คนญี่ปุ่นคิดว่า อายุ 65 ปี แก่แล้วหรือ?

บทความพิเศษ | สุภา ปัทมานันท์

 

คนญี่ปุ่นคิดว่า อายุ 65 ปี

แก่แล้วหรือ?

 

เมื่ออายุเข้าสู่วัย 65 ปี เป็นช่วงเวลาที่หมดภารกิจจากหน้าที่การงานซึ่งส่วนมากเกษียณจากงานตั้งแต่อายุ 60 ปีแล้ว อีกทั้งยังหมดภาระเลี้ยงดูลูก ซึ่งต่างก็เติบโตเรียนจบ มีหน้าที่การงานหรือเริ่มมีครอบครัวของตัวเองแล้ว

วัยนี้จึงเป็นวัยที่ปลอดโปร่งโล่งใจ มีเวลาว่างเป็นของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็น “ช่วงเวลาทองของชีวิต” (人生のゴールデンタイム) ก็ได้

ศาสตราจารย์ ริวตะ คาวาชิมา อาจารย์แพทย์ด้านประสาทวิทยา สถาบันวิจัยผู้สูงวัย (加齢医学研究) มหาวิทยาลัยโทโฮคุ ให้คำแนะนำว่า ในวัยนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากในทำกิจกรรมหลายๆ อย่างที่ชอบเพื่อช่วยฝึกสมอง และออกกำลังกายให้แข็งแรงเตรียมรับมือกับวัยชราที่กำลังจะมาเยือนในอนาคต

ที่สำคัญคนญี่ปุ่นมีแนวโน้มเป็นโรคความจำเสื่อม (認知症) มากขึ้นในปัจจุบัน ไม่ควรอยู่นิ่งเฉย เบื่อหน่ายทอดอาลัย

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ต้องแก่อย่างมีคุณภาพให้ได้ ดูแลและให้ความสำคัญเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย การนอนหลับ และการมีความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างอย่างเป็นสุขใจด้วย

 

อายุ 65 ปี แก่แล้วหรือ? ลองถามใจคนวัยนี้ดูบ้าง

“ยังไม่แก่แน่นอน ยังทำงานตามแบบเดิมๆ ได้อยู่” “เพิ่งเริ่มก้าวเข้าสู่ผู้สูงวัย” “เป็นผู้สูงวัยที่ยังสมาร์ต” คำตอบมีหลายแบบ สภาพสังคมปัจจุบันสำหรับคนวัยนี้ เป็นช่วงวัยที่ยังก้ำกึ่ง ครึ่งๆ กลางๆ ยังตอบไม่ได้ชัดเจน

คนญี่ปุ่นเริ่มมีอายุขัยเฉลี่ย (平均寿命) เกิน 50 ปี เมื่อหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้เอง

ย้อนกลับไปสมัยก่อน คนที่อยู่มาจนอายุ 50 ปีได้ก็นับว่าอายุยืนมากแล้ว

อายุขัยเฉลี่ยของคนญี่ปุ่นยืดยาวออกไปมาก จนปัจจุบันเกิน 80 ปีกันแล้ว

ในยุคนั้น จึงมีกฎหมายกำหนดให้พนักงานเกษียณจากงานที่อายุ 55 ปี นับจากนั้นมา ในปี 1988 มีกฎหมายกำหนดอายุเกษียณเป็น 60 ปี และในปี 2012 กำหนดให้จ้างงานจนถึงอายุ 65 ปี หากลูกจ้างยังต้องการทำงานต่อไป

เมื่อปี 2021 รัฐบาลญี่ปุ่นขอความร่วมมือบริษัทต่างๆ ให้จ้างงานพนักงานที่ยังทำงานได้ จนถึงอายุ 70 ปี

 

เมื่อเปรียบเทียบกับคนสมัยก่อนแล้ว แน่นอนว่าคนอายุ 65 ปี สมัยนี้ยังรู้สึกกระปรี้ประเปร่า มีชีวิตชีวา อยากทำงานต่อไปอีกหลายปี

จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขและแรงงาน อายุขัยเฉลี่ยของคนญี่ปุ่นในปี 2023 ผู้ชาย 81.09 ปี ผู้หญิง 87.14 ปี

คำนวณดูแล้ว หากไม่มีปัจจัยที่ทำให้สุขภาพเปลี่ยนแปลงไป หลังเกษียณแล้วยังอยู่ต่อไปได้อีกเกือบ 20 ปี

แต่บางคนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความหมายของอายุขัยเฉลี่ย นั่นหมายถึง คนญี่ปุ่นที่เกิดปี 2023 ในสถานการณ์ปกติทั่วๆ ไป ไม่มีโรคระบาดที่จะคร่าชีวิตไปก่อน จะมีอายุขัยเฉลี่ย ผู้ชาย 81.09 ปี และผู้หญิง 87.14 ปี

