สำรวจคะแนนนิยม “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน

สำรวจคะแนนนิยม “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง”

ขออนุญาตโฟกัสกลับไปที่ “ญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี” ระหว่างวันที่ 24-25 มีนาคม และลงมติในวันที่ 26 มีนาคม 2568 โดยพรรคฝ่ายค้านร่วมนำโดย “นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าคนใหม่พรรคประชาชน นำทัพในฐานะผู้นำฝ่ายค้านของสภาผู้แทนราษฎร ส่งขุนพลฝีปากจัดจ้านเกือบ 30 คน ดำเนินการกินโต๊ะตามแคมเปญ “ดีลแลกประเทศ”

ผลการลงมติดังที่ทราบกันไปแล้ว เห็นชอบกับญัตติ “ไม่ไว้วางใจ” 162 เสียง ไม่เห็นชอบ “ไว้วางใจ” 319 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง จากจำนวนผู้แสดงตน 488 คน เท่ากับว่า “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ปราศจากข้อกังขา

ศึกซักฟอกครั้งนี้ มีสิ่งสำคัญยิ่งต้องจารึกไว้ 2 ประการ หนึ่งคือ บุคคลในครอบครัว “ชินวัตร” ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจมากที่สุด เริ่มนับหนึ่งจาก “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” โดนมาทุกสมัยตั้งแต่ปี 2545-2548 ก่อนจะโดนยึดอำนาจจาก คมช.เมื่อปี 2549 “เสียเมือง” ให้กับทหารภายใต้การนำทัพของ “พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน” ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น

ตามด้วย “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจจำนวน 3 ครั้ง หลังเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 เป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่ “นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกฯ ในฐานะ “เขยชินวัตร” ไม่ได้โดนซักฟอก เนื่องจากขณะเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ เจอภาวะกดดันม็อบพันธมิตรฯ ปิดล้อมทำเนียบ ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติงานได้ และก็ตกเก้าอี้เสียก่อน จากกรณี “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน ที่แปลงร่างมาจากพรรคไทยรักไทย ทำให้ “นายสมชาย” ตกเก้าอี้ไปโดยอัตโนมัติ และไม่โดนซักฟอก

“น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” จึงเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 จาก “ตระกูลชินวัตร” ที่โดนจับขึ้นเขียงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต่อจาก “พ่อ-และอาปู”

ขณะเดียวกัน “แพทองธาร” เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ที่ถูกพรรคการเมืองฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว” เริ่มจาก “พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์” เมื่อปี 2523 แต่ยังไม่ได้มีการอภิปราย “นายพลตาหวาน” ชิงไขก๊อกยื่นใบลาออกก่อน ตามด้วย “นายบรรหาร ศิลปอาชา” เมื่อปี 2539 ข้อกล่าวหาบริหารบ้านเมืองไร้ประสิทธิภาพ-ขาดความรู้ความสามารถ แต่ “นายบรรหาร” ชั้นเชิงทางการเมืองเหนือเมฆ แพรวพราว ต่อรองให้พรรคร่วมยกมือไว้วางใจก่อน แล้วจะลาออก

กระทั่งการลงมติไว้วางใจผ่านไปด้วยชัยชนะ “เติ้งเสี่ยวหาร” ประกาศยุบสภา ตีลังกาหงายท้องกันตามๆ และปี 2540 “พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ที่ชนะเลือกตั้งได้ดำรงตำแหน่งต่อจากนั้น โดยขาเก่าคือประชาธิปัตย์ ยื่นซักฟอกคนเดียว แม้คะแนนจะออกมาไว้วางใจ แต่ “บิ๊กจิ๋ว” ก็จนแต้มกลางกระดาน อันเนื่องจากจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง เลยตัดสินใจลาออก หลังจากศึกซักฟอกผ่านไปไม่กี่วัน

“น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” จึงเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 และอายุน้อยที่สุดเพียง 38 ปีที่โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง คือ “คนที่ 3 แห่งตระกูลชิน” ที่โดนขั้นเขียง และรายที่ 4 ที่ฝ่ายค้านกินโต๊ะแบบเหมารอบคนเดียว

