบัติหน้าที่ก็สามารถควบคุมตัวเองและทำงานได้อย่างเต็มที่”
เมื่อสุนัข K9 ปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสุขภาพให้กับพวกมันทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอาการบาดเจ็บหรือผลกระทบจากการปฏิบัติงาน เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้พวกมันสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
นอกจากภารกิจการช่วยค้นหาผู้สูญหายในซากอาคารแล้ว บรรดา K9 ยังได้ช่วยเยียวยาที่ใจญาติของผู้สูญหาย
มีวันหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้นำสุนัข K9 ชื่อ “เล็ก” เข้าไปพบปะกับญาติๆ ที่อยู่ในศูนย์พักพิง เนื่องจากหวังว่าจะช่วยให้คลายเครียด
สุนัขเหล่านี้สามารถรับรู้ถึงความกังวลใจของมนุษย์ได้ ช่วยเยียวยาจิตใจได้
K9 “เล็ก” มีความอ่อนโยน เข้าไปให้ญาติผู้สูญหายกอด ลูบศีรษะ ทำให้แต่ละคนมีรอยยิ้มขึ้นมา บรรเทาความกังวลใจลงไปได้บ้างหลังสัมผัสความน่ารัก K9
เมื่อเวลาผ่านไป 10 วัน ความหวังพบผู้รอดชีวิตเริ่มริบหรี่ลง กำลังพลและสุนัข K9 ซึ่งทำอย่างเต็มที่ทุกวัน ถึงเวลายุติหน้าที่ เพราะหากทำภารกิจต่อไปจำเป็นต้องใช้เครื่องจักรหนัก อาจจะเกิดอันตราย
ได้ส่งมอบภารกิจการค้นหาให้ทีมหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อไป
บ๊ายบายภารกิจหิน หลังจากลุยมาตลอด 11 วัน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022