แผ่นดินไหวถล่มพม่า… สะเทือนไทย และบริษัทจีน

มุกดา สุวรรณชาติ

หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว | มุกดา สุวรรณชาติ

 

แผ่นดินไหวถล่มพม่า…

สะเทือนไทย และบริษัทจีน

 

แผ่นดินไหวบริเวณใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า วัดความรุนแรงได้ถึง 8.2 ริกเตอร์ สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่อาคารและสาธารณูปโภคในพม่า

จากภาพที่ถูกนำมาเผยแพร่ บริเวณใกล้เคียงศูนย์กลางแผ่นดินไหวพบว่าบ้านหลังเล็กหลังน้อยไม่ต้องเป็นตึกสูงก็ถล่มราบเป็นหน้ากลอง ประเมินได้เลยว่าต้องมีคนเสียชีวิตหลายพัน บาดเจ็บนับไม่ถ้วน

ถึงนาทีนี้สิ่งที่ชาวพม่าได้พบ ต้องเรียกว่าทั้งโรค (โควิด) ซ้ำ กรรม (จากการรัฐประหาร) ซัด ความวิบัติ (จากแผ่นดินไหว) ถล่มใส่

แรงสั่นสะเทือนยังแผ่มาถึงประเทศไทย ตั้งแต่ จ.เชียงใหม่ จนถึงกรุงเทพฯ สร้างความแตกตื่นให้ผู้ที่อยู่บนอาคารสูง และห้างร้านขนาดใหญ่ เพราะส่วนใหญ่ไม่เคยเจอแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้มาก่อน

ที่กระทบรุนแรง คืออาคารที่กำลังก่อสร้างของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ในเขตจตุจักร ที่พังถล่มลงมา คลิปวิดีโอถูกแพร่ไปทั่วโลก และมีผู้ตามข่าวอย่างต่อเนื่อง เพราะมีผู้ติดอยู่ใต้ซากตึก อีกประมาณ 80 กว่าคน

ภาพการพังทลายใน 10 วินาที ทำให้ทั้งตึกกลายเป็นเศษปูนเศษเหล็กกองกับพื้นทั้ง 33 ชั้น ได้ส่งผลสะเทือนอย่างรุนแรงต่อไทย

 

1. สะเทือนวงการก่อสร้างไทย

ถ้าครั้งนี้ไม่มีตึกของ สตง.ที่ถล่มลงมากองกับพื้นทุกชั้น การที่ตึกอื่นๆ เสียหายเล็กน้อย จะถือว่าอาคารสูงในไทยมีความน่าเชื่อถือ เพราะทนต่อแผ่นดินไหวได้ ระบบงานก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ของไทยก็จะเป็นที่ยอมรับ

การสืบหาสาเหตุที่แท้จริงของการพังถล่มเพียงตึกเดียวในขณะที่อาคารอื่นๆ เกิดความเสียหายเพียงเล็กน้อย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แรงสั่นสะเทือน ณ พื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ได้มากมายเท่ากับแถบเมืองมัณฑะเลย์

จึงจะต้องรู้ต้นเหตุสำคัญว่า ทำไม?

มาจากเทคนิคการก่อสร้างแบบใหม่ที่เพิ่งจะนำมาใช้ที่นี่…

หรือเป็นเพราะวัสดุก่อสร้าง…

หรือเหตุอื่นๆ เพื่อที่จะได้แก้ไขและป้องกันต่อไป

 

2. สะเทือนขวัญ ของผู้ทำงานก่อสร้างอาคาร ผู้ที่อยู่อาศัยในตึกสูง ผู้ที่ต้องทำงานในตึกสูง

การที่ตึกถล่มลงมากองกับพื้นทุกชั้นทำให้ผู้ที่กำลังทำงานก่อสร้างอยู่ในอาคารเสียชีวิตจำนวนมาก

ชีวิตของผู้ทำงานเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ ล้วนแล้วแต่มีค่าทั้งสิ้น ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อมีการใช้ตึกไปแล้วระยะหนึ่ง

ผู้เสียชีวิตจำนวนมากเหล่านี้ก็จะกลายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนที่เข้าไปติดต่องานเกือบทั้งหมด และอาจจะมีจำนวนมากกว่านี้ด้วย

ภาพเหตุการณ์ที่คล้ายดูหนัง ยังฝังใจ หลังเหตุการณ์ จึงยังมีคนหวาดผวาอีกเป็นจำนวนมาก มีอะไรนิดหน่อยก็วิ่งออกจากตึก

 

3. ที่กระทบโดยตรงคือธุรกิจเกี่ยวกับคอนโดมิเนียม เนื่องจากการสั่นไหวของอาคารทำให้ผู้อยู่อาศัยอยู่ในอาคารสูงทุกแห่งตกใจกลัว การที่ต้องหนีตายลงบันไดหนีไฟ ซึ่งสูงถึง 20-30 ชั้นทำให้บางคนถึงกับช็อก บางคนหมดแรงแทบเป็นลม การกลับเข้าไปในอาคารไม่ได้ หรือเข้าไปอย่างยากลำบาก ทำให้เกิดภาพลบต่อการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมและตึกสูง

ส่วนคนที่ทำงาน หรือใช้ชีวิตอยู่ตามอาคารต่างๆ ที่มีคนจำนวนมากในขณะที่เกิดแผ่นดินไหวก็รู้สึกตกใจและได้รับผลกระทบจากการหนีภัยเช่นกัน

