จากไม่รู้ห้า รู้หก ถึงกี้กี้-ไอ้มดแดง มองต่างมุม ‘ฝ่ายค้าน-รัฐบาล’

บทความในประเทศ

 

จากไม่รู้ห้า รู้หก

ถึงกี้กี้-ไอ้มดแดง

มองต่างมุม ‘ฝ่ายค้าน-รัฐบาล’

 

เป็นไปตามคาดไม่มีอะไรพลิกล็อก สำหรับนายกฯ อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ที่เผชิญหน้ากับศึกซักฟอกครั้งแรกในชีวิตทางการเมือง หลังจากที่ประชุมสภาลงมติไว้วางใจให้เป็นนายกฯ ต่อไป ด้วยคะแนนเสียง 319 ต่อ 162 งดออกเสียง 7 เสียง

หลังจบศึกอภิปราย นายกฯ อิ๊งค์ เปิดใจว่า ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งคณะรัฐมนตรี ที่ได้ร่วมชี้แจงทุกประเด็น

ตลอดจน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ร่วมกระบวนการตรวจสอบเพื่อประโยชน์ของประเทศ ทุกคะแนนเสียง ทั้งสนับสนุน และเสียงไม่ไว้วางใจ จะเป็นพลังให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรี มุ่งมั่นทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป

แน่นอนว่าศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ อิ๊งค์ ตลอดทั้ง 2 วันที่ผ่านมา เต็มไปด้วยความเข้มข้น เพราะฝ่ายค้านจัดหนักจัดเต็มเปิดแผลโรยเกลือ แฉข้อมูลด้านมืดของรัฐบาลภายใต้แคมเปญ “ดีลแลกประเทศ”

ฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาชนเริ่มซักฟอกตั้งแต่ตอนเช้าแล้วลากยาวไปจนดึกดื่น ส.ส.ฝ่ายค้าน และรัฐบาล สลับสับเปลี่ยนกันอภิปราย และชี้แจงตอบโต้ตามประเด็นที่ถูกโจมตีอย่างดุเดือด

แม้ว่าครั้งนี้ฝ่ายค้านจะซักฟอกกันแบบมาราธอนข้ามวันข้ามคืนก็จริง แต่แฟนคลับหลายคนก็ยอมอดหลับอดนอน เพื่อรอดูไฮไลต์สำคัญ และข้อมูลเด็ดๆ ที่ฝ่ายค้านนำมาเปิดโปงในสภา

นอกจากนี้ ยังมีสีสันต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งการตอบคำถามของนายกฯ รวมไปถึงการลุกประท้วงตอบโต้กันไปมาระหว่าง ส.ส.ฝ่ายค้าน และรัฐบาล

จนกลายเป็นมีมในโลกออนไลน์ และกลายเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์ให้ผู้คนในสังคมพูดถึงกันเต็มบ้านเต็มเมือง

เริ่มจากกรณี “กี้กี้” ของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคประชาชน ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องตั๋ว PN หรือตั๋วสัญญาการใช้เงิน (Promissory Note)

โดยอ้างว่านายกฯ ละเมิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มีการสร้างหนี้ปลอม เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้สูงถึง 218.7 ล้านบาท

ร้อนถึงองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ต้องลุกขึ้นมาปกป้องกันพัลวัน นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นขอประท้วง ทำให้นายวิโรจน์กล่าวว่า “ร้องกี้กี้ก่อนได้ไหมครับ”

จากนั้นนางนุชนาถจึงพูดว่า “ท่านวิโรจน์ ไม่รู้สี่รู้แปด” นายวิโรจน์จึงย้อนถามว่าประท้วงตามสัญญาว่าจ้างข้อไหนดีกว่า นางนุชนาถจึงขอให้ถอนคำพูด นายวิโรจน์จึงตอบโต้ว่า “ก่อนที่จะถอน ขอให้ร้องกี้กี้สัก 2 ครั้งได้ไหมครับ”

นางนุชนาถจึงโต้แย้งว่า “ขอให้ถอนคำว่ากี้กี้ด้วย” นายวิโรจน์จึงกล่าวว่า “ได้ครับ ผมจะถอนคำว่ากี้กี้ด้วยครับจะได้นั่งลง” จากนั้นนางนุชนาถได้พูดในตอนท้ายว่า “ท่าน ส.ส.ไม่รู้สี่รู้แปดก็อย่างนี้แหละ”

