เมษา พฤษภา 2553 ศูนย์ บัญชาการใหญ่ ร.11รอ. เป้าหมายใหม่ จาก ‘เอ็ม 79’

ยุทธการ แดงเดือด

 

เมษา พฤษภา 2553

ศูนย์ บัญชาการใหญ่ ร.11รอ.

เป้าหมายใหม่ จาก ‘เอ็ม 79’

 

จากมุมมองของ วาสนา นาน่วม ผู้เขียน “ลับ ลวง เลือด” ประวัติศาสตร์สีเลือดเชือด “แดง” ปฏิบัติการกระชับอำนาจด้วย “กระสุนจริง” อันสำนักพิมพ์มติชนพิมพ์เผยแพร่เมื่อเดือนกันยายน 2553

ย้อนกล่าวถึง “ประสบการณ์” เมื่อเดือนเมษายน 2552 ว่า

รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยต้องยกทีมหนีม็อบเสื้อแดงเข้าไปซุกในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) อันเป็นค่ายทหารที่ทำคลอดรัฐบาลนี้ที่ผู้นำทหารล็อบบี้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2551

ทั้งกินทั้งนอนอยู่ในค่ายทหารโดยไม่ใส่ใจเลยว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์รัฐบาลที่มีทหารอุ้ม เป็นเสมือน “รัฐบาลหอย” แต่อย่างใด แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นถึง “นักเรียนอก” ที่ใครๆ คาดว่าจะเป็นนักการเมืองประเภทประชาธิปไตยจ๋า

แต่ก็ผิดคาด

แต่เพราะเคยเกิดเหตุพลทหารล้มในห้องน้ำเสียชีวิตในบ้านพักทหารหลังที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปนอนพักพอดี ท่ามกลางข่าวลือว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เพราะแอบไปได้ยินความลับสำคัญที่กำลังหารือในวงการ “บิ๊กทหาร” กับ “รัฐบาล” ในจังหวะที่เปิดประตูเข้าไปเสิร์ฟน้ำพอดี

ทำให้การสู้ศึกแดงเดือด พ.ศ.2553 เปลี่ยนค่ายไปอยู่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ย่านบางบัว บางเขน แทน

ถามว่าอะไรคือปัจจัยทำให้เลือก ร.11 รอ.

 

คําตอบ 1 จาก วาสนา นาน่วม “ด้วยเพราะใหญ่โตกว้างขวางกว่าหลายเท่า และมีการแบ่งโซนพื้นที่ ง่ายต่อการรักษาความปลอดภัย”

คำตอบ 1 ที่สำคัญ

“เมื่อวัดระยะจากถนนพหลโยธินด้านหน้าหน่วยเข้าไปยังกองบังคับการกรมอันเป็นสถานที่ประชุมร่วมของรัฐบาลและกองทัพในนาม ‘ศอ.รส.’ แล้ว อุ่นใจว่าน่าจะปลอดภัยจากเอ็ม 79 ที่ระยะหวังผล 400 เมตร”

คำตอบ 1 ยังเป็นเหตุผลทั้งทางการเมืองและการทหาร

นอกเหนือจากการที่ ร.11 รอ. อยู่เขตรอบนอกกรุงเทพมหานคร ห่างไกลจากพื้นที่การชุมนุมของคนเสื้อแดงแล้ว ยังเพราะมีทางหนีทีไล่มากมาย

มีประตูเข้า-ออก 5 ประตูสู่หลายถนนเส้นหลัก

“ต่อให้ม็อบแดงมาปิดที่หน้ากรมก็สามารถทะลุออกหลัง ทั้งประตูที่ติดกับสนามกอล์ฟ ทบ. รามอินทรา หรือออกทาง ช.พัน 1 รอ. สู่เส้นทางลาดปลาเค้า” วาสนา นาน่วม ยืนยัน

“หรือแม้แต่การหนีทางอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพราะเป็นกองการบินขนส่งของ พล.1 รอ.”

ถามว่าแล้ว ร.11 รอ.รอดพ้นจากเงื้อมมือของเอ็ม 79 หรือไม่

 

เช้ามืดของวันที่ 28 มีนาคม 2553 ได้เกิดเหตุยิงเอ็ม 79 จำนวน 3 ลูกเข้าไปยังด้านหน้าของ ร.11 รอ. เยื้องมาทางขวาแถวกองพันทหารราบที่ 1 (ร.11 พัน 1 รอ.) กระสุนตกลงที่สนามหญ้าและที่รถยีเอ็มซี

ซึ่งทหารปืนใหญ่จากพิษณุโลก ผูกเปลนอนอยู่ ได้รับบาดเจ็บ 4 คน

ก่อนหน้านั้น 1 วัน คืนวันที่ 27 มีนาคม ก็เกิดเหตุยิงเอ็ม 79 ราว 2 ลูกเข้าไปยังด้านหลัง ร.11 รอ.

