เปิดสาเหตุ ทำไมแผ่นดินไหวเมียนมา รุนแรงไกลมาถึงไทย

A rescue operation is continued in front of the collapsed Sky Villa condominium in Mandalay, Myanmar Monday, March 31, 2025. (Kyodo News via AP)

บทความต่างประเทศ

 

เปิดสาเหตุ

ทำไมแผ่นดินไหวเมียนมา

รุนแรงไกลมาถึงไทย

 

แผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 8.2 แมกนิจูดที่มีศูนย์กลางในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นแผ่นดินไหวใหญ่ที่สุดในรอบ 100 ปีของเมียนมา

แม้ว่าประเทศเมียนมาจะเจอกับแผ่นดินไหวอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่แผ่นดินไหวในเมียนมาจะส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงไทยมากเท่านี้มาก่อน

จนทำให้เกิดคำถามว่าเพราะอะไรแผ่นดินไหวครั้งนี้ถึงหนักมากกว่าครั้งก่อนๆ

สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐ (USGS) ระบุว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ใกล้กับเมืองสะกายและเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของเมียนมา โดยมีขนาดความรุนแรงที่ 8.2 แมกนิจูด ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายครั้ง

ประเทศเมียนมาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเคลื่อนไหวทางธรณีมากที่สุดในโลกเพราะเมียนมาตั้งอยู่บนการบรรจบกันของแผ่นเปลือกโลก 4 แผ่น ได้แก่ แผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย แผ่นเปลือกโลกอินเดีย แผ่นเปลือกโลกซุนดา และแผ่นธรณีพม่า

ข้อมูลเบื้องต้นพบว่าแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูดในครั้งนี้เกิดขึ้นที่รอยเลื่อนสะกายจากการที่แผ่นเปลือกโลก 2 แผ่นมีการเคลื่อนตัวในแนวราบ (strike-slip) แต่สิ่งที่ทำให้แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความรุนแรงและส่งแรงสั่นสะเทือนมาไกลถึงกรุงเทพฯ ก็คือ แผ่นดินไหวนี้เกิดขึ้นใต้พื้นดินเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ถือว่าตื้นมาก

และยิ่งแผ่นดินไหวเกิดที่ความลึกใต้พื้นดินน้อยเท่าใดก็จะยิ่งทำให้แรงสั่นสะเทือนถูกส่งไปยังพื้นผิวโลกมากขึ้นเท่านั้น

 

นอกจากนั้น นี่ถือเป็นแผ่นดินไหวใหญ่ถึง 8.2 แมกนิจูด ซึ่งปลดปล่อยพลังงานเทียบเท่ากับระเบิดปรมาณู 334 ลูก ตามรายงานของ USGS ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา มีแผ่นดินไหวขนาดมากกว่า 7 แมกนิจูดเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้เพียง 6 ครั้งเท่านั้น

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นแผ่นดินไหวชนิด super shear ซึ่งเกิดขึ้นได้ยาก โดยแผ่นดินไหวชนิด super shear เกิดขึ้นเมื่อการแตกของเปลือกโลกหรือการเคลื่อนที่ของรอยเลื่อนนั้นเคลื่อนที่เร็วกว่าคลื่นแผ่นดินไหว (seismic waves) ที่สามารถเดินทางผ่านโลกได้

หมายความว่าพลังงานจากการแตกเปลือกโลกจะสะสมและปล่อยออกมาในลักษณะที่มีความรุนแรงและกว้างกว่าปกติ การแตกของเปลือกโลกนั้นมีความเร็วสูงถึง 5 กิโลเมตรต่อวินาที หรือเทียบเท่ากับเครื่องบินความเร็วเหนือเสียง

ยิ่งไปกว่านั้น การเคลื่อนที่ของรอยเลื่อนยังมีการเคลื่อนไปทางทิศใต้ ยิ่งส่งพลังงานของแผ่นดินไหวไปทางที่ตั้งของกรุงเทพฯ

และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมแผ่นดินไหวในเมียนมาครั้งนี้ถึงส่งแรงสั่นไหวไปได้ไกลมากกว่าปกติ

อีกทั้งลักษณะของดินยังส่งผลกับความรุนแรงของการสั่นไหวจากแผ่นดินไหว โดยทำเลที่ตั้งของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนดินที่ค่อนข้างอ่อน ซึ่งยิ่งทำให้แรงสั่นไหวในกรุงเทพฯ รุนแรงกว่าพื้นที่ที่มีชั้นดินแข็งกว่า

 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2009 มีการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการก่อสร้างอาคารไทยให้สามารถทนต่อแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ หมายความว่าอาคารเก่าอาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวมากกว่าอาคารใหม่ แต่การก่อสร้างอาคารที่สามารถต้านแผ่นดินไหวได้จะมีค่าก่อสร้างสูงกว่าอาคารทั่วไป

ขณะที่ประเทศเมียนมาแม้จะเกิดแผ่นดินไหวบ่อยกว่าไทย แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาคารส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ทนต่อแผ่นดินไหว

บวกกับพื้นที่ทางส่วนของเมืองมัณฑะเลย์และอาคารหลายแห่งในเมืองตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำอิรวดี ทำให้ดินในพื้นที่ดังกล่าวมีความเหลว อ่อนกว่าดินในพื้นที่อื่นๆ เมื่อเจอกับการสั่นไหว ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดดินสไลด์และอาคารถล่ม

แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดนี้เป็นเหมือนเครื่องย้ำเตือนว่าภัยธรรมชาติอาจเกิดขึ้นได้ทุกที่และทุกเมื่อ

เราควรมีการเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุร้ายอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ชีวิตต้องดับสูญเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต