สั่งสแกน ‘3 พัน ร.ร.’ สกัดถล่ม ‘บิ๊กอุ้ม’ ชูนโยบาย ‘น.ร.ปลอดภัย’

แผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ศูนย์กลางที่เมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลกระทบถึงหลายจังหวัดในประเทศไทย รวมทั้งกรุงเทพฯ ซึ่งปรากฏความเสียหายจำนวนมาก โดยเฉพาะอาคารสูง และคอนโดมิเนียมที่ได้รับผลกระทบมากบ้าง น้อยบ้าง

แต่ที่ทำเอาตะลึงๆๆๆ กัน เห็นจะเป็น “อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน” หรือตึก สตง.แห่งใหม่ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างบนพื้นที่จตุจักร กรุงเทพฯ “พังถล่ม” ลงมา

ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายสิบราย ขณะที่ยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมากที่ยังติดอยู่ภายใต้ซากอาคารถล่ม

ซึ่งถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปีสำหรับประเทศไทย

 

ผลกระทบในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เองก็มีหลายด้าน โดยสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) รายงานว่า เบื้องต้นมีโรงเรียนและหน่วยงานการศึกษาทั่วประเทศ ได้รับความเสียหาย 3,306 แห่ง

แบ่งเป็น ได้รับความเสียหายเล็กน้อย 2,900 แห่ง เสียหายปานกลาง 348 แห่ง และเสียหายหนัก 58 แห่ง

ในกลุ่มเสียหายหนักนั้น ลักษณะอาคารน่ากังวล และไม่ปลอดภัย แต่ไม่ถึงขั้นโครงสร้างอาคารพัง หรือทรุด

ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้น ยังประเมินไม่ได้ เพราะต้องรอผู้เชี่ยวชาญพิจารณาความเสียหาย และซ่อมแซม ก่อนประเมินมูลค่าความเสียหายอีกครั้ง

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. ระบุว่า ผลกระทบกับแผ่นดินไหวครั้งนี้ คงไม่กระทบกับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2568 เพราะอาคารที่เสียหายส่วนใหญ่ เป็นอาคารเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว

“บิ๊กอุ้ม” พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ได้กำชับให้ทุกโรงเรียนสำรวจความชำรุดของอาคารเรียนในเบื้องต้นด้วยสายตา หากพบความผิดปกติแจ้งเข้ามาได้ที่ ศธ.ในกรณีที่น่ากังวล จะประสานไปทางกรมโยธาธิการ

เพื่อขอผู้เชี่ยวชาญให้เข้ามาช่วยเหลือในทุกจังหวัดที่ได้ผลกระทบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประสานของบประมาณ เพื่อมาใช้ซ่อมแซมโดยเร็วที่สุด

 

ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) บอกว่า สพฐ.ได้ทำงานติดตามข้อมูลเหตุแผ่นดินไหวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์ พร้อมอัพเดตการรายงานสภาพอาคารของโรงเรียนต่างๆ พบว่า โรงเรียนส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายไม่มาก เช่น เศษปูนเศษกระเบื้องแตก เป็นต้น โดยให้โรงเรียนปรับปรุง และตรวจสอบอาคารให้เรียบร้อย รวมถึงระบบไฟฟ้าของโรงเรียนด้วย

“รัฐมนตรีว่าการ ศธ.เป็นห่วง และย้ำว่าต้องยึดมาตรการความปลอดภัยของผู้เรียน หากพื้นที่ไหนยังไม่ปลอดภัย สพฐ.จะยังไม่ประกาศวันสอบคัดเลือกเข้าเรียนชั้น ม.1 และชั้น ม.4 ประจำปีการศึกษา 2568” ว่าที่ ร.ต.ธนุกล่าว

โดยข้อมูลผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม พบว่า โรงเรียนในสังกัด สพฐ.ทั่วประเทศได้รับความเสียหายทั้งหมด 2,465 แห่ง แบ่งเป็น กลุ่มเสียหายเล็กน้อย/ไม่เสียหาย จำนวน 2,110 แห่ง เสียหายปานกลาง จำนวน 307 แห่ง และเสียหายมาก จำนวน 48 แห่ง

ในส่วนโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายหนัก มีทั้งอาคารเกิดการทรุดตัว โครงสร้างอาคารมีการพังถล่ม อาคารเคลื่อนตัวออกจากฐานราก และพื้นผิวรอบเสามีรอยฉีกขาดอย่างรุนแรง ฯลฯ โดยจังหวัดที่มีโรงเรียนรายงานผลกระทบเข้ามามากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จ.เชียงใหม่ 190 แห่ง จ.ลำปาง 141 แห่ง กรุงเทพฯ 123 แห่ง จ.กาญจนบุรี 122 แห่ง และ จ.พิจิตร 119 แห่ง ตามลำดับ

ขณะนี้ได้เร่งให้สำรวจให้เสร็จ เพื่อประเมินสถานการณ์ และช่วยเหลือโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วต่อไป