ดังนั้น พวกเขาก็จะสรุปว่า การอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมหรือที่ที่มีคนรวมกันอยู่เยอะๆ เป็นอันตราย ถ้ามีโอกาสเลือก พวกเขาจะซื้อบ้านทาวน์เฮาส์หรือบ้านเดี่ยวที่อยู่นอกเมืองไปก็ได้ เพราะปัจจุบันรถไฟฟ้าก็มีทิศทางกระจายออกไปนอกเมืองหลายเส้นทางแล้ว

ถ้าใครยังจำเป็นต้องอยู่คอนโดมิเนียมก็คงจะเลือกอยู่ที่ไม่สูงเกินไป

มีคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ตามซอยต่างๆ ที่สูงประมาณ 5-8 ชั้น

 

4. ถ้าการสืบสวนสาเหตุพบว่าไปเกี่ยวข้องกับวัสดุก่อสร้าง ก็จะไปกระทบกับธุรกิจวัสดุก่อสร้างอีก เช่น เหล็ก

5. ผลกระทบทางการเมือง ก็จะเกี่ยวข้องกับผู้ที่เลือกบริษัทก่อสร้าง

ระบบจัดซื้อจัดจ้าง จะถูกขุดขึ้นมาสอบ โดยเฉพาะกรณีนี้ เพราะเกิดกับ สตง. ที่เคยแต่สอบคนอื่น

ผู้ชนะการประมูลสร้างตึกของ สตง. คือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด โดยเสนอราคา 2,136 ล้านบาท

บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด คือใคร?

 

บริษัทนี้จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ปี 2561 มีรายชื่อกรรมการ คือ นายชวนหลิง จาง และนายโสภณ มีชัย ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท จำแนกเป็นสัดส่วนผู้ถือหุ้นสัญชาติไทย 51 ล้านบาท เป็นบุคคล 3 ราย คือ นายโสภณ มีชัย นายประจวบ ศิริเขตร นายมานัส ศรีอนันท์ ส่วนสัดส่วนผู้ถือหุ้นสัญชาติจีน 49 ราย เป็นบุคคล 1 ราย คือ นายชวนหลิง จาง (กำลังมีการตรวจสอบผู้ถือหุ้น)

บริษัทแม่ คือ China Railway Group ได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 34 ของ Fortune Global 500 และอยู่ในอันดับที่ 5 ของ 500 องค์กรชั้นนำของจีน ขอบเขตธุรกิจครอบคลุมแทบทุกด้านของการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางรถไฟ, ทางหลวง, สาธารณูปโภคของเทศบาล, ที่อยู่อาศัยและอาคาร, ระบบขนส่งทางรางในเมือง, การอนุรักษ์น้ำ, โรงไฟฟ้าพลังน้ำ, สนามบิน, ท่าเรือ, ท่าจอดเรือ, สะพานขนาดใหญ่พิเศษ, สะพานข้ามน้ำลึก, อุโมงค์ยาว เป็นต้น

“China Railway Group” บริษัทรับผิดชอบการก่อสร้างทางรถไฟ 2 ใน 3 ของทางรถไฟทั้งหมดในจีน ซึ่งรวมถึงสัดส่วน 90% ของทางรถไฟแบบไฟฟ้าของจีน

นอกจากการก่อสร้างแล้ว China Railway Group ยังให้บริการด้านการสำรวจและออกแบบ, การให้คำปรึกษา, การผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วน, การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, การพัฒนาทรัพยากรแร่, การดำเนินงานและการเงินทางหลวง เป็นต้น

สรุปได้ว่า China Railway Group เป็นผู้นำในการก่อสร้าง ระบบคมนาคม โดยเฉพาะทางราง เช่น การก่อสร้างอุโมงค์และรถไฟใต้ดิน

 

วันที่ 3 เมษายน 2567 บริษัทแถลงว่า

“โครงการนี้ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ เนื่องจากเป็นอาคารสูงพิเศษแห่งแรกที่เราดำเนินการนอกประเทศจีน แต่ด้วยความร่วมมือระหว่างทีมงานและการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย เราจึงสามารถบรรลุหมุดหมายสำคัญนี้ได้อย่างสำเร็จ เราหวังว่าโครงการนี้จะกลายเป็นต้นแบบของการก่อสร้างที่มีคุณภาพในภูมิภาคนี้”

3 เมษายน 2568 ผ่านไป 1 ปี เมื่อดูจากประวัติและผลงานบริษัท สรุปได้ว่าบริษัทนี้น่าจะสร้างทางรถไฟ หรือเส้นทางรถไฟฟ้าได้เก่ง แต่การสร้างตึกสูงน่าจะกำลังหาประสบการณ์ แม้จะบอกว่าใช้เทคโนโลยีใหม่ แต่ผลงานที่ถล่มลงมากองกับพื้น ได้ถล่มความน่าเชื่อถือของบริษัทลงไปติดพื้นเช่นกัน และกระทบต่อภาพพจน์ของประเทศจีนซึ่งกำลังพยายามฉายภาพความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทุกด้านอย่างแรง

คำถามที่ตามมาของผู้คนคือ…แบบไม่ถูกต้อง หรือเทคนิคการก่อสร้างไม่ดี หรือใช้วัสดุด้อยคุณภาพ หรือมีการโกงกิน และจะต้องหาคำตอบให้ได้

โครงการนี้ต้องกลายเป็นต้นแบบเตือนใจไม่ให้ใครทำผิดพลาดซ้ำ แต่ที่แสนสาหัสคือหลายสิบชีวิตของคนธรรมดาที่ต้องดับสิ้นไปขณะทำงานโดยพวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ซึ่งเราจะเรียกร้องความยุติธรรมให้วิญญาณใต้ซากตึกต่อไป