ภาพ ก.ศ.ร.กุหลาบ ผ่าน ชัยอนันต์ สมุทวณิช โดย เกร็ก เรย์โนลด์

บทความพิเศษ

 

ภาพ ก.ศ.ร.กุหลาบ

ผ่าน ชัยอนันต์ สมุทวณิช

โดย เกร็ก เรย์โนลด์

 

ชีวิตและงาน ก.ศ.ร.กุหลาบ ได้รับการศึกษาและวิเคราะห์อย่างละเอียดโดย Craig Reynolds แห่งมหาวิทยาลัย Syfney ซึ่งเขียนบทความชื่อ The Case of K.S.R. Kulap: A Challenge to Royal Historical Writing in the Late Nineteenth Thailand

ลงพิมพ์ในวารสารของ “สยามสมาคม” (Journal of Siam Society ฉบับประจำเดือนกรกฎาคม 1973)

งานของเรย์โนลด์เป็นการศึกษาการเขียนประวัติศาสตร์ของ ก.ศ.ร.กุหลาบมากกว่าการศึกษาความคิด

แม้ว่า ก.ศ.ร.จะมิใช่นักคิดที่มีผลงานทางการวิจารณ์สังคม เศรษฐกิจและการเมืองมากเท่าเทียนวรรณ แต่ความคิดบางอย่างของเขาที่ปรากฏใน “สยามประเภท” แสดงให้เห็นว่า

ก.ศ.ร.กุหลาบ เป็นคน “หัวสมัยใหม่” ผู้หนึ่งซึ่งอาศัยหนังสือพิมพ์ของเขาเป็นเครื่องมือในการเสนอความคิดใหม่ๆ ต่อสาธารณชน

ในทางที่เป็นการต่อต้านความเชื่อแบบดั้งเดิม

 

เกิดตระกูล ไพร่ต่ำต้อย

โง่ และ เบาความคิด

ก.ศ.ร.กุหลาบ ต่างกับ เทียนวรรณ ซึ่งได้เขียนประวัติของตนอย่างละเอียดไว้ในที่ต่างๆ ก.ศ.ร.กุหลาบ ไม่ค่อยสนใจที่จะบอกเล่าประวัติของตนเองมากนัก แต่ค่าที่ตัวเขาเองได้ตั้งตนเป็นผู้ชำนาญเกี่ยวกับวงศ์ตระกูลของผู้อื่น

โดยสามารถไล่เรียงลำดับวงศ์ของขุนนาง ของพระมหากษัตริย์ได้อย่างละเอียด จึงมีผู้เขียนจดหมายมาถามเขาอยู่เสมอถึงประวัติของตัวเขาเอง

ก.ศ.ร.กุหลาบ ตอบว่า

ที่ไม่เล่าประวัติของตนนั้นก็เพราะประวัติของเขาไม่ประหลาดอะไรจึงไม่ต้องการแสดงให้มหาชนทราบเพราะไม่เป็นประโยชน์สำหรับคนทั่วไป และกล่าวต่อไปว่าตัวเขานั้นเป็นคนเลวทราม

และเป็นคนเกิดในตระกูลไพร่ต่ำต้อย เป็นคนโง่และเบาความคิด ไม่มีจิตใจและความประพฤติในทางประจบประแจงผู้มีวาสนาบรรดาศักดิ์เพราะเจียมตัวว่าเป็นไพร่

จะประจบก็เฉพาะบุคคลเพียง 2 คนซึ่งเขาไม่ได้เอ่ยนาม แต่บอกไว้ว่าเป็น “พระองค์เจ้าหญิงชะราพระองค์ 1” กับ “ท่านเจ้าพระยาชะราบ้านอยู่ด้านเหนือกำแพงพระนครคน 1” เท่านั้น

ก.ศ.ร.กุหลาบ เคารพนับถือบุคคลทั้งสองนี้มากถึงกับกล่าวว่า ถ้าคนทั้งสองนี้ต้องการ “หนังศีรษะและเลือดเนื้อของเขาแล้ว” เขาก็ “เกือบจะให้ได้โดยแท้จริง”

เพราะเหตุที่ได้รับความกรุณาจากบุคคลทั้งสองท่านนี้มาก

 

ก.ศ.ร. มาจาก เกศะโร

รับอิทธิพล จาก “ฝรั่ง”

ในชั้นนี้เรารู้ว่า ก.ศ.ร.กุหลาบ เคยบวชเรียนตั้งแต่เป็นเณรจนเป็นพระภิกษุ และเป็นศิษย์ของกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส

ก.ศ.ร.มาจากฉายานามเมื่อนายกุหลาบบวชเป็นสามเณร

โดยมีกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสทรงเป็นพระอุปัชฌาย์และได้ประทานฉายานามให้ว่า “เกศะโร”

ก.ศ.ร.กุหลาบ ได้อธิบายไว้ว่า

“จนเมื่อข้าพเจ้าบวชเป็นภิกษุสงฆ์ก็ได้รับไฉยาว่า ‘เกศะโรภิกขุ’ เหตุนี้จึงมีฉายานามว่า (เก)

เกนี้เพราะข้าพเจ้าเกิดวันจันทร์เสด็จอุปัชฌาย์จึงประทานไฉยาตามข้าพเจ้าตามอักษรวรรค (กะ) ใช้ตามนามในพระบาลีว่า ‘เกศะโร’

ข้าพเจ้าเห็นว่าไฉยานามตามที่อุปัชฌาย์ประทานนั้นเป็นมงคลข้าพเจ้าจึงได้นำอักษรไฉยามานำหน้าชื่อของข้าพเจ้า ดังนี้ ‘ก.ศ.ร.กุหลาบ’ (ก. คือ เก) แล (ศ. คือ ศะ) แล (ร. คือ โร)”

ก.ศ.ร.กุหลาบ เช่นเดียวกับ เทียนวรรณ ได้นำเอาฉายาที่ได้รับเมื่อบวชมาใช้เป็นอักษรย่อนำหน้าชื่อแบบฝรั่งแสดงถึงการรับอิทธิพลจากฝรั่งอย่างชัดเจน

 

พระองค์เจ้า กินรี

สังฆราช ปัลเลอกัวซ์

นายเรย์โนลด์เขียนว่า ก.ศ.ร.กุหลาบ เกิดในปี ค.ศ.1834 (พ.ศ.2377) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้นตระกูลทางมารดาเป็นขุนนางสมัยอยุธยา มีบรรดาศักดิ์เป็นพระ รับราชการในจังหวัดนครราชสีมา

ส่วน น.อ.สวัสดิ์ จันทนี มีความเห็นผ่าน “นิทานชาวไร่” ว่า ก.ศ.ร.กุหลาบ อาจมีเชื้อญวน

อาจเพราะ ก.ศ.ร.กุหลาบ เขียนเรื่อง “อานามสยามยุทธ” ไว้ก็เป็นได้

นายกุหลาบอ้างว่า พระองค์เจ้าหญิงกินรี พระราชธิดาในรัชกาลที่ 3 ทรงเป็นพระอาจารย์สอนหนังสือให้ตั้งแต่เล็ก

เมื่ออายุได้ 13 ปีศึกษากับ พระราชมุนี วัดพระเชตุพน

พออายุ 14 เรียนหนังสือ “จินดามณี” และศึกษาพุทธศาสนาจาก กรมพระปรมานุชิตชิโนรส

นายกุหลาบสึกจากเณรและเข้ารับราชการในกรมมหาดเล็กรักษาพระองค์

ใช้เวลาว่างเรียนภาษาละติน ฝรั่งเศส และอังกฤษจากสังฆราชปัลเลอกัวซ์

เมื่ออายุได้ 26 ปี นายกุหลาบบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดพระเชตุพน ในระหว่างนี้ได้เรียนภาษาสันสกฤต การแต่งโคลงฉันท์กาพย์กลอน และศึกษากฎหมายเก่าตลอดจนระเบียบราชการกับพระยาศรีสุนทรโวหาร

