ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ในงานมอเตอร์โชว์ที่เพิ่งปิดฉากไป ค่ายดาวสามแฉก “เมอร์เซเดส-เบนซ์” มีรถหลากหลายรุ่นมาอวดโฉม
ในจำนวนนั้นเป็นสมาชิกใหม่ กลุ่มตระกูล “Mercedes-AMG”
“Mercedes-AMG” เป็นรถตัวแรงและแต่งมาเต็มสูบ
เรียกว่าซื้อไปลงถนนขับได้ทันที ไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่มเติมแล้ว
งานนี้ส่งมา 3 รุ่นสุดจี๊ด
แบ่งเป็นเก๋งสปอร์ต 2 รุ่นคือ
Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ และ Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+
ส่วนอีกหนึ่งเป็นเอสยูวีสุดหล่อ คันเบ้อเริ่มเทิ่ม Mercedes-AMG G 63
จุดเด่นคือใส่ขุมพลังอย่างโหดในทุกรุ่น
ไปทำความรู้จักกันว่ารถแต่ละรุ่นมีดีอะไรบ้าง
เริ่มกันที่พี่ใหญ่ “Mercedes-AMG G 63”
ดีไซน์ภายนอกทรงกล่องขนาดใหญ่ ตกแต่งรอบคันแบบ AMG bodystyling
กระจังหน้าแบบ AMG Specific Grille กันชนหน้าแบบ AMG-specific front bumper เพิ่มความสปอร์ตดุดัน ทั้งยังช่วยในด้านแอโรไดนามิกและการระบายอากาศ
ไฟหน้าทรงกลมคลาสสิค MULTIBEAM LED
ใส่ Spoiler ไว้ด้านบนช่วยลดเสียงภายในห้องโดยสารลงได้มากถึง 20%
หลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสาร
ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่
ระบบท่อไอเสียคู่ AMG Performance Exhaust System
เป็นครั้งแรกของ G-Class ที่มาพร้อมปุ่มเปิด-ปิดประตูทั้งหมดเป็นแบบ KEYLESS-GO
เพียงแตะไปจับประตูก็สามารถล็อกหรือปลดล็อกได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ
ห้องโดยสารมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel หุ้มหนัง Nappa ตัดสลับ DINAMICA microfibre
หน้าจอขนาดใหญ่เชื่อมต่อกัน แบ่งเป็นแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ All-Digital Instrument Display ขนาด 12.3 นิ้ว
และระบบปฏิบัติการมัลติมีเดีย COMAND Online ขนาด 12.3 นิ้ว
ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester Surround Sound System
ระบบฟอกอากาศ Air Balance Cabin-Air Purification System
ขุมพลังเครื่องยนต์ V8 Bi-Turbo ขนาด 4.0 ลิตร ทำงานคู่กับละเกียร์แบบใหม่ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-SPEED SPORTS TRANSMISSION
กำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร
อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.5 วินาที
เสริมด้วยระบบ Mild Hybrid ช่วยเรื่องการออกตัวและอัตราเร่งที่จี๊ดใจมากขึ้น
ระบบรองรับแบบ Active Hydraulic ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเสถียรในการขับขี่ และลดอาการโคลงตัวของรถ
ปรับการขับขี่ได้ 2 รูปแบบ คือ Off-Road และ Sport
มี Differential Lock ซึ่งเป็นฟีเจอร์เอกลักษณ์ของ G-Class โดยระบบสามารถล็อกเฟืองท้ายได้ถึง 3 จุด
ระบบ AMG DYNAMIC SELECT เลือกโหมดขับขี่อย่างง่ายดาย ซึ่งจะปรับค่าการทำงานของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และพวงมาลัย ตามโหมดที่เลือก
ติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูง อาทิ Assistance Package
ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา
ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist) และระบบความปลอดภัยอื่นๆ
กล้อง 360 องศาช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นภาพด้านหน้ารถและใต้ท้องรถ ผ่านหน้าจอแสดงผล ปลอดภัยมากขึ้นเมื่อลุยทาง Off-Road
Mercedes-AMG G 63 ราคาเริ่มต้น 18,800,000 บาท
ต่อกันที่รถเก๋งสปอร์ต “Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+” 2 ประตูแบบเปิดประทุน
ขุมพลังอย่างโหดเช่นกัน ด้วยเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร Bi-Turbo กำลังสูงสุด 476 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร
ระบบส่งกำลังแบบ AMG SPEEDSHIFT MCT 9-Speed Sport Transmission สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที
ผสานการทำงานของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมระบบช่วยการออกตัวแบบ RACE START
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 295 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC+ แบบ all-wheel drive ซึ่งถูกปรับแต่งให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการขับขี่บนถนนปกติและในสนามแข่ง
ติดตั้งระบบช่วยเหลือการควบคุมการเลี้ยวด้วยล้อหลังแบบ AMG Rear-Axle Steering แบบอัตโนมัติเมื่อความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
ช่วงล่างแบบ AMG RIDE CONTROL Sports Suspension
ปรับระบบการทำงานได้ 3 ระดับ คือ Comfort, Sport และ Sport+
มีระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบแบบ AMG Real Performance Sound ใช้เสียงสังเคราะห์ผสานการทำงานกับเสียงท่อ เพิ่มความเร้าใจมากขึ้น
ดีไซน์ภายนอกกระจังหน้า AMG-specific radiator grille
ไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT
ระบบไฟด้านข้างประตูแบบ AMG light display
หลังคาเปิดประทุนแบบ Fabric soft-top เปิด-ปิดในระยะเวลาเพียง 15 วินาที
ด้านท้ายติดตั้งสปอยเลอร์ระบบไฟฟ้า electrically extending rear wing
ล้ออัลลอย AMG ขนาด 19 นิ้ว
ห้องโดยสารมาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX7 หน้าจอขนาด 11.9 นิ้ว ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า 12-32 องศา ช่วยให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมป้องกันแสงสะท้อนจากการเปิดหลังคาที่มากระทบหน้าจอ
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว แบบ AMG-specific indicator
พวงมาลัยแบบ AMG Performance steering wheel หุ้มด้วยหนัง Nappa leather
ออปชั่นความปลอดภัยและตัวช่วยขับขี่ ขอข้ามไปละกัน เพราะให้มาครบถ้วน
Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ ราคาเริ่มต้น 14,900,000 บาท
ปิดท้ายด้วย “Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+”
เป็นรถตระกูล GT เจเนอเรชั่นที่ 2 ของค่าย ตัวถังแบบ Wide Body มีความกว้างถึง 2 เมตร
กระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator grille
ไฟหน้า DIGITAL LIGHT
ภายในมาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX7 หน้าจอข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว แบบ AMG-specific indicators
พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel
จอกลางขนาด 11.9 นิ้ว ควบคุมด้วยระบบสัมผัส ปรับระดับได้ด้วยไฟฟ้า ไม่ต่างจากรุ่น “Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+”
เครื่องยนต์ถือว่าแรงสุดในทั้ง 3 รุ่น แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo
กำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.2 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระบบส่งกำลัง AMG SPEEDSHIFT MCT 9-Speed Sport Transmission เปลี่ยนเกียร์ได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที
ระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC+ สามารถเข้าโค้งได้ปลอดภัยและรวดเร็วโดยไม่เสียการควบคุม
ระบบเบรกแบบ Sports Braking System และช่องระบายอากาศ
มีระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบแบบ AMG Real Performance Sound
ควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น Sporty, Discreet (BALANCED), Motorsporty และ Emotive (POWERFUL)
ตัวช่วยขับขี่และออปชั่นความปลอดภัยจัดเต็ม
Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ ราคาเริ่มต้น 15,900,000 บาท •
ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022