แต่ผลข้างเคียงจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงผู้เดียว รายอื่นๆ เกิดเหตุเภทภัยกันถ้วนหน้า ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” ยังไม่มีปัญหาตามน้ำใดๆ เกิดขึ้น

แถมศึกซักฟอกครั้งนี้ นอกจากจะมีกระแสนิยมเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเพิ่มความแข็งแกร่ง ยิ่งโดนฝ่ายค้านรุมทุบยิ่งมีความคม ความทน ถ้าเป็นเหล็กก็พร้อมที่จะขยับเป็นดาบ

ต้องสารภาพว่า ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ “พรรคสีส้ม” ฝีมือตก ต่ำกว่ามาตรฐานมาก จับอาการดูจากสัญญาณที่สะท้อนผ่าน “นิด้าโพล”

ที่ “ศูนย์สำรวจความคิดเห็นสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์” เปิดเผยผลสำรวจเมื่อล่าสุดหลังยังอุ่นๆ อยู่ เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาสครั้งที่ 1/2568” ที่ทำการสำรวจระหว่างศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 24-27 มีนาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ 2,000 ตัวอย่าง

กับคำถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 30.09 “น.ส.แพทองธาร” เบียดแทรกขึ้นมาเฉือนหวิวเข้าป้าย อันดับ 2 ร้อยละ 25.80 ระบุว่า “นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” อันดับ 3 ยังส่องใครไม่เจอ ร้อยละ 23.70 ระบุว่า “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้”

นำไปเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์กับ “นิด้าโพล” ครั้งที่ 4/2567 เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2567 “นายณัฐพงษ์” นำอยู่อันดับ 1 ร้อยละ 29.85 ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” เกาะอยู่อันดับ 2 ร้อยละ 28.80

กลับหัวกลับหาง สลับร่างกับครั้งที่ 1/2568 “แพทองธาร” เข้าวินคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นจากเดิม ขีดสองขีด ส่วน “หัวหน้าเท้ง” หล่นวูบไปสี่ซ้าห้าเปอร์เซ็นต์ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน มีจุดเปลี่ยนทางการเมืองไม่มากก็น้อย

ส่งสัญญาณอันตรายต่อพรรคประชาชนมากเข้าไปใหญ่ หากนำไปเทียบกับผลสำรวจของ “นิด้าโพล” ครั้งก่อนๆ เมื่อครั้งที่ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่คะแนนนิยม “สีส้ม” นำโด่ง ทิ้งกันเป็นทุ่งๆ อยู่ที่ระดับร้อยละ 40 เกือบทุกการสำรวจ และไม่เคยแผ่วให้เห็นมาก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้ “ตัวบุคคล” จะพ่ายแพ้ในรอบหลายครั้งที่ทำการสำรวจ แต่ในสัดส่วน “พรรค” ก็ยังเหนือกว่าอยู่ กับคำถามว่า “พรรคการเมืองที่ประชาชนจะให้การสนับสนุนในวันนี้”

ยังปรากฏว่าอันดับ 1 “พรรคประชาชน” เข้าป้ายร้อยละ 37.10 ทิ้งห่างอันดับ 2 “พรรคเพื่อไทย” ร้อยละ 28.05 สัดส่วนเท่าเทียม หรือระนาบใกล้เคียงกับการสำรวจครั้งที่ 4/2567 ที่ “พรรคประชาชน” อันดับ 1 ร้อยละ 37.30 “พรรคเพื่อไทย” ร้อยละ 27.70

เข้าใจได้ครับว่าช่วงนี้กระแสนิยม “แพทองธาร” ดีขึ้นผิดหูผิดตา ดูได้จากกรณีเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ “แผ่นดินไหว” แล้วแผ่รังสีอำมหิตมายังประเทศไทย “อาคาร 30 ชั้น” สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน” หรือ “สตง.” พังราบคาบเรียบดุจหน้ากลอง

ไม่มีใครแหกปากด่า “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” แม้พวกศัตรูถาวรก็พากันเงียบกริ๊บ