ด้วยความที่นายวิโรจน์เป็นตัวตึงในสภา จึงโดน ส.ส.ฝั่งรัฐบาลเบรกเกมอย่างต่อเนื่อง จบจากนางนุชนาถก็มาเจอนายไชยวัฒนา ติณรัตน์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย สกัดอีกรอบ

นายไชยวัฒนาประท้วงคำว่า ทุจริตที่กล่าวหานายกฯ ขอให้ประธานที่ทำหน้าที่ในขณะนั้นคือ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ช่วยตักเตือนนายวิโรจน์ด้วย

จากนั้นจึงพูดว่า “ท่านวิโรจน์ ไหนบอกว่ามีลุงไม่มีเรา วันนี้อยู่กับลุงแล้วไม่ใช่หรือ จึงได้คะนองปาก เสียดสี ผมทนฟังตั้งนาน ตระบัดสัตย์หรือเปล่า” ทำให้นายวิโรจน์กล่าวโต้ตอบว่า “อยู่ดีๆ ก็ด่าตัวเอง จะร้องกี้กี้สัก 2-3 ครั้งได้ไหม”

เมื่อเหตุการณ์เริ่มบานปลาย นายพิเชษฐ์จึงถามนายวิโรจน์ว่า “กี้กี้แปลว่าอะไร ท่านวิโรจน์ลองแปลสิว่าแปลว่าอะไร บางทีก็เป็นคำที่ไม่ควรใช้ในสภา”

นายวิโรจน์จึงตอบประธานสภาว่า “เป็นคำปกติ ไม่ได้คำหยาบคาย แต่หากจะให้เล่าเดี๋ยวเล่าแล้วจะยาว” สุดท้ายนายพิเชษฐ์ได้ย้ำกับนายวิโรจน์ว่า “ถ้าไม่มีความหมายก็ไม่ควรใช้ ขอให้อภิปรายต่อเพื่อไม่ให้เสียเวลา”

 

หลังจากนั้นคำว่า “กี้กี้” ทำให้สภาวุ่นวายอีกครั้ง ในการอภิปรายประเด็นรัฐบาลส่งชาวอุยกูร์กลับจีน โดยในช่วงหนึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ซัดแรงถึงนายวิโรจน์ที่ใช้คำว่า “กี้กี้” กับ ส.ส.หญิง

นายภูมิธรรมย้ำว่า ไม่เคยใช้คำว่า “กี้กี้” ไปว่าสตรี เหมือนที่นายวิโรจน์พูด ซึ่งเป็นคำที่หยาบคาย หยาบโลน สกปรกที่สุด

ทำให้นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ และนายปกรณ์วุฒิ พิพัฒน์อุดมสกุล ต้องลุกขึ้นประท้วง และแนะนำให้รองนายกฯ ไปเปิดกูเกิลดูความหมายที่แท้จริงของคำว่า “กี้กี้”

ต่อมานายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ได้ไปเปิดดูในอินเตอร์เน็ตแล้ว จริงๆ คำว่า “กี้กี้” มีหลายความหมาย แต่ท่านจะรู้ว่านี่คือภาษาตากาล็อก หมายถึงอวัยวะเพศหญิง

ดังนั้น คนที่มีวุฒิภาวะจะอภิปรายเนื้อหาก็อภิปรายไป แต่อย่าเอาเรื่องอย่างนี้มาเสียดสี และไม่อยากให้ใช้คำสองแง่สองง่ามแบบนี้มาทำลายด้อยค่า

 

ขณะที่นายวิโรจน์ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Politics ข่าวบ้าน การเมือง พร้อมทั้งอธิบายที่มาของคำว่า “กี้กี้” เจ้าตัวระบุว่า ใครที่ได้ดูไอ้มดแดง V1 รุ่นฮอนโก ทาเคชิ

หรือคน Gen X ที่เคยติดตามช่อง 9 การ์ตูน ก็จะรู้จักเป็นอย่างดี “กี้กี้” คือลูกสมุน หรือลูกกระจ๊อกของขบวนการช็อกเกอร์

“กี้กี้ พวกนี้มันจะวิ่งมาเป็นกระสอบทราย เข้ามารองมือรองเท้าของไอ้มดแดง ก่อนที่ไอ้มดแดงจะไปไรเดอร์คิกใส่บอสที่เป็นปีศาจ ในสภาผมเจอกี้กี้เยอะ ดาหน้าเข้ามาพลีชีพเลย ไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองผิดชอบชั่วดีมาก่อน”