ทหารที่อยู่ในหน่วยได้ยินเสียงกันหมด แต่เมื่อหน่วยลาดตระเวนระยะไกลของ พล.1 รอ.ซึ่งประจำอยู่ใน ร.11 รอ.ไปตรวจสอบก็ไม่พบ อาจเป็นเพราะเป็นการตรวจสอบในตอนกลางคืน แต่เมื่อค้นในช่วงเช้าก็ไม่พบ เนื่องจากเป็นพื้นที่รกร้าง

ถือว่าเป็นการยิงเตือน หรือสะท้อนว่าผู้ก่อเหตุพยายามยิงเพื่อวัดระยะ

กระนั้น การจะยิงจากด้านหน้าหรือข้างหน่วย ยากเป็นอย่างยิ่งเพราะได้มีการวางกำลังทหารไว้อย่างหนาแน่นอยู่โดยรอบ รวมทั้งในชุมชนและตึกสูง

มีพลซุ่มยิงหรือพลสไนเปอร์ของ ร.11 รอ.เองขึ้นไปประจำจุด

 

ในความเห็นของ วาสนา นาน่วม เหตุผลสำคัญที่ทำให้ ร.11 รอ.ถูกเลือกก็เพราะงานนี้ “บิ๊กหนุ่ย” พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก ซึ่งรับมอบดาบอาญาสิทธิ์

จากทั้ง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ในการวางแผนและบัญชาการนั้น

เคยเป็น ผบ.ร.11 รอ.

และเป็น “ลูกหม้อ” มานาน จึงคุ้นเคยแบบหลับตาเดินถูกและรู้จักทุกตารางนิ้วเพื่อจะได้วางแผนต่างๆ ได้ดี

อีกทั้งใน ร.11 รอ.ที่กว้างขวาง มีบ้านพักรับรองหลายหลัง

ทั้งบ้านพักของหน่วยและของกองทัพบกซึ่งเคยเป็นบ้านพักของอดีตบิ๊กๆ กองทัพบก และมีบ้านรับรองสำหรับ “5 เสือกองทัพบก” ที่สร้างใหม่อีก 3 หลังพร้อมในการรองรับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีและผู้นำทหารที่ต้องใช้ชีวิตในค่ายแห่งนี้เพื่อความปลอดภัย

โดยไม่สนใจว่าภาพลักษณ์ “ทหารอุ้ม” นั้นจะยิ่งถูกต้องย้ำความเป็น “รัฐบาลหอย”

 

ที่สำคัญยังเพราะมี “ผู้การแดง” พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รอ. ซึ่งมีความใกล้ชิดสนิทสนมและเป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชาในกองทัพบก

และมี “จุดยืน” ชัดเจนในการต่อต้าน “ระบอบทักษิณ”

แม้ว่าสถานที่ยังไม่พร้อมสรรพในการเป็นหน่วยระดับชาติเช่นนี้ก็ตาม แต่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ ผอ.ศอ.รส. ก็เนรมิตให้ได้ทุกอย่างด้วยการควักกระเป๋าหลายล้านบาท

ให้ พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ไปปรับปรุงและเพิ่มเติมสิ่งที่จำเป็น โดยเฉพาะระบบรักษาความปลอดภัย

เพราะบรรดาวีไอพีมาใช้บริการอยู่นานกว่า 2 เดือนก็ถือว่าคุ้ม

แม้จะเป็นเกียรติที่ผู้บังคับบัญชาเลือก ร.11 รอ.เป็นกองบัญชาการ แต่ก็ถือว่าเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ของ พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เพราะในระยะหลังยังต้องใช้เป็นสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพราะปลอดภัยกว่า

เนื่องจากที่ประชุม ครม.ที่กระทรวงสาธารณสุขถูกยิงเอ็ม 79 ไล่หลัง

แต่ใน ร.11 รอ.ก็ไม่มีสถานที่ใหญ่โตพอจึงจำต้องใช้อาคารศาสนสถานที่ทำให้การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งประวัติศาสตร์ที่ต้องประชุมต่อหน้าพระประธานองค์มหึมา แต่เพื่อไม่ให้คณะรัฐมนตรีอิหลักอิเหลื่อ

เลยต้องหาผ้าม่านมาปิดกั้นฉากระหว่างโต๊ะประชุมกับพระประธาน กล่าวสำหรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อรำลึกถึงภาพและเหตุการณ์ในการเข้าไปบัญชาการอยู่ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ก็ยอมรับผ่านหนังสือ “ความจริงวันนี้” ออกมาว่า

“ผมไม่รู้จริงๆ ว่าต้องเข้าไปนานเท่าไหร่ ไม่มีใครบอกได้ เหมือนเราไปดูสถานการณ์ก่อน”

กระนั้น เมื่อหวนรำลึกภาพจำก็เรียงกันมาเป็นลำดับ

“สิ่งแรกที่ผมจำได้ คือ ผมเอายาสีฟันที่เขาให้ในเครื่องบินไปใช้ ตอนแรกก็มีติดตัวไปแค่นั้นเอง ไม่ได้คิดว่าจะต้องอยู่ยาวนาน เสื้อผ้าของใช้ค่อยตามเข้าไปเพิ่มอีกรอบ ตอนหลังปรากฏว่า

ยาสีฟันหลอดใหญ่หมดไปหลายหลอดเลยมั้งครับ”

เมื่อทางแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ระดมพลเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพมหานครครั้งใหญ่ในวันที่ 12 มีนาคม 2553

“11 มีนาคม เราเตรียมรับสถานการณ์ เริ่มจากโครงสร้าง ศอ.รส.ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง มีการประเมินสถานการณ์ต่างๆ และมีการเตือนผมว่ามีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง

ไม่ใช่ในแง่ปริมาณคน แต่ในแง่ความเคลื่อนไหว ระดับความรุนแรง การแทรกซ้อนมีข่าวเรื่องระเบิด อาวุธสงคราม

และมีเรื่องของ เสธ.แดง ซึ่งเวลาให้ข่าวก็ชี้ชัดว่ามีคนที่มีกองกำลัง”