เจาะรถธง ‘Mercedes-AMG’ 3 รุ่นแรง เก๋ง ‘SL 55 – GT 63’ – เอสยูวี ‘G 63’

สันติ จิรพรพนิต

ในงานมอเตอร์โชว์ที่เพิ่งปิดฉากไป ค่ายดาวสามแฉก “เมอร์เซเดส-เบนซ์” มีรถหลากหลายรุ่นมาอวดโฉม

ในจำนวนนั้นเป็นสมาชิกใหม่ กลุ่มตระกูล “Mercedes-AMG”

“Mercedes-AMG” เป็นรถตัวแรงและแต่งมาเต็มสูบ

เรียกว่าซื้อไปลงถนนขับได้ทันที ไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่มเติมแล้ว

งานนี้ส่งมา 3 รุ่นสุดจี๊ด

แบ่งเป็นเก๋งสปอร์ต 2 รุ่นคือ

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ และ Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

ส่วนอีกหนึ่งเป็นเอสยูวีสุดหล่อ คันเบ้อเริ่มเทิ่ม Mercedes-AMG G 63

จุดเด่นคือใส่ขุมพลังอย่างโหดในทุกรุ่น

ไปทำความรู้จักกันว่ารถแต่ละรุ่นมีดีอะไรบ้าง

เริ่มกันที่พี่ใหญ่ “Mercedes-AMG G 63”

ดีไซน์ภายนอกทรงกล่องขนาดใหญ่ ตกแต่งรอบคันแบบ AMG bodystyling

กระจังหน้าแบบ AMG Specific Grille กันชนหน้าแบบ AMG-specific front bumper เพิ่มความสปอร์ตดุดัน ทั้งยังช่วยในด้านแอโรไดนามิกและการระบายอากาศ

ไฟหน้าทรงกลมคลาสสิค MULTIBEAM LED

ใส่ Spoiler ไว้ด้านบนช่วยลดเสียงภายในห้องโดยสารลงได้มากถึง 20%

หลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสาร

ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่

ระบบท่อไอเสียคู่ AMG Performance Exhaust System

เป็นครั้งแรกของ G-Class ที่มาพร้อมปุ่มเปิด-ปิดประตูทั้งหมดเป็นแบบ KEYLESS-GO

เพียงแตะไปจับประตูก็สามารถล็อกหรือปลดล็อกได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ

ห้องโดยสารมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel หุ้มหนัง Nappa ตัดสลับ DINAMICA microfibre

หน้าจอขนาดใหญ่เชื่อมต่อกัน แบ่งเป็นแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ All-Digital Instrument Display ขนาด 12.3 นิ้ว

และระบบปฏิบัติการมัลติมีเดีย COMAND Online ขนาด 12.3 นิ้ว

ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester Surround Sound System

ระบบฟอกอากาศ Air Balance Cabin-Air Purification System

ขุมพลังเครื่องยนต์ V8 Bi-Turbo ขนาด 4.0 ลิตร ทำงานคู่กับละเกียร์แบบใหม่ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-SPEED SPORTS TRANSMISSION

กำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร

อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.5 วินาที

เสริมด้วยระบบ Mild Hybrid ช่วยเรื่องการออกตัวและอัตราเร่งที่จี๊ดใจมากขึ้น

ระบบรองรับแบบ Active Hydraulic ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเสถียรในการขับขี่ และลดอาการโคลงตัวของรถ

ปรับการขับขี่ได้ 2 รูปแบบ คือ Off-Road และ Sport

มี Differential Lock ซึ่งเป็นฟีเจอร์เอกลักษณ์ของ G-Class โดยระบบสามารถล็อกเฟืองท้ายได้ถึง 3 จุด

ระบบ AMG DYNAMIC SELECT เลือกโหมดขับขี่อย่างง่ายดาย ซึ่งจะปรับค่าการทำงานของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และพวงมาลัย ตามโหมดที่เลือก

ติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูง อาทิ Assistance Package

ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา

ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist) และระบบความปลอดภัยอื่นๆ

