ทีมที่ดี ต้องมีอะไร

ธุรกิจพอดีคำ | กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร

 

ทีมที่ดี ต้องมีอะไร

 

คุณเคยสงสัยไหม? ทำไมบางทีมถึงเหมือนเวทมนตร์ ส่วนบางทีมเหมือนเวทมนตร์ร้าย

ในช่วงเวลาที่คุณกำลังดื่มกาแฟยามเช้า มองดูเพื่อนร่วมทีมที่นั่งอยู่รอบๆ โต๊ะประชุม คุณเคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างหรือไม่ว่า “ทำไมทีมนี้ถึงรู้สึกแตกต่างจากทีมอื่นๆ ที่เคยร่วมงานมา?” บางทีม ทุกอย่างลงล็อก เหมือนมีเวทมนตร์บางอย่างที่ทำให้ทุกคนทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว

แต่บางทีมกลับเหมือนอยู่ในสนามรบที่ทุกคนพกดาบมาฟันกันเอง

ทำไมล่ะ? ทำไมบางทีมถึงประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง ในขณะที่บางทีมกลับล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า ทั้งๆ ที่มีคนเก่งๆ เต็มไปหมด?

คำถามเหล่านี้อาจดูธรรมดา แต่คำตอบกลับซับซ้อนกว่าที่คิด

 

ผมเคยเห็นทีมที่สมาชิกแต่ละคนเป็นซูเปอร์สตาร์ในสาขาของตัวเอง แต่พอมารวมกัน กลับกลายเป็นหายนะ เหมือนเอาดาราฮอลลีวู้ดมาอยู่ในห้องเดียวกัน ทุกคนแย่งซีนกันจนไม่มีใครได้เป็นพระเอก

ในทางกลับกัน ผมก็เคยเห็นทีมที่สมาชิกธรรมดาๆ แต่พอมารวมกัน กลับกลายเป็นทีมที่สร้างสรรค์ผลงานยอดเยี่ยม เหมือนวงดนตรีที่เล่นเพลงประสานเสียงได้อย่างไพเราะ ทั้งๆ ที่แต่ละคนไม่ได้เป็นมือระดับโลก

มันมีอะไรซ่อนอยู่ในทีมเหล่านี้กันแน่? ทีมที่ดีต้องมีอะไร?

เมื่อนักวิชาการพยายามไขความลับของทีมที่ประสบความสำเร็จ

 

1.ทฤษฎีความปลอดภัยเชิงจิตวิทยา (Psychological Safety) ของ Amy Edmondson

ในปี 2012 Google ได้เริ่มโครงการ Aristotle ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยเพื่อค้นหาว่าอะไรทำให้ทีมที่ Google ประสบความสำเร็จ พวกเขาได้ศึกษาข้อมูลจากทีมมากกว่า 180 ทีม และพบว่าปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จไม่ใช่การมีคนเก่งที่สุด หรือจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ

แต่เป็นเรื่องของ “ความปลอดภัยเชิงจิตวิทยา” (Psychological Safety) ซึ่งเป็นแนวคิดที่พัฒนาโดย Amy Edmondson ศาสตราจารย์จาก Harvard Business School

ความปลอดภัยเชิงจิตวิทยา คือ ความเชื่อร่วมกันของสมาชิกในทีมว่าทีมเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับการเสี่ยงระหว่างบุคคล สมาชิกรู้สึกมั่นใจที่จะพูดความคิดเห็นของตนเอง ถามคำถาม ยอมรับความผิดพลาด โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกลงโทษหรือทำให้อับอาย

ลองคิดดูว่า ถ้าคุณอยู่ในทีมที่คุณกลัวจะถูกหัวเราะเยาะเมื่อเสนอไอเดียใหม่ๆ คุณจะยังอยากแชร์ความคิดสร้างสรรค์ของคุณอีกไหม? แน่นอนว่าไม่ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความล้มเหลว

 

2.แบบจำลองพัฒนาการของทีม (Tuckman’s Stages of Group Development)

