Robert Zhao Renhui ศิลปินผู้สำรวจความสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติด้วยศิลปะวิทยาศาสตร์

ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์

Robert Zhao Renhui

ศิลปินผู้สำรวจความสัมพันธ์

ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติด้วยศิลปะวิทยาศาสตร์

 

 

ในตอนนี้ขอต่อด้วยการเกริ่นถึงงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ไทยแลนด์เบียนนาเล่ ครั้งที่ 4 ที่กำลังจะจัดขึ้นในช่วงปลายปี 2025 นี้ ที่จังหวัดภูเก็ต ด้วยการแนะนำหนึ่งในศิลปินที่เดินทางมาร่วมแสดงงานในมหกรรมศิลปะครั้งนี้อีกคน

ศิลปินผู้นี้มีชื่อว่า โรเบิร์ต จ้าว เหรินฮุ้ย (Robert Zhao Renhui)

ศิลปินร่วมสมัยชาวสิงคโปร์ ผู้ทำงานหลักด้านศิลปะภาพถ่าย หากแต่ยังผสานกับสื่อและแนวทางอันหลากหลาย โดยเฉพาะการนำเสนอภาพถ่ายร่วมกับเอกสารและวัตถุต่างๆ ในเชิงวิเคราะห์ข้อมูลและสื่อสารมวลชน เขายังทำงานวิดีโอและภาพเคลื่อนไหวอีกด้วย

กระบวนการทำงานศิลปะของเขาเป็นการสำรวจความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศีลธรรมและจริยธรรม

โดยให้ความสำคัญกับสถานการณ์ที่ทัศนคติและความคิดเห็นของมนุษย์มีอิทธิพลต่อการตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับโลกธรรมชาติ

เขามักใช้ประโยชน์จากเรื่องเล่าอันหนักแน่นน่าเชื่อถือ แต่ในขณะเดียวกันก็น่ากังขา น่าฉงนสนเท่ห์ เพื่อกระตุ้นความสงสัยแก่ผู้ชม ให้ตั้งคำถามถึงแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นจริงที่ถูกนำเสนอในทุกวันนี้

โรเบิร์ต จ้าว เหรินฮุ้ย, ภาพจาก https://shorturl.at/jsoUh
A Guide to the Flora and Fauna of the World (2013), ภาพจาก https://criticalzoologists.org/

จ้าว เกิดในปี 1983 ที่ประเทศสิงคโปร์ ก่อนที่จะย้ายไปยังลอนดอน ประเทศอังกฤษในปี 2006 เพื่อเรียนด้านการถ่ายภาพในสถาบัน Camberwell College of Arts และ London College of Communication

ในขณะที่กำลังศึกษาอยู่ เขาได้รับการสนับสนุนให้สร้างตัวตนเชิงสมมุติ สำหรับผลงานของเขาใน Institute of Critical Zoologists (สถาบันนักสัตววิทยาวิพากษ์) ที่มีภารกิจในการพัฒนาวิธีการวิจารณ์การมองสัตว์จากมุมมองของมนุษย์

เขายังสนใจในศาสตร์การสตัฟฟ์สัตว์ และได้รับทุนจาก Chelsea Arts Club เพื่อเยี่ยมชมสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วประเทศสเปน

ในช่วงเริ่มต้นของวิชาชีพ จ้าวร่วมแลกเปลี่ยนความคิดกับ หยง ติงลี่ (Yong Ding Li) นักชีววิทยาด้านการอนุรักษ์ชาวสิงคโปร์ ผู้เคยทำงานเกี่ยวกับพืชและสัตว์ในภูมิภาคอาร์กติก และทำงานกับองค์กร BirdLife International

การสนทนาของทั้งคู่ทำให้จ้าวเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และสุนทรียะความงาม

เขาพยายามค้นหามุมมองเกี่ยวกับธรรมชาติผ่านศิลปะ แทนที่จะเป็นการมองผ่านมุมมองของวิทยาศาสตร์ตามปกติ

A Guide to the Flora and Fauna of the World (2013), ภาพจาก https://criticalzoologists.org/
A Guide to the Flora and Fauna of the World (2013), ภาพจาก https://criticalzoologists.org/