กล้อง 360 องศาช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นภาพด้านหน้ารถและใต้ท้องรถ ผ่านหน้าจอแสดงผล ปลอดภัยมากขึ้นเมื่อลุยทาง Off-Road

Mercedes-AMG G 63 ราคาเริ่มต้น 18,800,000 บาท

ต่อกันที่รถเก๋งสปอร์ต “Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+” 2 ประตูแบบเปิดประทุน

ขุมพลังอย่างโหดเช่นกัน ด้วยเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร Bi-Turbo กำลังสูงสุด 476 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร

ระบบส่งกำลังแบบ AMG SPEEDSHIFT MCT 9-Speed Sport Transmission สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที

ผสานการทำงานของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมระบบช่วยการออกตัวแบบ RACE START

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 295 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC+ แบบ all-wheel drive ซึ่งถูกปรับแต่งให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการขับขี่บนถนนปกติและในสนามแข่ง

ติดตั้งระบบช่วยเหลือการควบคุมการเลี้ยวด้วยล้อหลังแบบ AMG Rear-Axle Steering แบบอัตโนมัติเมื่อความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป

ช่วงล่างแบบ AMG RIDE CONTROL Sports Suspension

ปรับระบบการทำงานได้ 3 ระดับ คือ Comfort, Sport และ Sport+

มีระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบแบบ AMG Real Performance Sound ใช้เสียงสังเคราะห์ผสานการทำงานกับเสียงท่อ เพิ่มความเร้าใจมากขึ้น

ดีไซน์ภายนอกกระจังหน้า AMG-specific radiator grille

ไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT

ระบบไฟด้านข้างประตูแบบ AMG light display

หลังคาเปิดประทุนแบบ Fabric soft-top เปิด-ปิดในระยะเวลาเพียง 15 วินาที

ด้านท้ายติดตั้งสปอยเลอร์ระบบไฟฟ้า electrically extending rear wing

ล้ออัลลอย AMG ขนาด 19 นิ้ว

ห้องโดยสารมาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX7 หน้าจอขนาด 11.9 นิ้ว ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า 12-32 องศา ช่วยให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมป้องกันแสงสะท้อนจากการเปิดหลังคาที่มากระทบหน้าจอ

จอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว แบบ AMG-specific indicator

พวงมาลัยแบบ AMG Performance steering wheel หุ้มด้วยหนัง Nappa leather

ออปชั่นความปลอดภัยและตัวช่วยขับขี่ ขอข้ามไปละกัน เพราะให้มาครบถ้วน

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ ราคาเริ่มต้น 14,900,000 บาท

ปิดท้ายด้วย “Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+”

เป็นรถตระกูล GT เจเนอเรชั่นที่ 2 ของค่าย ตัวถังแบบ Wide Body มีความกว้างถึง 2 เมตร

กระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator grille

ไฟหน้า DIGITAL LIGHT

ภายในมาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX7 หน้าจอข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว แบบ AMG-specific indicators

พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel

จอกลางขนาด 11.9 นิ้ว ควบคุมด้วยระบบสัมผัส ปรับระดับได้ด้วยไฟฟ้า ไม่ต่างจากรุ่น “Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+”

เครื่องยนต์ถือว่าแรงสุดในทั้ง 3 รุ่น แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo

กำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.2 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ระบบส่งกำลัง AMG SPEEDSHIFT MCT 9-Speed Sport Transmission เปลี่ยนเกียร์ได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที

ระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC+ สามารถเข้าโค้งได้ปลอดภัยและรวดเร็วโดยไม่เสียการควบคุม

ระบบเบรกแบบ Sports Braking System และช่องระบายอากาศ

มีระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบแบบ AMG Real Performance Sound

ควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น Sporty, Discreet (BALANCED), Motorsporty และ Emotive (POWERFUL)

ตัวช่วยขับขี่และออปชั่นความปลอดภัยจัดเต็ม

Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ ราคาเริ่มต้น 15,900,000 บาท •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]