Bruce Tuckman นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ได้นำเสนอแบบจำลองพัฒนาการของทีมในปี 1965 ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอน (ต่อมาเพิ่มเป็น 5 ขั้นตอน) : Forming (การก่อตัว), Storming (การระดมความคิด), Norming (การสร้างบรรทัดฐาน), Performing (การปฏิบัติงาน) และ Adjourning (การสิ้นสุด)

ทีมที่ดีจะต้องผ่านทุกขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง Storming ซึ่งเป็นช่วงที่มีความขัดแย้งและความไม่เห็นด้วย หากทีมผ่านช่วงนี้ไปได้ด้วยดี พวกเขาจะสามารถสร้างบรรทัดฐานการทำงานที่เหมาะสมและนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพสูง

นี่คือเหตุผลที่บางทีมดูเหมือนจะวุ่นวายในช่วงแรก แต่เมื่อผ่านพ้นจุดนั้นไปได้ พวกเขากลับกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่ง เหมือนกับการตีเหล็กให้เป็นดาบ ต้องผ่านความร้อนระอุก่อนที่จะกลายเป็นอาวุธที่แข็งแกร่ง

 

3.แนวคิดเรื่องความหลากหลายและการรวมกลุ่ม (Diversity and Inclusion) ของ Scott E. Page

Scott E. Page ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และการเมืองจาก University of Michigan ได้แสดงให้เห็นว่าทีมที่มีความหลากหลายทางความคิดและมุมมองมักจะแก้ปัญหาได้ดีกว่าทีมที่มีแต่ผู้เชี่ยวชาญในด้านเดียวกัน

ในทีมที่ดี ควรมีความหลากหลายของทักษะ ประสบการณ์ และมุมมอง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีวัฒนธรรมการทำงานที่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของทีมอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่นำคนหลากหลายมารวมกัน แต่ต้องทำให้พวกเขาทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว

ผมเคยร่วมงานกับทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ทีมหนึ่งที่กำลังพัฒนาแอปพลิเคชันสำคัญให้กับลูกค้ารายใหญ่ เราทำงานกันอย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือน แต่เมื่อถึงวันส่งมอบงาน กลับพบว่าระบบมีข้อผิดพลาดมากมายจนไม่สามารถใช้งานได้

ในที่ประชุมหลังจากความล้มเหลวครั้งนั้น แทนที่ผู้จัดการจะหาคนผิดและตำหนิ เขากลับถามว่า “เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง และเราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร?” ทุกคนเริ่มแชร์ความคิดเห็นอย่างเปิดเผย ไม่มีการกล่าวโทษกัน มีแต่การวิเคราะห์ปัญหาและหาทางแก้ไข

นั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทีม เราเริ่มจัดการประชุมทบทวนการทำงานทุกสัปดาห์ แทนที่จะรอให้เกิดปัญหาใหญ่ เราสร้างวัฒนธรรมการให้ข้อมูลป้อนกลับที่ตรงไปตรงมาแต่สร้างสรรค์ และเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ทุกคนพร้อมที่จะยอมรับและหาทางแก้ไขร่วมกัน

ผลลัพธ์คือ เราสามารถพัฒนาระบบใหม่ให้ลูกค้าได้ภายในเวลาเพียง 2 เดือน ซึ่งเร็วกว่าที่เคยทำมาก่อน และคุณภาพของงานก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลูกค้าประทับใจมากจนให้สัญญาเพิ่มเติมกับบริษัทของเรา

 

และผมเคยทำงานกับทีมออกแบบที่มีความขัดแย้งสูงมาก นักออกแบบรุ่นเก่ามักจะยึดติดกับวิธีการทำงานแบบดั้งเดิม ในขณะที่นักออกแบบรุ่นใหม่ต้องการใช้เทคโนโลยีและแนวคิดใหม่ๆ การประชุมมักจะเต็มไปด้วยการโต้เถียงและความตึงเครียด และงานหลายชิ้นล่าช้าเพราะไม่สามารถตกลงกันได้

