ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ลึกแต่ไม่ลับ |
ผู้เขียน | จรัญ พงษ์จีน |
เผยแพร่ |
ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน
“กาสิโน 1”
ต้องยอมรับว่าชั่วโมงนี้ “ประเทศไทยกำลังตกที่นั่งเสือลำบาก” บอบช้ำอย่างหนักกับทุกเรื่อง ไม่ว่าเศรษฐกิจซบเซาสุดขีด ดัชนีตลาดหุ้นตกต่ำ กู่ไม่กลับ ปัญหาสังคมสะสม การเมืองไม่เป็นสับปะรดขลุ่ย หรืออื่นๆ ถาโถมเข้ามาอย่างพร้อมเพรียง ส่งสัญญาณอันตรายต่อการพังทลายได้ในมิช้ามินาน
รัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต เข็นนโยบายมาแก้ปัญหาสารพัด เรื่องธงหนึ่งคือ “ดิจิทัลวอลเล็ต” หัสเดิมจะแจกหัวละหมื่นบาททุกคน แต่ติดติ่งบางประการ เลยเลี่ยงบาลีแจกเงินหมื่นด้วยการแบ่งกลุ่ม เริ่มนับหนึ่งจาก “กลุ่มเปราะบาง-ผู้สูงอายุ” และล็อตที่ 3 กลุ่มอายุ 20-59 ปี
แต่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ต่อมเศรษฐกิจยังสลบเหมือดฟื้นไม่เป็น กลับมาไม่ได้ “ประเทศไทย” ที่เคยหรูหราหมาเห่ามาเก่าก่อน พลิกข้ามสายย้ายข้ามขั้ว
ทำท่าตกที่นั่ง “ถังแตก” เพราะรัฐบาลขาดสภาพคล่องทั้งเงินหมุนเวียนและเงินเก็บ หรือทุนสำรองระหว่างประเทศไม่พอชำระหนี้แล้ว หนี้สินในสกุลเงินต่างประเทศสูง แม้คุณสมบัติครบ องค์ประกอบพร้อมบริบูรณ์ แต่ยี่ห้อเพื่อไทย แม้ปัญหาใหญ่หลวงกำลังจะมาเยือน จะแตกพ่ายทางการศึก ก้าวเข้าสู่โลกมืดอยู่ในวันนี้วันพรุ่ง แต่ไม่ถึงกับเจอทางตัน มืดมนอนธการซะเลยทีเดียว
ยังมีอีกเม็ด แสงเทียนส่องสว่างในค่ำคืนอันมืดมิด นั่นก็คือ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ดีดลูกคิดดูแล้วเคลิ้มกับเป้าหมายที่จะดึงนักลงทุนจากต่างประเทศมาได้ไม่น้อยกว่า 500,000 ล้านบาทในช่วงแรกๆ
“สถานบันเทิงครบวงจร” ที่อยู่ในนิมิต จะประกอบด้วย “ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่-โรงแรม 6 ดาว-สถานที่จัดงานประชุม-สวนสนุก-พื้นที่ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและโอท็อป-สระว่ายน้ำและสวนน้ำ-ร้านอาหารและไนต์คลับ-ผับ บาร์-กาสิโน-และกิจกรรมอื่นๆ”
ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับมากมายมหาศาลจาก “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” กล่าวคือ กระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดจากการลงทุนขั้นต่ำ 100,000 ล้านบาท รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 39,400 ล้านบาทต่อปี รายได้จากกาสิโน 3,264 ล้านบาทต่อปี รายได้จากกิจการอื่นๆ 35,000 ล้านบาทต่อปี สร้างการจ้างงาน 15,300 คน ส่งเสริมการท่องเที่ยว ประมาณร้อยละ 10-15 ต่อปี เพิ่มการใช้จ่ายค่าหัว เป็น 60,000 บาท/คน/ทริป
ตัวอย่างของประเทศเพื่อนบ้านกับ “ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ” ที่ได้รับของประเทศที่มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เช่น “มาเก๊า” 1.2 ล้านล้านบาท/ปี “สิงคโปร์” 430,000 ล้านบาท “เวียดนาม” 180,000 ล้านบาท “เกาหลีใต้” 320,000 ล้านบาท “อินโดนีเซีย” 140,000 ล้านบาท “ฟิลิปปินส์” 220,000 ล้านบาทต่อปี
ตะวันขึ้นแล้วมุดดิน ดังนั้น เมื่อพากันฝันเห็นรายได้จาก “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” แบบจุก-จุก ไม่รอช้า คณะรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” อนุมัติตูมรับหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจและสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ…. หรือ “กฎหมายเอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ตามที่กระทรวงการคลังนำเสนอเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568