นิทรรศการแสดงเดี่ยวครั้งแรกในสหราชอาณาจักรของจ้าว จัดขึ้นในปี 2012 ที่ Chapter Arts Centre ในเมืองคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์

เขานำเสนอภาพถ่ายภูมิภาคอาร์กติก นกฮูกหางยาวตาบอด และการวิจัยเกี่ยวกับการพบเห็นวาฬในญี่ปุ่น รวมถึงภาพจากการประชุมสมมุติเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์ตั๊กแตนใบไม้ (Phylliidae)

นิทรรศการของจ้าวลบเลือนเส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงกับเรื่องแต่ง โดยมักทำให้ผู้ชมสับสนว่าพวกเขากำลังชมเนื้อหาจากสารคดีธรรมชาติ หรือสถานการณ์สมมุติที่สร้างขึ้นจากจินตนาการของศิลปินกันแน่

ผลงานของเขาได้รับการจัดแสดงในระดับนานาชาติ ทั้งนิทรรศการแสดงเดี่ยวในหลายประเทศอย่าง สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อิตาลี และสหรัฐอเมริกา และได้เข้าร่วมในเทศกาลศิลปะต่างๆ และนิทรรศการแสดงภาพถ่ายหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย

เขาเป็นตัวแทนของสิงคโปร์จัดแสดงผลงานในพาวิลเลียนประจำชาติ ในมหกรรมศิลปะ Venice Biennale ครั้งที่ 60 ในปี 2024 และมหกรรมศิลปะ Gwangju Biennale ครั้งที่ 14 ในปี 2023, Beijing Biennale ในปี 2022, Busan Biennale ในปี 2020, Singapore Biennale ในปี 2019, Asia Pacific Triennial of Contemporary Art ที่ประเทศออสเตรเลีย ในปี 2017, Taipei Biennial ในปี 2018, JIWA : Jakarta Biennale ในปี 2017 และ Moscow Biennale ครั้งที่ 7 ในปี 2017 เป็นอาทิ

ถ้าศิลปินหัวก้าวหน้าในอดีตอย่าง โจเซฟ บอยส์ (Joseph Beuys) เคยกล่าวเอาไว้ในปี 1973 ว่า “มนุษย์ทุกคนคือศิลปิน”

โรเบิร์ต จ้าว เหรินฮุ้ย คงจะกล่าวว่า “มนุษย์ทุกคนเป็นนักวิทยาศาสตร์”

A Guide to the Flora and Fauna of the World (2013), ภาพจาก https://criticalzoologists.org/
A Guide to the Flora and Fauna of the World (2013), ภาพจาก https://criticalzoologists.org/

ถึงแม้จะทำงานหลักเป็นภาพถ่าย แต่ศิลปินสัญชาติสิงคโปร์ผู้นี้ก็จำลองกระบวนการทดลอง ที่เป็นหัวใจของการวิจัยค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ โดยท้าทายขอบเขตอันคลุมเครือและเส้นแบ่งอันเลือนรางระหว่างศิลปะและวิทยาศาสตร์ เพื่อเล่นกับการรับรู้ของผู้ชมเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการ

ยกตัวอย่างเช่น ในผลงาน A Guide to the Flora and Fauna of the World (2013) จ้าวนำเสนอภาพถ่ายของสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติที่ถูกแทรกแซงโดยมนุษย์

ทั้งภาพปลาทองหัวแดงที่ชนะรางวัล

ภาพแมลงสาบที่ควบคุมด้วยรีโมต ด้วยการติดตั้งขั้วไฟฟ้าเข้าไปในตัวแมลงสาบเพื่อให้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของมันได้ โดยมนุษย์จะส่งสัญญาณไฟฟ้าไปยังสมองของมัน

ภาพด้วงโกไลแอทสามตา ที่ถูกติดตั้งขั้วไฟฟ้า วิทยุ และกล้องถ่ายภาพแทนตาที่สาม และควบคุมมันด้วยสัญญาณไร้สาย