 

ทั้งนี้ นอกจากแผ่นดินไหวจะกระทบกับโครงสร้างของอาคารเรียนของโรงเรียน และหน่วยงานการศึกษาต่างๆ แล้ว ผลกระทบอีกด้านหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือทำให้การสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนชั้น ม.1 และชั้น ม.4 ของโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในวันที่ 29-30 มีนาคมที่ผ่านมา ต้องถูกสั่ง “เลื่อน” ออกไปกะทันหัน เพื่อรอดูสถานการณ์ต่างๆ

เพื่อความ “ปลอดภัย” ของ “นักเรียน” เป็นสิ่งสำคัญที่สุด รวมถึงครู และบุคลากร

เลขาธิการ กพฐ.ระบุว่า ได้แจ้งไปยังผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ว่าจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ให้แจ้งโรงเรียนมัธยมที่จะสอบเรียนต่อในชั้น ม.1 และชั้น ม.4 ในวันที่ 29-30 มีนาคม เลื่อนการสอบทั้งหมดออกไปก่อน และให้โรงเรียนตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความมั่นคง ความแข็งแรง ความปลอดภัย ของอาคารเรียน โดยเฉพาะอาคารเรียนสูง จนกว่าคณะกรรมการแจ้งยืนยันความปลอดภัยจึงจะดำเนินการสอบใหม่อีกครั้ง

ทั้งนี้ ปฏิทินการสอบคัดเลือกเข้าชั้น ม.1 และชั้น ม.4 รอบใหม่ เดิมประเมินว่าอาจจะไม่ได้สอบพร้อมกันทุกโรงเรียน แต่จะประกาศให้นักเรียน และผู้ปกครองทราบไม่น้อยกว่า 7 วัน ซึ่งคาดว่าโรงเรียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จะเปิดสอบก่อนเป็นพื้นที่แรกๆ เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

ก่อนจะมาได้ข้อสรุปวันสอบคัดเลือกเข้าชั้น ม.1 และชั้น ม.4 ทั่วประเทศ ในวันที่ 5-6 เมษายน

แต่ถ้าโรงเรียนไหนไม่พร้อม ก็เลื่อนการสอบคัดเลือกออกไปก่อนได้ ทั้งหมดนี้ จะต้องยึดความปลอดภัยมากที่สุด

ซึ่งการสอบคัดเลือกในวันที่ 5-6 เมษายนที่ผ่านมา ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

 

ล่าสุด สพฐ.ร่วมปล่อยขบวนคาราวานวิศวกรและช่างอาสา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กว่า 20 คัน เข้าพื้นที่ตรวจสอบโครงสร้างอาคารของโรงเรียนภายใต้สังกัด สพฐ.ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว พร้อมกระจายทีมลงพื้นที่ตรวจสอบ 6 จังหวัด มีนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ.ในฐานะประธานมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา ร่วมเป็นประธาน

นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า จากการประเมินโรงเรียนทั่วประเทศเกือบ 3,000 โรง มีโรงเรียนกลุ่มที่สถานการณ์หนัก และปานกลาง 60 โรง โดยมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา ได้จัดทีมวิศวกร และช่างอาสากว่า 200 คน ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงสร้าง และประเมินความเสียหายอาคารเรียน ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม เพื่อฟื้นฟูอาคาร

โดยแบ่งระดับความเสียหายของอาคารเป็น 3 ระดับ คือ ระดับ 1 ไม่เสียหาย หรือเสียหายเล็กน้อย ระดับ 2 เสียหายปานกลางใช้งานอาคารได้บางส่วน หรือทั้งหมด และระดับ 3 เสียหายรุนแรง อาคารอาจพังถล่มได้

โดยใช้วิธีการตรวจสอบแบบพินิจทางกายภาพ (Visual Inspection) และเครื่องมือตรวจสอบที่น่าเชื่อถือ ร่วมกับการ Checklist ตามจุดต่างๆ ของอาคาร เช่น เสา คาน ผิวผนังทั้งภายใน-ภายนอก กระจก ลิฟต์ สายไฟฟ้าและระบบไฟฟ้า ฯลฯ

ทั้งนี้ การสำรวจความเสียหายของอาคารเรียนในโรงเรียนต่างๆ ที่ประสบภัยแผ่นดินไหว ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง โดยรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ยืนยันว่า ต้องการให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด โดยกิจกรรมต่างๆ ในช่วงนี้ของโรงเรียนให้งดไปก่อน จนกว่าจะมีความปลอดภัยของอาคารเรียนครบแบบ 100%

โดยย้ำทิ้งท้ายว่า หากโครงสร้างอาคารเรียนของโรงเรียนใดยังไม่ปลอดภัย จะยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น

เพราะต้องยึดความปลอดภัยของผู้เรียนเป็นสำคัญ!! •

 

| การศึกษา