การเมืองไทย หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ

อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

โลกทรรศน์ | อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

 

การเมืองไทย

หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ

 

นี่ไม่ใช่การประเมินหรือให้คะแนนรัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้านต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร แต่อย่างใด

แต่เป็นความพยายามชี้ให้เห็นฉากทัศน์และการเมืองที่อาจเป็นไปได้ต่อจากนี้

 

ไม่ราบรื่น แต่ยากลำบาก

แม้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้แล้วดังคาด แต่ความไว้วางใจในรัฐสภาแตกต่างจากความยากลำบากที่รออยู่ข้างหน้า

เป็นเรื่องแปลกในขณะที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง คนของพรรคเพื่อไทยแท้ๆ ที่ยืนยันว่า เมื่อดูตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจทุกตัวแล้ว เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น

แต่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังซึ่งก็เป็นคนของพรรคเพื่อไทยแท้ๆ กลับบอกต่อสาธารณะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภาว่า เศรษฐกิจไทยไม่ดี อันเป็นไปในทิศทางเดียวกับประชาชนทั่วไป

ดังนั้น นี่เป็นช่วงเวลาเศรษฐกิจไทยแย่ จากข้อมูลของ ดร. Termsak Chalermpalananupap1 นักวิจัยอาวุโสคนสำคัญของ ISEAS ซึ่งเป็น Think Tank สำคัญของสิงคโปร์ อ้างข้อมูลทางการว่า เศรษฐกิจไทยปี ค.ศ.2024 GDP 2.5% เป็น GDP ต่ำที่สุดของกลุ่มประเทศอาเซียน

และนับจากวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2024 อันเป็นวันที่จัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยคุณแพทองธาร ชินวัตร มาถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2025 ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ไทย ลดลง 15.32%

นั่นคือ ตลาดหลักทรัพย์ไทยสูญเสียเป็นมูลค่า 2,296 พันล้านบาท หรือ 67.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อันนี้เท่ากับว่า มีผลกระทบทั้งคนธรรมดาทั่วไปและคนชั้นกลางพร้อมๆ กัน

ส่งผลต่อสถานะภาพของรัฐบาลโดยตรง

 

ในเวลาเดียวกันสิ่งที่แสดงถึงความไม่แน่นอนของรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยก็คือ นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลซึ่งออกมาตรการหลังจากผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจแทบจะทันที เพราะมีการนำร่างพระราชบัญญัติและการพิจารณาอนุมัติเรื่องสำคัญอันได้แก่

– พระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment complex

– การแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพนันออนไลน์

– การอนุมัติโครงการรถไฟเชื่อมต่อสนามบิน 3 สนามบินของกลุ่มบริษัทเครือโภคภัณฑ์ ทั้งนี้ ทั้ง 2 เรื่องมิได้มีความสำคัญเฉพาะด้านเศรษฐกิจเท่านั้น กล่าวคือ

พระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment complex เป็นที่รู้กันว่า โครงการนี้เป็นแนวคิดของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้เสนอหลายครั้งหลายหนทั้งในการปราศรัยและในวงเสวนา ซึ่งพยายามชี้ให้เห็นว่า โครงการนี้จะเป็นเรือธงในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย

คือรัฐบาลจะได้ทั้งภาษีจากโครงการ จะได้ค่าธรรมเนียมจากนักลงทุนซึ่งให้ความสนใจเข้ามาลงทุน เป็นการสร้างรายได้ให้กับบรรดารากหญ้าที่จะมีงานทำ

แล้วท่านยังชี้ให้เห็นว่า สถานบันเทิงครบวงจรจะชักนำให้คนไทยที่เป็นนักพนันออกไปเล่นพนันตามบ่อนบริเวณชายแดนและในประเทศเพื่อนบ้านของไทยกลับมาเล่นพนันที่จะตั้งขึ้น

ประเด็นเรื่องสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ คนต้นคิดและเหล่านางแบกทั้งหลายชอบอ้างว่า ประเทศเพื่อนบ้านล้วนมีบ่อนกาสิโนและเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้เจริญก้าวหน้า ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย

กัมพูชามีบ่อนมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สปป.ลาวก็มีบ่อนหลายแห่ง แต่ประเทศทั้งสองหามีเศรษฐกิจที่เจริญก้าวหน้าไม่ ชนชั้นนำอาจมีความมั่งคั่ง ร่ำรวย แต่ประชาชนทั่วไปก็ยังยากจน

อันนี้รวมถึงสิงคโปร์ที่ผู้นำไทยที่หนุนการมีบ่อนในบ้านเราชอบอ้าง

ความจริงคือ เศรษฐกิจของสิงคโปร์ที่พัฒนาและเจริญก้าวหน้าล้วนมาจากการผลิตเพื่อการส่งออก ล้วนมาจากภาคบริการ โดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางด้านการเงิน สิงคโปร์พัฒนาและลงทุนด้านเทคโนโลยี

รายได้จากบ่อนกาสิโนเป็นรายได้ส่วนหนึ่งซึ่งไม่มาก

แล้วผู้นำในรัฐบาลก็ลักไก่ ผลักดันการแก้ไขระเบียบของกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยพนันออนไลน์ ให้เป็นการพนันออนไลน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายขึ้นมา