ภาพกบตัวเล็กที่สุดในโลกที่ถูกเพาะพันธุ์โดยมนุษย์

ภาพผลแอปเปิลทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกดัดแปลงโดยมนุษย์

ภาพแรดไร้นอในแอฟริกา ที่เชื่อกันว่าเกิดขึ้นจากกระบวนการวิวัฒนการของแรดในการหนีจากการล่าแรดเพื่อเอานอของมนุษย์

และภาพกองผงขี้เถ้าจากซากแมลงจำนวน 103 สายพันธุ์ ที่ถูกเผาไหม้จากการบินไปหาแสงสว่างจากหลอดไฟของมนุษย์

จ้าวถ่ายภาพสิ่งเหล่านี้บนฉากหลังหรือผ้าปูโต๊ะสีสดใส เพื่อเลียนแบบภาพถ่ายโฆษณา โครงการนี้ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของการสำรวจทางมานุษยวิทยา หรือการเก็บข้อมูลในรายการบันทึกภาพ ที่นำเสนอภาพของพืช สัตว์ และภูมิทัศน์ 55 แหล่ง บางชนิดเป็นการถูกสร้างและดัดแปลงขึ้นจริงโดยมนุษย์ บางชนิดเป็นสิ่งที่ศิลปินจินตนาการขึ้นล้วนๆ

ผลงานชุดนี้เผยแพร่ภายใต้ชื่อของสถาบันสมมุติอย่าง Institute of Critical Zoologists โดยจัดทำรายการภาพถ่ายและเอกสารเกี่ยวกับสัตว์และพืชในโลกธรรมชาติในรูปแบบของแบบจำลองสัตว์, ภาพถ่าย และเอกสารต่างๆ อย่างละเอียดสมจริง

ผลงานชิ้นนี้ทำให้เราตระหนักถึงการที่มนุษย์แทรกแซงระบบวิวัฒนการตามธรรมชาติ โดยไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

The Lines We Draw III (Towards Alaska) (2019), ภาพจาก https://shorturl.at/jsoUh
Seeing Forest (2024)

จ้าวกล่าวว่า “มนุษย์มักคิดว่าตนเองเป็นจุดสูงสุดของลำดับชั้นสิ่งมีชีวิต และมักจะคิดว่าสิ่งอื่นๆ นอกจากตัวเองเป็นสิ่งไม่มีชีวิต เราปฏิบัติตัวเหมือนกับธรรมชาติเป็นแหล่ง (ฉกฉวย) ทรัพยากร ที่ไม่สามารถโต้ตอบเราได้ ผมสนใจในห้วงเวลาที่สรรพสิ่งในธรรมชาติแสดงให้เราเห็นว่าพวกมันมีชีวิต และสามารถเติบโตงอกงามและเบ่งบานได้”

หรือผลงานที่จ้าวเป็นตัวแทนของประเทศสิงคโปร์ในมหกรรมศิลปะ Venice Biennale ครั้งที่ 60 ในปี 2024 อย่าง Seeing Forest (2024) ที่เจ้าใช้เวลาแปดปีในการสำรวจผืนป่าเกิดใหม่ในสิงคโปร์ ที่ฟื้นตัวจากพื้นที่ที่ถูกทำลายจากการแทรกแซงโดยกิจกรรมของมนุษย์ ทั้งพื้นที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม เรือกสวนไร่นาที่ถูกทิ้งร้าง ที่ถูกธรรมชาติหวนกลับมาครอบครองพื้นที่ จนกลายเป็นระบบนิเวศใหม่ที่วิวัฒน์ตัวขึ้นภายในพื้นที่เมือง

นิทรรศการที่ว่านี้ของจ้าว แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของเกาะสิงคโปร์นับแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน โดยเผยให้เห็นวิธีการบางอย่าง ที่การออกแบบเมืองของมนุษย์สามารถหล่อหลอมธรรมชาติด้วยตัวเอง ส่งผลให้เกิดระบบนิเวศใหม่ของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ต่างๆ ที่อพยพมาอาศัยในพื้นที่เมือง ซึ่งสะท้อนถึงเส้นทางการดำรงชีวิตของประชากรมนุษย์บนดินแดนนี้

