“นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ได้รับความไว้วางใจ | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน

“นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ได้รับความไว้วางใจ

 

จบไปแล้ว “ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล” ล็อกเป้ามุ่งกระแทกกลาง “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว โดยฝ่ายค้านยื่นซักฟอกเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ มีผู้ร่วมลงชื่อ 166 คน มี “นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำพรรคฝ่ายค้าน เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน

เปิดปฏิบัติการล่อกันนัว ตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ 24 มีนาคม “ฝ่ายค้าน” ได้คาบช่วงเวลาซักฟอก 28 ชั่วโมง รัฐบาลได้แก้ต่าง 7 ชั่วโมง และประธานสภา กรรมการกลาง 2 ชั่วโมง สะเด็ดน้ำลงตัวตามเวลาที่กำหนด กระทั่งเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 มีนาคม ที่ประชุมได้มีการลงมติแล้ว

ผลปรากฏว่า “เห็นชอบ” ไม่ไว้วางใจ 162 เสียง “ไม่เห็นชอบ” ไว้วางใจ 319 เสียง งดออกเสียง 7 ราย จากจำนวนผู้เข้าร่วมลงมติ 488 คน จึงถือว่า “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

ทีนี้เมื่อมีการแยกย่อยซอยยิก ไล่เช็กเสียงผู้ร่วมลงมติของแต่ละฟากฝั่งทั้งหมด พรรคประชาชนลงมติตามที่มาแสดงตนทั้งหมด ขณะที่ “พรรคพลังประชารัฐ” ลงมติเห็นชอบ ไม่ไว้วางใจ 19 คน กลายพันธุ์เป็น “งูเห่า” 1 คน คือ “น.ส.กาญจนา จังหวะ” จากชัยภูมิ แต่มีข่าวติดปลายนวมว่า มีมือดีแอบวางมัดจำอยู่อีก 9 ราย กวักมือเรียกเมื่อไหร่มาเมื่อนั้น

แต่ที่ทำเอาวงการฮือฮา ถ้วยถังกะลังมังไห มากกว่าใครเพื่อน คือ “ไทยสร้างไทย” ซึ่งร่วมลงชื่อในญัตติเปิดอภิปราย พบว่า ท่านผู้โดยสารพากันเช่าเหมาลำ และแลนดิ้งลงสนามบินสุวรรณภูมิ ร่วมวงไพบูลย์แปลงหลาวลง “หนองงูเห่า” จำนวน 5 คน ค้างอยู่บนยอดมะพร้าว 1 คน

ขณะที่เสียงลงมติ ไม่เห็นชอบคือไว้วางใจ “อุ๊งอิ๊ง” ในซีกส่วนของรัฐบาล แม้จะมีงูเห่ามาเพิ่ม แต่ก็มีที่หายไป ไม่มาร่วมลงมติ 3 ราย จาก 3 พรรคคือ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” เพื่อไทย “สุพล จุลใส” รวมไทยสร้างชาติ แจ้งลาป่วยอ้างอยู่โรงพยาบาล และ “อนุรักษ์ จุรีมาศ” ชาติไทยพัฒนา แจ้งลาป่วยอยู่โรงพยาบาล

“งดออกเสียง” 7 เสียง ได้แก่ “นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภา “นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” รองประธานสภาคนที่ 1 และ “นายภราดร ปริศนานันทกุล” รองประธานสภาคนที่ 2 โดยมารยาท กับ 4 รายแน่อยู่แล้ว “ซิกเนเจอร์ประชาธิปัตย์” ที่กอดคอกันแนบแน่น นำทีมโดย “นายหัวชวน หลีกภัย-ลุงบัญญัติ บรรทัดฐาน-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” และ “หลานลุง-สรรเพชญ บุญญามณี”

สรุปว่า ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติไว้วางใจ “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เสียงห่างกันมาก เกินกึ่งหนึ่งคือจำนวน 319 ต่อ 162 ได้ไปต่อสบายๆ แบบหน้าแดงแรงไม่ออก ผิวไม่ถลอก

 

ทีนี้ตามไปดู “ทัพสีส้ม” กับศึกซักฟอกครั้งนี้ ไม่อยากพูดว่า “ออกทะเล-ฟอร์มตก” ใช้คำว่า “น่าผิดหวัง” แทนก็แล้วกัน หากดูตามเนื้อหาของญัตติที่กล่าวหา “แพทองธาร” ทั้งขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ โกหก หลอกลวง บริหารผิดพลาด ล้มเหลวอย่างร้ายแรงทั้งในด้านการเมือง การปฏิรูปกองทัพ ความมั่นคง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ทำลายนิติรัฐ ทำลายระบอบประชาธิปไตย ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต คอร์รัปชั่น และอีกสารพัดข้อกล่าวหา