การพนันทั้ง 2 กรณี ผู้เขียนไม่รู้ได้ว่า ผู้นำของรัฐบาลคนไหนจะได้รับผลประโยชน์สืบเนื่องจากนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในบ่อนทั้ง 2 ประเภทนี้ แต่ผลในทางการเมือง ผู้เขียนคาดว่ามีความเป็นไปได้สูง ด้วยเหตุที่เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีและของรัฐบาลเอง การเร่งผลักดันโครงการเกี่ยวกับบ่อนจึงถูกเร่งรัดโดยด่วน

โครงการนี้ก็แสดงว่า รัฐบาลอาจเกรงว่าจะไปไม่รอดจึงต้องรีบผลักดันโครงการ

 

ที่น่าสนใจ มีการอนุมัติเรื่องรถไฟเชื่อมต่อ 3 สนามบินของกลุ่มบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ ตรงนี้อาจเกี่ยวพันกับเรื่องทางเศรษฐกิจ

เพราะความจริงโครงการนี้รัฐบาลก่อนหน้านี้ได้อนุมัติให้กลุ่มบริษัทดังกล่าวบริหารโครงการเมื่อปี 2564 แล้ว และมีเรื่องกลุ่มบริษัทต้องจ่ายเงินที่เข้าบริหาร สถานีมักกะสันรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์เชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิมูลค่า 10,000 ล้านบาท

แต่การอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีล่าสุดเป็นการอนุมัติที่บริษัทขอผ่อนจ่ายเงิน 10,000 ล้านบาทเป็นเวลา 10 ปี

นั่นคือ ได้โครงการแล้ว ดำเนินการแล้ว ได้เงินแล้ว แต่ยังไม่จ่ายเงินสักบาทให้กับภาครัฐ มาตอนนี้ของรัฐบาลอนุมัติผ่อนจ่ายเงิน

ตรงนี้เป็นข้อน่าสังเกตถึงการสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างกลุ่มทุนกับนักการเมือง

 

ความขัดแย้งมีอยู่จริง

กับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

บ่อนทั้ง 2 ประเภทไม่ได้แสดงถึงความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเลย ไม่เกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ส่งเสริมการท่องเที่ยว รัฐบาลเก็บค่าต๋งอย่างเดียว ความไม่พอใจจากประชาชนที่ยากลำบากเรื่องทำมาหากินมีมาต่อเนื่อง ตลาดหุ้นก็ไม่ดี หนี้ครัวเรือนก็เพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยบั่นทอนความอยู่รอดของรัฐบาลยังมาจากการเมืองภายในรัฐบาลด้วย

พรรคภูมิใจไทยคุมกระทรวงมหาดไทย เท่ากับคุม 76 จังหวัดและการเมืองท้องถิ่น ซึ่งพรรคภูมิใจไทยก็พยายามเข้าไปกำกับการพนันทั้งเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์และบ่อนออนไลน์กับพรรคเพื่อไทยด้วย แต่เพื่อไทยก็ต้องการเอาคนของตัวดูแลและควบคุมกระทรวงมหาดไทย

นอกจากนั้น พรรคภูมิใจไทยยังคุมกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงที่มีงบประมาณมากเป็นอันดับ 2 รองจากกระทรวงการคลัง

เท่านั้นไม่พอ กระทรวงศึกษาธิการยังคุมโรงเรียนและครูทั่วประเทศ ที่สำคัญเสนาบดีกระทรวงศึกษายังเป็นน้องชายนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ของพรรคภูมิใจไทยอีกด้วย

ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง พรรคเพื่อไทยต้องการเอาแกนนำของพรรคภูมิใจไทยออกไปเสียจากกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญต่อการเลือกตั้งเพราะสัมพันธ์กับคนจำนวนมาก

และยังเป็นกระทรวงหลักที่เป็นฐานการเมืองแนวเดียวกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งย้อนไปในสมัยที่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐมนตรี เราจะเห็นการสร้างฐานมวลชนและคะแนนนิยมจากอาสาสมัครสาธารณสุข

 

สมการใหม่

พรรคเพื่อไทยมาถึงครึ่งทางปี 2568 ปรับเครื่องเตรียมเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยก็มาแรงเพราะเอาชนะได้ทุกสนามการเลือกตั้งที่ผ่านมา แล้วการเลือกตั้งใหม่ยังมีอีก 2 ปัจจัยสำคัญ2

1 เรื่อง 44 ส.ส.พรรคประชาชนได้ข้อยุติจากการตรวจสอบ

2 มีการดึง ส.ส.พรรคอื่นเข้าพรรค ตอนนี้พรรคกล้าธรรมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จึงกล้าแข็งและเนื้อหอม แล้ว ร.อ.ธรรมนัสยังใกล้ชิดกับนายทักษิณ ชินวัตร แล้วยังทำงานในดีลสำคัญภายหลังอีกด้วย

บ่อนทั้ง 2 ประเภทจึงสะท้อนเตรียมการกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

1″An Arduous No Confidence Debate Awaits Thai PM”, Perspective, ISEAS, Yusof Ishak Institute, Singapore, 24 March 2025.

2อุรชัย ศรแก้ว, เจาะข่าวย่อโลก, ไทยพีบีเอส 29 มีนาคม 2568.