ในขณะเดียวกัน ผลงานชิ้นนี้ยังเน้นย้ำถึงปรากฏการณ์อันเป็นสากลสำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมเมืองในที่แห่งใดก็ตามในโลกใบนี้ ที่ธรรมชาติจะหวนกลับมายึดคืนพื้นที่ของตัวเองในที่สุด

Seeing Forest (2024)
Seeing Forest (2024)

“ผลงาน Seeing Forest ของผม มีจุดมุ่งหมายในการสร้างพื้นที่ป่าในจินตนาการ ที่ได้แรงบันดาลใจจาก ป่าทุติยภูมิ (Secondary Forest) (หรือ ป่าที่เกิดขึ้นใหม่บนที่ดินที่เคยถูกทำลายหรือรบกวนโดยกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ หรือการทำการเกษตร เมื่อมนุษย์เลิกทำกิจกรรมเหล่านี้ ป่าจะเริ่มฟื้นตัวและเติบโตขึ้นใหม่)”

“เกาะสิงคโปร์ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ‘เมืองในธรรมชาติ’ มีพื้นที่สวนสาธารณะที่ได้รับการดูแลอย่างดีและมีต้นไม้ข้างทางมากมาย แต่ไม่มีพื้นที่สีเขียวที่เป็นป่าดิบที่ไม่ได้รับการจัดการ และปล่อยให้เติบโตตามธรรมชาติ”

“ผมรู้สึกทึ่งกับป่าทุติยภูมิเป็นพิเศษ เพราะมันต่างจากที่ดินที่พัฒนาแล้วที่ปกคลุมไปด้วยคอนกรีต ป่าทุติยภูมิจะไม่ลบล้างประวัติศาสตร์ แต่จะอนุญาตให้ร่องรอยอารยธรรมที่หลงเหลือจากยุคต่าง ๆ อยู่ร่วมกันได้ ตั้งแต่ก้อนอิฐและเศษเครื่องปั้นดินเผา ไปจนถึงต้นทุเรียนและต้นยางพาราจากหมู่บ้านที่ถูกทิ้งร้าง”

“สำหรับผม ป่าทุติยภูมิยังเป็นเขตชายแดน ซึ่งเป็นพื้นที่สุญญากาศที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากสายพันธุ์ ทั้งสัตว์ท้องถิ่นและสัตว์รุกรานต่างถิ่นอาศัยอยู่ ป่าเหล่านี้ยังเป็นที่ซ่อนตัวอย่างดีสำหรับผู้อพยพผิดกฎหมายและกิจกรรมผิดกฎหมายต่างๆ อีกด้วย”

“ในช่วงแปดปีที่ผ่านมา ผมได้ติดตั้งกล้องดักสัตว์ (ที่จับภาพจากการเคลื่อนไหว) ในบางพื้นที่ของป่าทุติยภูมิ และจับภาพของสัตว์ป่าภายในนั้น ผมมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ที่มีร่องรอยของการอยู่อาศัยของมนุษย์ เช่น รางน้ำซีเมนต์เก่าที่แตกหักจากแรงกระแทกของน้ำฝนจนกลายเป็นลำธาร ถังขยะที่ถูกทิ้งร้างจนกลายเป็นแหล่งน้ำสำหรับสัตว์ ภาพและฟุตเทจจากกล้องเหล่านี้เป็นองค์ประกอบหลักของการแสดงชุดนี้ของผม”

โรเบิร์ต จ้าว เหรินฮุ้ย เป็นหนึ่งในศิลปินที่จะเดินทางมาร่วมแสดงผลงานใน มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ไทยแลนด์เบียนนาเล่ ภูเก็ต 2025 ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2568-เมษายน 2569 ที่จะถึงนี้

ส่วนผลงานของเขาจะเป็นแบบไหนอย่างไรนั้น เราก็คงต้องรอชมกันต่อไปด้วยใจระทึกพลัน •

ข้อมูล https://shorturl.at/jsoUh, https://shorturl.at/adSIl, https://shorturl.at/IxGoB, https://criticalzoologists.org/

 

อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์