ตามขั้นตอนหลังจากนั้น จะส่งร่างให้กฤษฎีกาตรวจร่างปรับแก้ และปรากฏว่าโค้งแรกกฤษฎีกาให้ความเห็น 6 จุด เช่น ไม่ตรงประเด็นกับที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ที่มุ่งเน้นส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่
อ้างว่า เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย “แต่กลับจัดให้มีการเล่นกาสิโนด้วย อาจจะไม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล”
มีข้อความสำทับจากความเห็นส่วนตัวของ “นายปกรณ์ นลประพันธ์” เลขาฯ คณะกรรมการกษฎีกา ที่ระบุว่า “คำแถลงต่อรัฐสภา จะต้องไปดูแมน-เมด ควรเขียนให้กว้างขึ้นเพื่อครอบคลุม รวมถึงมีข้อสังเกตเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ใช้รายงานการศึกษาของสภาผู้แทนราษฎร ที่มุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาการพนัน แต่การสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ได้แก้ปัญหาการพนันโดยตรง ถ้าอยากแก้ปัญหาการพนันโดยตรงต้องไปแก้ที่อื่น เช่น นิสัยของคน พฤติกรรมของคนที่ชอบเล่นการพนัน ซึ่งมีกฎหมายการพนันอยู่แล้ว”
เมื่อแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำ ตามคำเสนอแนะและส่งกลับให้กฤษฎีกาตรวจสอบอีกครั้ง เมื่อกฤษฎีกาเอ็กซเรย์แล้วเสร็จ ส่งร่างกฎหมายให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา และเมื่อวันที่ 27 มีนาคม หลังลงมติศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “แพทองธาร” ที่ประสบชัยชนะงดงามด้วยเสียงท่วมท้นล้นเหลือ คณะรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง 1” เร่งคีย์ตีจังหวะบรรจุวาระระเบียบเพื่อพิจารณาเพิ่มเติม (ลับมาก) เรื่องร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ…. ให้ ครม.เพื่อพิจารณาหลังส่งหนังสือเวียนมารับความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติรับหลักการโดยพลัน แบบนกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ แต่มีติ่งติดปลายนวมให้ดูดีว่า “ต้องมีกาสิโนไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ขณะที่อีก 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นฮอลล์คอนเสิร์ตขนาดใหญ่จุ 50,000 คน อินดอร์สเตเดี้ยมที่ไทยไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนั้น จะมีส่วนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร จะสร้างรายได้ให้กับประเทศกว่า 1.1-2.3 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-10 ต่อปี
ด้วยอารามรีบ ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน สภาผู้แทนฯ เดือดปุด เมื่อเกิดรายการหักเหลี่ยมโหด ยัดไส้มีการชิงเสนอให้เลื่อนวาระร่างกฎหมายครบวงจรขึ้นมาปาดหน้าญัตติอื่น โดยเฉพาะ แผ่นดินไหว ตึกถล่ม “พรรคสีส้ม” เลยควันออกหู
ชิงจังหวะเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรผ่านความเห็นชอบเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในวาระแรกก่อนสภาปิดสมัยประชุมวันที่ 9 เมษายน เป็นวันสุดท้าย และปิดเทอมยาว 3 เดือน
แต่ช้าก่อน สถานบันเทิงครบวงจร มีแนวโน้มจะตกม้าตายสูงมาก
ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ทั่วสารทิศ
ฉบับหน้าตามไปดู ใครโคตรเหนื่อย และใครเหนื่อยโคตร
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022