คาดกันในตอนแรกว่า “แพทองธาร” ต้องเลือดนอง เลือดสาด ไม่หามเข้าศาลาวัด ก็ส่งโรงพยาบาล แต่เอาเข้าจริงไม่เวิร์กตามเรือธงที่ระบุข่มขวัญไว้ในญัตติ “ดีลแลกประเทศ” ชาวบ้านพากันคาดหวังว่าจะมีของดี มีทีเด็ดในการซักฟอก กลับไม่มีอะไรแปลกใหม่ ข้อมูลไม่แน่นพอ จึงพากันผิดหวังกันตามๆ

ดังที่บอกไปก่อนเมื่อฉบับที่แล้วว่า ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ หัสเดิมเริ่มแรก “ฝ่ายค้าน” ที่นำโดย “พรรคประชาชน” ติดกระดุมเม็ดแรกผิด ที่ปรับแผนกลางอากาศ จากที่วางโผไว้เบื้องต้นซักฟอก 10 รัฐมนตรี แต่ต่อมาอ้างว่า “ข้อมูลรั่ว” เปลี่ยนมาเป็นล่อเป้า “อุ๊งอิ๊ง” เพียงคนเดียว

“แพทองธาร ชินวัตร” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 ยังเสมือนมือใหม่หัดขับ ข้อมูลเชิงลึก ความผิดพลาดเป็นที่ประจักษ์ยังไม่เกิด บาดแผลยังแลไม่เห็น

ข้อมูลที่แกนนำคนสำคัญ มือฉมังทั้งหลายนำมาทะลวงลำไส้ “นายกฯ อิ๊งค์” จึงไม่มีความเมามัน ส่วนใหญ่ไปหยิบยกความผิดค้างป่าช้ามาจากนายกรัฐมนตรีคนก่อน ย้อนอดีตไปสมัย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” บางปัญหาก็เมื่อครั้ง “นายเศรษฐา ทวีสิน” โดยเฉพาะกรณี “ป่วยทิพย์ชั้น 14” โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่ง “เพื่อไทย” คาดหวังเอาไว้แล้วว่า จะต้องโดน เลยเตรียมรับมือมาอย่างยอดเยี่ยม

ขณะที่ศึกซักฟอกครั้งนี้ “ขุลพลสีส้ม” ที่มีช็อตเด็ดอยู่บ้าง เป็นรายของ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่หยิบประเด็นนิติกรรมอำพราง ว่าด้วยการเลี่ยงภาษี ออกตั๋วพีเอ็นลวงให้ พี่ ป้า น้า อา แม่ สร้างหนี้ปลอมหนีภาษี ทำท่าจะโกยเรตติ้งเข้ากระเป๋าได้เป็นกอบเป็นกำ แต่กลับมาสะดุดขาตัวเอง ปากพาจน สวนผู้ประท้วงจากปีกเพื่อไทย โชว์ลีลา “เล่นท่ายาก” หยิบเอาเรื่องลูกสมุน ลูกกระจ๊อก ให้หยุด และพร้อมจะถอนคำพูดหาก “ร้องกี้กี้ “ออกมาก่อน

เลือกที่จะทะลึ่งโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ลมเลยเปลี่ยนทิศ กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญ หอบเอาผลงานที่อภิปรายประเด็นภาษี จมกระเบื้องหายไปต่อหน้าต่อตา

สรุปภาพโดยรวมของ “พรรคฝ่ายค้าน” โดยเฉพาะ “พรรคประชาชน” ที่เคยเลื่องลือชื่อ ไม่ว่าจะใช้หัวโขนอะไร ได้รับคำชมว่า ทั้งเก่ง ทั้งทันสมัย เป็นคนรุ่นใหม่ ที่สะท้อนผ่านมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา

แต่กับศึกซักฟอก “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ที่เปลี่ยนแผนกลางอากาศ “มุดเข้าถ้ำเสือ เพื่อจับลูกเสือเป็นตัวประกันหมายฆ่าพ่อเสือ แต่โดนลูกเสือไร้เดียงสา ขย้ำเอาแผลเหวอะหวะ”

เป็นบทเรียนราคาแพงของ “พรรคสีส้ม”

แต่งวดนี้กับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” มือตกมาก ไม่ผ่าน

เข้าถ้ำเสือเพื่อไปจับลูกเสือ ไร้เดียงสา