นายกุหลาบสึกเมื่อประมาณ พ.ศ.2403 และใช้ชีวิต 15 ปี

 

ท่องไป ในโลกกว้าง

เมืองจีน ถึง ยุโรป

หลังจากนั้น ในการทำงานเป็นเสมียนกับบริษัทอังกฤษ อเมริกัน และเยอรมัน ซึ่งเป็นบริษัทโรงสีข้าว

ระหว่างที่ทำงานกับฝรั่งอยู่นี้ทางบริษัทส่งไปกับเรือค้าขาย

ที่สิงคโปร์ ปีนัง สุมาตรา มะนิลา ปัตตาเวีย มาเก๊า ฮ่องกง กัลกัตตา ยุโรป และเมืองจีน โดยผ่านไซ่ง่อนและญี่ปุ่น

ในรัชกาลที่ 5 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานของชำร่วยแจกในงานพระบรมศพ พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ก.ศ.ร.กุหลาบได้เป็นล่ามไปกับผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ไปจัดหาซื้อของชำร่วยเหล่านี้ที่ยุโรป

ในสมัยรัชกาลที่ 5 นี้ ก.ศ.ร.กุหลาบ อ้างว่าได้รับราชการในกรมตำรวจน้ำอยู่กับ เจ้าพระยายมราช

ตั้งแต่ปี พ.ศ.2427-2434 รวมเวลา 7 ปี

ทางด้านครอบครัว เกร็ก เรย์โนลด์ เขียนไว้ว่า ก.ศ.ร.กุหลาบมีภรรยาถึง 12 คน มีบุตรรวม 18 คน

เป็นบุตรชาย 1 คน นอกจากนั้นเป็นบุตรหญิง บุตรชายผู้นี้ได้ช่วย ก.ศ.ร.กุหลาบในการทำหนังสือ “สยามประเภท” ซึ่งในหนังสือมีรูปถ่าย ก.ศ.ร.กุหลาบ กับบุตรชายชื่อ “นาย ก.ห.”

ส่วนบุตรสาวที่ชื่อ “สายสร้อย” นั้นทำหน้าที่ทางด้านบัญชีและการจัดหนังสือพิมพ์

 

จับตา สยามประเภท

จับตา หนังสือต้องห้าม

การปรากฏขึ้นของ “สยามประเภท” เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2440 เมื่อ นายตำรา ณ เมืองใต้ นำมาเขียนถึงในหนังสือ “ปริทรรศน์วรรณคดีไทย” เมื่อปี 2490 ในอีก 50 ปีต่อมา ก็ขึ้นประโยคนำว่า

“หนังสือต้องห้าม”

หนังสือนี้หอสมุดสำหรับพระนคร (หอสมุดแห่งชาติ) ได้รวมไว้ตู้หนึ่งต่างหากและไว้ในห้องอื่นไม่รวมกับหนังสือที่เปิดให้สาธารณชนยืมอ่าน เป็นหนังสือที่ไม่พึงอ่าน

ขณะนี้ (เมื่อปี พ.ศ.2490) นายตำรา ณ เมืองใต้ ระบุว่า ตู้นั้นไม่อยู่แล้ว ไม่ทราบว่าโยกย้ายไปไว้ที่ใด

ขณะเดียวกัน ก็ยืนยันว่า “หนังสือนี้เป็นหนังสือที่น่าอ่าน ก.ศ.ร.กุหลาบ ผู้เป็นเอดิเตอร์ แต่งคนเดียวทำคนเดียว นับเป็นหนังสือที่เก่งกล้า ไม่รวมหัวกับใคร นอกจากจะตอบปัญหาทุกชนิดที่มีผู้ถามมา

ยังมีเรื่องเกี่ยวกับการขอดค่อนสังคมและความคิดเห็นอย่างองอาจของเอดิเตอร์อีกด้วย”

นั่นก็คือ ของ ก.ศ.ร.กุหลาบ