ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | คุยกับทูต |
เผยแพร่ |
คุยกับทูต | ฟัยยาซ มูรชิด กาซี
ครบรอบ 54 ปีวันเอกราชและวันชาติบังกลาเทศ
ก้าวเข้าสู่ยุคปฏิรูป (3)
มรดกทางวัฒนธรรมของบังกลาเทศ
บังกลาเทศได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดู พุทธ อิสลาม เชน และศาสนาคริสต์ แต่ที่มีอิทธิพลต่อประเทศมากที่สุดคือศาสนาอิสลาม รวมทั้งการผสมผสานจากชาติพันธุ์ และประเพณีต่างๆ เข้าด้วยกัน สะท้อนออกมาในรูปของศิลปะ สถาปัตยกรรม วรรณกรรม นิทานพื้นบ้าน ดนตรี และการเต้นรำพื้นบ้านมากมาย
“สำหรับผม สิ่งที่โดดเด่นที่สุด คือธรรมชาติของการผสมผสานทางวัฒนธรรมของเราซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดองค์ประกอบที่ดีที่สุดบางอย่างของศาสนาและประเพณีที่แตกต่างกัน เกิดคุณค่าของความหลากหลาย”
นายฟัยยาซ มูรชิด กาซี (H.E. Mr. Faiyaz Murshid Kazi) เอกอัครราชทูตบังกลาเทศประจำราชอาณาจักรไทย เล่าถึงการแสดงออกทางวัฒนธรรม
“ได้รับการพิสูจน์แล้วตามกาลเวลา ส่วนใหญ่ได้รับแรงบันดาลใจจากดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำในภูมิภาคอ่าวเบงกอล เอเชียใต้ และวิถีชีวิตชนบท ความผูกพันในชุมชน ความผูกพันทางศาสนา และมรดกทางภาษาของเรา”


มุมมองต่อวัฒนธรรมและสังคมไทย
“ผมตระหนักและชื่นชมในความหลากหลายของวัฒนธรรมไทย แต่ที่สนใจมากที่สุดคือ คนไทยมีความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ประจำชาติและวัฒนธรรมของตนอย่างแรงกล้า โดยไม่เคยตกเป็นอาณานิคม มีชื่อเสียงในเรื่องของการต้อนรับที่อบอุ่นและเป็นมิตรต่อชาวต่างชาติมาก
ในช่วง 6 เดือนที่มาอยู่ในประเทศไทย ผมได้เข้าร่วมในงานพระราชพิธีและรัฐพิธี โดยเฉพาะโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา
ส่วนในยามว่าง ผมมักไปสํารวจอัญมณีที่ซ่อนอยู่ในย่านต่างๆ ของกรุงเทพฯ และอิ่มอร่อยกับอาหารไทยรสเลิศ

ผมยังได้พบอีกว่า ชาวบังกลาเทศและไทย มีลักษณะสามประการที่คล้ายคลึงกันและที่มีเสน่ห์มากที่สุดนั่นคือ การเคารพผู้อาวุโส มีวัฒนธรรมการปรุงอาหารที่เคารพวัตถุดิบและรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการต้อนรับชาวต่างชาติอย่างจริงใจ
ในขณะเดียวกัน ความอดทน ความสง่างาม และความสุภาพที่ทำให้คนไทยน่ารัก อย่างเป็นเอกลักษณ์ ถึงแม้ว่าสภาพดินฟ้าอากาศของเราจะคล้ายกัน แต่ผมก็มักจะแปลกใจว่า ทำไมคนไทยและคนบังกลาเทศถึงมีอุปนิสัยที่แตกต่างกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องอดทนอดกลั้นและเข้าใจผู้อื่น บอกได้เลยว่า ผมกำลังพยายามเรียนรู้จากคุณสมบัติที่สำคัญของคนไทยดังกล่าว ทั้งนี้ ก็เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องในธรรมชาติและบุคลิกของผมเอง”



ชาวบังกลาเทศในประเทศไทย
“ตัวเลขอย่างเป็นทางการของชาวบังกลาเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยยังคงยากที่จะระบุได้ แต่ผมคิดว่าน่าจะมีพลเมืองของเราอาศัยอยู่ในประเทศไทยประมาณ 7,000-8,000 คน
ส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง เป็นนักศึกษา ครู ผู้เชี่ยวชาญ หรือคู่สมรส
มีหลายคนทำงานในโรงพยาบาลเอกชนที่ให้บริการการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ซึ่งเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทั้งปี
ผมรู้สึกยินดีเมื่อเห็นวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีหลายคนมาทำงานในประเทศไทย เป็นผลจากมาตรการผ่อนปรนในการยอมรับคุณสมบัติซึ่งกันและกัน
ชาวบังกลาเทศเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นผู้สร้างสะพานเชื่อมระหว่างประชาชน และมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
ทั้งยังได้ถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญและข้อมูลเชิงลึกจากประเทศไทยเพื่อการพัฒนาเฉพาะภาคส่วนในบังกลาเทศ
สถานทูตรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในความพยายามทางการทูตสาธารณะ”


การส่งเสริมบังกลาเทศในประเทศไทย
“เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่มักมีข้อมูลหรือความประทับใจเกี่ยวกับบังกลาเทศที่แท้จริงอย่างจำกัด ผมจึงอยากจะสนับสนุนให้ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับความผูกพันและความหลากหลายทางวัฒนธรรมของเราซึ่งมีรากฐานมาจากมรดกทางพุทธศาสนา มรดกวัฒนธรรมทางภาษาสันสกฤต แนวทางปฏิบัติของศาสนาอิสลาม และประเพณีของกลุ่มชาติพันธุ์
เรายินดีที่ได้เห็นศูนย์ยูนุส (Yunus Centres) หลายแห่งดำเนินการในสถาบันการศึกษาระดับสูงในประเทศไทย เพื่อเผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับการเงินรายย่อย ธุรกิจเพื่อสังคม และหลักการสามศูนย์ (The three-zero principles) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้นำรัฐบาลเฉพาะกาลบังกลาเทศคนปัจจุบัน ศาสตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนุส (Muhammad Yunus) นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ
เมืองหลวงของเราคือธากา (Dhaka) อยู่ห่างกรุงเทพฯ เพียงสองชั่วโมงครึ่งโดยเครื่องบิน เราจึงต้องทำงานต่อไป เพื่อแนะนำคนไทยให้รู้จักกับความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลงไปและความน่าสนใจของบังกลาเทศให้มากขึ้น”


ความสัมพันธ์ระหว่างบังกลาเทศและไทยในอนาคต
“ผมตั้งความคาดหวังไว้สูงมาก แต่ในฐานะนักอุดมคติที่ยึดหลักปฏิบัติจริง ผมจึงอยากเห็นการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของเราทั้งสองประเทศเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นต่อไปจากพลังของความคิดสร้างสรรค์กับวิสัยทัศน์
มีการบูรณาการด้านเศรษฐกิจที่มากขึ้นผ่านการค้า การลงทุน การเชื่อมต่อ และการท่องเที่ยวซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน
และประชาชนของเราทั้งสองประเทศได้ตระหนักว่า เรามีความคล้ายคลึงกันทางด้านวัฒนธรรม มากกว่าความห่างไกลของระยะทางระหว่างกัน
บังกลาเทศและไทยมีเพื่อนบ้านร่วมกันคือเมียนมา จึงมีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกันในทรัพยากรทางทะเลของอ่าวเบงกอล ต่างมีความมุ่งหวังที่จะให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพที่ยั่งยืนในภูมิภาคนี้ เพื่อเราจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นผ่านการเชื่อมต่อทางกายภาพและดิจิทัลที่ราบรื่น
นอกจากนี้ เรายังรอคอยด้วยความหวังว่าประชาชนของทั้งสองประเทศจะสามารถเดินทางเข้าประเทศของกันและกันทางบกโดยไม่ต้องมีวีซ่า ซื้อขายสินค้าและบริการโดยปราศจากภาษีศุลกากร และร่วมมือกันขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย รวมถึงความเป็นไปได้อื่นๆ อีกมากมาย”
บังกลาเทศซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความยากจนมากในช่วงแรก มาวันนี้ปัญหาความยากจนเบาบางลงแล้ว จากการเติบโตของ GDP ที่มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการปฏิรูปที่ก้าวหน้า ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ และการเน้นย้ำด้านเทคโนโลยี
ปัจจัยเหล่านี้ร่วมกัน ทำให้บังกลาเทศกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่มีศักยภาพในภูมิภาค อีกทั้งเป็นหนึ่งในแหล่งลงทุนระยะยาวที่น่าดึงดูดใจมากที่สุดในโลกอีกด้วย
ดังนั้น บังกลาเทศ ก็คือ “เสือแห่งเอเชียตัวต่อไป” •
รายงานพิเศษ | ชนัดดา ชินะโยธิน
Chanadda Jinayodhin
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022