ดังนั้น คนที่อายุ 65 ปี ในปี 2023 ผู้ชายและผู้หญิงจะมี “ระยะเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่” (????? life expectancy) อีกราว 19 ปี และ 24 ปี ตามลำดับ คำนวณโดยบวกเพิ่มขึ้นราว 2-3 ปี

สิ่งสำคัญไม่ใช่การมองว่า “จะอยู่อีกกี่ปี?” แต่ “จะอยู่อย่างไร?” จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตต่างหากที่สำคัญกว่า

ลองมองดูคนรอบข้างของตัวเอง พ่อแม่ และญาติผู้สูงวัยจากไปอย่างไร ส่วนใหญ่มักเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บ

สำหรับคนญี่ปุ่น มีช่วงเวลาที่มีสุขภาพดี (????? healthy life expectancy) ผู้ชาย 72.14 ปี และผู้หญิง 74.79 ปี หากขณะนี้ อายุ 65 ปี ก็จะมีเวลาที่สุขภาพแข็งแรง ไม่ต้องพึ่งพิงความช่วยเหลือของผู้อื่นสำหรับชายและหญิงอีกราว 7 ปี และ 9 ปี ตามลำดับ

หมายถึง ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินออม ยังมีอิสระในการใช้ชีวิต อยากไปเที่ยว อยากกินอาหารอร่อยๆ ที่เคยกิน อยากไปเจอ ไปคุยกับเพื่อนเก่าที่โน่น ที่นี่ ก็ยังไปได้เอง ยังไม่หลงลืม พูดจารู้เรื่อง ไม่เลอะเลือน เป็นต้น

เหลือเวลาอีกเพียงแค่นี้ จริงหรือ? ไม่นานเลย…

ถ้าอย่างนั้น อะไรที่เคยคิดว่า “เอาไว้ก่อนก็ได้ ค่อยคิดหลังเกษียณก็ได้” ก็จะกลายเป็นว่า หลังเกษียณแล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะกลายเป็นคนแก่ไปได้เลย หลังจากนั้นก็ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของคนอื่น เวลาผ่านไปรวดเร็วมากจริงๆ

 

จํานวนผู้สูงวัยญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นทุกปี สวนทางกับอัตราการเกิด ประชากรวัยเด็กมีลดน้อยลง ในอนาคตคนวัยทำงานยิ่งต้องแบกรับภาระการดูแลผู้สูงวัยในสังคมมากขึ้น จึงมีเสียงเรียกร้องให้ยืดอายุการเกษียณงานออกไปอีกเป็น 75 ปี

ซึ่งหากพิจารณาในแง่เศรษฐกิจก็สมเหตุสมผลบนสมมุติฐานว่า ยังมีสุขภาพแข็งแรงทำงานได้ แม้ประสิทธิภาพจะลดลงบ้าง

แต่หากพิจารณาถึงช่วงเวลาที่มีสุขภาพดี คือ 72-75 ปี แล้ว บางคนก็คงไม่เข้าข่ายจะทำงานได้อีกแล้ว หรือหากยังทำได้จริง เมื่อเกษียณแล้ว ก็คงไม่เหลือช่วงเวลาที่จะใช้ชีวิตอย่างแข็งแรงและมีความสุข ได้ทำสิ่งที่อยากทำด้วยตัวเองอีกเลย เกษียณแล้วก็แก่หง่อม ต้องพึ่งพาลูกหลานดูแล หรือไม่ก็ต้องเข้าอยู่บ้านพักคนชราเลย จะเป็นเรื่องน่าเศร้าเพียงใด

แต่ละคนย่อมมีเรื่องที่ต้องทำต่างกันไป แต่ถ้ารอให้เกษียณแล้วค่อยทำ อาจจะสายไปเสียแล้วก็ได้

ดังนั้น หากพิจารณาให้ดีๆ ในวัย 65 ปี สำหรับคนญี่ปุ่นนับเป็นวัยที่ได้เริ่มก้าวแรกเข้าไปสู่ตอนปลายของช่วงสูงวัยที่ยังแข็งแรง สมควรต้องครุ่นคิดแก้ไขสิ่งที่เคยละเลย สิ่งที่ยังไม่ได้ทำให้สมบูรณ์ สิ่งที่จะไม่เป็นภาระของลูกหลาน ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังต้องใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองให้มากขึ้น ให้แข็งแรงทั้งกายและมีสุขภาพจิตดี อย่างน้อยก็มีอายุไปให้ถึงเกณฑ์มาตรฐานที่จะมีสุขภาพแข็งแรงให้ได้

เวลาไม่เคยรอใคร…

ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน และเริ่มก่อนอายุ 65 ปี…