แทนที่จะพยายามกำจัดความขัดแย้ง ผู้จัดการทีมได้นำเอาแนวคิด “ความขัดแย้งที่สร้างสรรค์” (Constructive Conflict) มาใช้ เขาสร้างกฎกติกาสำหรับการแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างสร้างสรรค์ โดยเน้นที่การวิจารณ์ไอเดีย ไม่ใช่คน และการนำเสนอทางเลือกแทนที่จะแค่ตำหนิ

นอกจากนี้ เขายังจัดให้มีการประชุมระดมสมองที่มีโครงสร้างชัดเจน โดยแบ่งกระบวนการออกเป็นช่วงการสร้างไอเดีย (ซึ่งห้ามวิจารณ์) และช่วงการประเมินไอเดีย (ซึ่งใช้เกณฑ์การประเมินที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า) ทำให้ทุกคนมีโอกาสแสดงความคิดเห็นโดยไม่ถูกขัดจังหวะ

สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ ความขัดแย้งที่เคยเป็นอุปสรรคกลับกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ การที่มีทั้งมุมมองแบบดั้งเดิมและแบบใหม่ทำให้ทีมสามารถสร้างงานออกแบบที่ผสมผสานจุดแข็งของทั้งสองแนวทาง ผลงานออกแบบของเราได้รับรางวัลจากสมาคมนักออกแบบและได้รับการกล่าวถึงในนิตยสารชั้นนำ

เมื่อเราถอดรหัสทุกอย่างแล้ว

 

หลังจากที่เราได้สำรวจทฤษฎีจากต่างประเทศและเรื่องเล่าจากทีมที่ประสบความสำเร็จ เราสามารถสรุปได้ว่า ทีมที่ดีต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 5 ประการ ดังนี้

1. ความปลอดภัยเชิงจิตวิทยา (Psychological Safety)

ทีมที่ดีต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการแสดงความคิดเห็น ตั้งคำถาม และยอมรับความผิดพลาด โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกลงโทษหรือทำให้อับอาย

2. เป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นที่เข้าใจตรงกัน (Clear and Shared Goals)

ทีมที่ดีต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ทุกคนเข้าใจและเห็นพ้องกับเป้าหมายนั้น และรู้ว่างานของตนมีส่วนช่วยให้บรรลุเป้าหมายอย่างไร

3. การสื่อสารที่เปิดกว้างและมีประสิทธิภาพ (Open and Effective Communication)

ทีมที่ดีต้องมีการสื่อสารที่เปิดกว้าง ตรงไปตรงมา และมีประสิทธิภาพ ทุกคนสามารถพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นที่ยากลำบากได้โดยไม่ต้องกลัวการตอบโต้

4. ความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน (Trust and Mutual Respect)

ทีมที่ดีต้องมีความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน สมาชิกในทีมเชื่อใจว่าทุกคนมีความสามารถและความตั้งใจที่จะทำงานให้สำเร็จ

5. ความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่าง (Diversity and Inclusion)

ทีมที่ดีต้องมีความหลากหลายของทักษะ ประสบการณ์ และมุมมอง และสร้างวัฒนธรรมที่ทุกคนรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของทีมอย่างแท้จริง

ทีมที่ดี ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่ถูกสร้างขึ้นด้วยความตั้งใจ

ในโลกแห่งการทำงาน การมีทีมที่ดีไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา แต่เป็นผลลัพธ์ของความพยายามและความตั้งใจ ทีมที่ดีไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ถูกสร้างขึ้นทีละก้าวด้วยความอดทนและความมุ่งมั่น

จำไว้ว่า “ทีมที่ดีอาจจะไม่ได้ชนะทุกครั้ง แต่พวกเขาไม่เคยแพ้ด้วยสาเหตุเดิมซ้ำสอง” เพราะพวกเขาเรียนรู้และพัฒนาอยู่เสมอ

ทีมที่ดีไม่ได้วัดกันที่ความสามารถของแต่ละคน แต่วัดที่ความสามารถในการทำงานร่วมกัน เหมือนวงดนตรีที่แม้แต่ละคนจะเล่นไม่เก่งที่สุด แต่เมื่อบรรเลงร่วมกัน กลับสร้างบทเพลงที่ไพเราะที่สุด