ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 |
---|---|
เผยแพร่ |
เมนูข้อมูล | นายดาต้า
เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์
ถอยยังไง-ไปก็ยาก
ร้อนแรงขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ การรวมตัวต่อต้าน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ที่มี “กาสิโน” ศูนย์รวมของเหตุผลที่ทำให้เกิดการรวมตัวจัดตั้งกันออกมาโจมตี
ที่ไม่น่าเชื่อเพราะ “ธุรกิจบ่อนกาสิโน” ถูกปูพื้นทำความเข้าใจกับประชาชนมาระยะแล้ว โดยการแสดงให้รับรู้ถึงความเป็นธรรมดาของประเทศในโลกทุนนิยมเสรีที่จะต้องมี “ธุรกิจการพนัน” เข้ามาช่วยสร้างรายได้ให้รัฐ ประเทศมากมายในโลกไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มพัฒนาแล้ว กำลังพัฒนา หรือล้าหลัง มี “กาสิโน” เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเมืองที่ต้องการเร่งการพัฒนายิ่งจำเป็น
และเป็นที่รู้กันว่า “คนไทย” เป็นชนชาติหนึ่งที่เป็นลูกค้าสำคัญของ “บ่อนกาสิโน” นักพนันขาใหญ่จากไทยคือนักลงทุนธุรกิจบ่อนในประเทศเพื่อนบ้าน
ก่อนหน้านั้นเหมือนกับความรู้สึก นึก คิดของคนไทยเห็นเรื่อง “กาสิโน” เป็นความปกติไปแล้ว มีความคุ้นชินในระดับที่หากจะเปิดกิจการอย่างถูกกฎหมายในประเทศเสียงต่อต้าน แม้จะมีบ้างคงไม่รุนแรงอะไรนัก
แต่ปรากฏการณ์ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นแล้ว
“เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ที่ “พรรคประชาชน” ซึ่งเป็นฝ่ายค้านยังไม่เต็มปากเต็มเสียง เอาเป็นเอาตายในการโจมตี อาศัยแค่ประเด็นความเร่งร้อน และข้อสงสัยในผลประโยชน์ซ่อนเร้นมาติติงไปตามน้ำ จะมีก็แต่คน หรือกลุ่มที่เคลื่อนไหวการเมืองโดยมุ่งเน้นหาประเด็นไล่ล้างทำลายอำนาจของตระกูลชินวัตรซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นฐานเท่านั้นที่หยิบขึ้นมาเติมเชื้อโหมแรงไฟ ซึ่งเมื่อเริ่มแรกเชื่อว่าจะไม่ต่างจากเชื้อไฟอื่นที่ใช้ไม่นานจะมอดดับลง
ซึ่งคนที่กรำศึกทางการเมืองมาจนกร้านแกร่งอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” น่าจะมองด้วยสายตาที่สะท้อนให้เห็นความไม่กังวลอะไร เหมือนกับปฏิบัติการที่ออกมาในทางฝืนความรู้สึกมวลชนอื่น ซึ่งจะมี “ขุนพลระดับกุนซือ” ออกมาหาทางพลิกกระแสได้ไม่ยาก
ทว่า ครั้งนี้ดูจะไม่เป็นอย่างนั้น กลุ่มก้อนของมวลชนที่ออกมาต่อต้านขยายวงมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวแสดงที่เปิดหน้าออกมาชัดเจนว่าเป็นนักรบ หรือขุนพลน้อยใหญ่จากฐานอำนาจไหน ที่ทำให้ต้องเหลียวมองอย่างกะพริบตาไม่ได้คือความหนักหน่วงในท่าทีและถ้อยความที่เป็นประเด็นรุกไล่อันสะท้อนถึงความแหลมคม ด้วยเจตนาจู่โจมเข้าจุดตาย
ที่ไม่น่าเชื่อว่า “กาสิโน” ซึ่งปูพื้นความเข้าใจมาระยะหนึ่งแล้วว่ามีความจำเป็นต้องอนุญาตให้ใช้เป็นเครื่องมือสร้างรายได้ขึ้นมาเพื่อพัฒนาประเทศ จะถูกพลิกกลับด้วยคำถามมากมายเหมือนไม่เคยมีใครเข้าใจมาก่อนว่าอะไรเป็นอะไร
สะท้อนจากผลสำรวจ “นิด้าโพล” เรื่อง “คำถามคาใจ เรื่องสถานบันเทิงครบวงจร” คล้ายว่าประชาชนยังต้องการคำตอบมากมาย
ร้อยละ 32.60 จะทำให้บ้านเมืองเต็มไปด้วยอบายมุข และทำลายความมั่นคงของชาติ จริงหรือไม่
ร้อยละ 30.23 จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ได้จริงหรือไม่ และอย่างไร
ร้อยละ 28.09 รัฐบาลจะมีมาตรการอะไรในการป้องกันไม่ให้คนไทยติดการพนัน
ร้อยละ 24.89 รัฐบาลจะมีมาตรการอะไรในการป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งฟอกเงิน
ร้อยละ 24.66 รัฐบาลจะป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งกำเนิดของผู้มีอิทธิพลและคดีอาชญากรรมต่างๆ ได้อย่างไร
ร้อยละ 20.15 รัฐบาลมีมาตรการป้องกันผลกระทบทางสังคมที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ และอย่างไร
ร้อยละ 18.63 จะช่วยแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมายในประเทศ ได้จริงหรือไม่ และอย่างไร
ร้อยละ 18.55 จะช่วยดึงดูด เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ได้จริงหรือไม่ และอย่างไร
ร้อยละ 17.48 ประชาชนคนไทยจะได้อะไรจากนโยบายนี้
ร้อยละ 16.56 จะกลายเป็นแหล่งเงินทุนของนักการเมืองจริงหรือไม่
ร้อยละ 14.27 ไม่มีคำถามคาใจใดๆ
ร้อยละ 12.90 จะช่วยให้เกิดการจ้างงานคนไทยมากขึ้น ได้จริงหรือไม่ และอย่างไร
ร้อยละ 12.14 จะรับรองได้อย่างไรว่า การออกใบอนุญาตจะมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่มีการทุจริต คอร์รัปชั่น
ร้อยละ 11.98 ทำไมไม่จัดทำประชามติก่อนตัดสินใจดำเนินการ
ร้อยละ 10.15 รัฐบาลมีการทำการศึกษาความเป็นไปได้ของนโยบายแล้วหรือยัง
ร้อยละ 10.00 จะช่วยลดจำนวนคนไทย ไปเล่นการพนันในบ่อนต่างประเทศ ได้จริงหรือไม่และอย่างไร และถามประชาชนหรือยัง ว่าต้องการให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรพ่วงกาสิโนในเขตพื้นที่เขาหรือไม่ ในสัดส่วนที่เท่ากัน
ร้อยละ 9.39 จะเชื่อถือในความยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ของกรรมการนโยบาย ได้อย่างไร และสถานบันเทิงครบวงจรพ่วงกาสิโนจะตั้งที่ไหน ในสัดส่วนที่เท่ากัน
ร้อยละ 7.40 ทำไมจะต้องเร่งรัดนโยบายให้เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
ร้อยละ 5.73 ระบุว่า คนไทยต้องมีคุณสมบัติอย่างไรถึงจะเข้ากาสิโนได้
ร้อยละ 4.50 รัฐบาลจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสถานบันเทิงครบวงจรพ่วงกาสิโนจะไม่ขาดทุน
ร้อยละ 3.51 ถ้าจะมีสถานบันเทิงครบวงจรแบบที่ไม่มีกาสิโน เป็นไปได้หรือไม่
ร้อยละ 3.28 ค่าเข้ากาสิโนของคนไทยราคาเท่าไร ถูกไป หรือแพงไปหรือไม่
ร้อยละ 3.05 ระบุว่า มีข้อกำหนดเรื่องแบ่งรายได้ให้รัฐและชุมชนหรือไม่ นอกจากค่าสัมปทานใบอนุญาต
ร้อยละ 2.21 ระบุว่า ทำไมไม่เขียนรายละเอียดที่สำคัญทุกอย่างให้ชัดเจนใน พ.ร.บ.
ร้อยละ 2.14 ค่าสัมปทานใบอนุญาตที่รัฐจะได้นั้นคุ้มหรือไม่
และร้อยละ 1.60 ทำไมให้อำนาจกรรมการนโยบายกำหนดรายละเอียดที่สำคัญ
เรื่องที่เชื่อว่าประชาชนเข้าใจดีแล้ว กลับกลายเป็นมีแค่ร้อยละ 14.27 เท่านั้นที่บอกว่า “ไม่มีคำถามคาใจใดๆ” ที่เหลือเหมือนการปูพื้นให้ร่วมรับรู้ก่อนหน้านั้นไม่เคยเข้าหูเลย
และนี่เป็นความไม่น่าเชื่อ
แต่ที่สำคัญกว่านั้น จนต้องหาทางทบทวนหรือความเข้าใจกันใหม่หมดคือ “ขุนพล นักรบ และกลุ่มก้อนมวลชน” ที่ออกมาเอาเป็นเอาตายในความเคลื่อนไหวชัดเจนยิ่งว่าเป็นฐานจากผู้สนับสนุน “พรรคร่วมรัฐบาล” เป็นเครือข่ายที่ไล่ล้างพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ทำสงครามกับ “มวลชนคนเสื้อแดง”
เมื่อวันนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” นำ “เพื่อไทย” ทำงานการเมืองร่วมกับพรรคการเมืองที่มีมวลชนเหล่านี้เป็นฐาน มีขุนพลและนักรบเหล่านี้เป็นปากเป็นเสียงให้
ความไม่น่าเชื่ออย่างที่ว่า จึงชัดเจนว่าจะต้องประกอบด้วยคำถามที่ว่า “เกิดอะไรขึ้น” และ “พรรคร่วมรัฐบาลจะทำงานร่วมกันต่อไปได้อย่างไร”
นอกจาก “พรรคเพื่อไทย” พรรคอื่นที่เหลือ ไม่ว่า “ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ-ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา และอื่นๆ” จะปล่อยให้ “มวลชน” และ “ขุนพล” ทั้งหลายได้แต่ฝากความหวังไว้กับ “พรรคไทยภักดี” หรือ
ในแรงกดดันของ “มวลชน” ที่ทำให้พรรคร่วมลำบากใจ “เพื่อไทย” ที่เดินมาแรงระดับนั้น จะเหลือทางแบบไหนเอาไว้ถอย
แค่ระดม “นางแบก-นายหาม” โยนน้ำหนักการต่อต้านไปให้ฝ่ายค้านเหมือนที่เคยทำนั้น จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลกลับมามองหน้ากันได้เต็มตาอีกหรือ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022