“เราก็เลยคิดเทียบกับบริบทที่ประท้วง ที่ไม่มีเนื้อหาสาระ มันก็เป็นเหมือนลูกสมุน หรือลูกกระจ๊อกที่ออกมาพลีชีพ ตบทีก็ตาย เตะทีก็เดี้ยง”

“แล้วในสภาก็ทำจริงๆ คนที่ประท้วงเขามีเนื้อหาสาระที่ไหน ถ้าเขาย้อนกลับไปฟังสิ่งที่เขาประท้วง เขาก็ยังอายตัวเอง” นายวิโรจน์กล่าว

 

ขณะเดียวกันอีกหนึ่งไฮไลต์ที่หลายคนพูดถึงคือวาทะของนายกฯ อิ๊งค์ ที่ลุกขึ้นมาตอบโต้เชิงเหน็บแนม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปมยืมนาฬิกาเพื่อนอย่างเจ็บแสบ

บิ๊กป้อมซึ่งปัจจุบันเป็นศัตรูทางการเมืองของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้โจมตีลูกสาวของ สทร. ในหลายประเด็น อาทิ ล้มเหลวในการบริหาร ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ไร้ฝีมือแก้ปัญหาปากท้อง เรื่อง MOU44 พาประเทศชาติไปสู่ความเสี่ยงที่จะสูญเสียดินแดนและทรัพยากรทางทะเลมูลค่ามหาศาล

ขณะที่นายกฯ ลุกขึ้นชี้แจงว่า “สำหรับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐพูดประมาณ 10 นาที ดูจากนาฬิกาของดิฉันเอง และจะบอกว่าที่ท่านสมาชิกอาวุโสพูดนั้นไม่เป็นความจริง”

ซึ่งก็ได้ใจกลุ่มคนรักทักษิณไปเต็มๆ

 

ปิดท้ายกันที่มุมมองของคอลัมนิสต์การเมืองชื่อดังอย่าง “ใบตองแห้ง” อธึกกิต แสวงสุข ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Politics ข่าวบ้าน การเมือง โดยสรุปภาพรวมของศึกซักฟอก พร้อมทั้งตัดเกรดฝ่ายค้านและรัฐบาล

นายอธึกกิตมองว่า ฝ่ายค้านอภิปรายความเป็น “นั่งร้าน” ที่พรรคเพื่อไทยรับช่วงต่อมาจากสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น้อยเกินไป อีกทั้งยังติดสำนวนลีลาเยอะไปหน่อย ขอตัดเกรดฝ่ายค้านไว้ที่ 7.5 คะแนน

“รัฐบาลบ้งจนไม่รู้ว่าจะให้คะแนนยังไง คำตอบของนายกฯ มันแถไป คุณตอบเรื่องเสียภาษีมากกว่า อย่างนี้มันติดลบ”

“นายกฯ บอกโรมว่าจะได้เข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนเข้าใจผิดบ้างว่ามันเป็นอย่างไร ตอบแบบนี้ได้เหรอ ตอบแบบนี้ไม่ควรเป็นนายกฯ นะ”

“เป้าของการอภิปรายไม่ใช่ชี้ว่าเพื่อไทยชั่วโกง ทักษิณเลวร้าย ส่วนสำคัญที่ใช้ในคำอภิปรายคือเป็นนั่งร้าน ต้องชี้ให้เห็นความเป็นนั่งร้าน ที่รับมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ แล้วรัฐบาลนี้แก้ปัญหาอะไรไม่ได้”

“คุณต้องชี้ให้เห็นถึงปัญหาของโครงสร้าง เพื่อไทยคือตัวที่มาเป็นนั่งร้านแล้วรับโครงสร้างนี้ น้ำหนักตรงนี้มันน้อยไปหน่อย”

“ส่วนที่มีปัญหาบ้างคือการใช้ภาษาถ้อยคำอะไรต่างๆ ฝ่ายที่เชียร์ส้มก็บ่นเรื่องนี้กันเยอะ คุณใช้วาทกรรมเยอะไป ติดสำนวนลีลาเยอะไปหน่อย”

“ทุกคนต้องพูดแบบวิโรจน์เหรอ มันไม่จำเป็นเลย บุคลิกคุณก็แตกต่างไป คุณต้องพูดอย่างไอซ์ (รักชนก ศรีนอก) เหรอ สไตล์ของคุณอาจจะเป็นอีกสไตล์ก็ได้ อันนี้พวกเดียวกันมันรู้สึก”

ใบตองแห้งกล่าวสรุปศึกซักฟอกครั้งนี้ไว้ได้อย่างน่าสนใจ