จดหมาย

จดหมาย | ประจำวันที่ 28 มีนาคม – 3 เมษายน 2568

 

 

• นอกสภา

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช โต้โผใหญ่ของวิกสยามรัฐ ท่านเคยกล่าวถ้อยคำทำนองนี้ สมัยเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่เมื่อหลายสิบปีมาแล้วว่า

“เมืองไทยของเราหากหยุดคอร์รัปชั่นได้ ถนนทุกสายสามารถที่จะปูด้วยทองคำได้”

ตอนนั้นสยามรัฐเป็นหนังสือการเมืองที่ประชาชนให้ความเชื่อถือ ศรัทธา และให้ความนิยมมากที่สุด

และรัฐบาลทุกรัฐบาลยังให้ความเกรงใจและรับฟังสิ่งที่สยามรัฐรายวันและสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ ให้ความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ เป็นแม่เหล็กใหญ่ของสยามรัฐที่ดึงดูดประชาชนให้มานิยมสยามรัฐมากขึ้น

ในคอลัมน์ข้อเขียนของท่าน ซึ่งมีสไตล์ล้อเลียน เสียดสี เหน็บแนมแกมประชด พร้อมด้วยอารมณ์ขัน เล่นเอารัฐบาลที่ถูกกล่าวถึงอยู่ไม่ค่อยจะเป็นสุขกันนัก ต้องบริหารประเทศอย่างระมัดระวัง ไม่งั้นจะโดนซือแป๋จวกเอาได้

ประโยชน์ของสื่อมวลชนที่มีต่อประชาชนและประเทศชาติก็นี่แหละครับ ถึงกับถูกเปรียบเทียบว่า เหมือนกับหมาเฝ้าบ้านกันเลยทีเดียว

คนหนุ่มสาวสมัยโน้น ที่มีใจรักชอบในอาชีพของงานหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นสื่อหลักที่สำคัญเพียงสื่อเดียว จึงปรารถนาและใฝ่ฝันเป็นอย่างยิ่งที่อยากจะมีโอกาสเข้าร่วมงานกับสยามรัฐ

หรืออย่างน้อยหากไม่ได้เข้าร่วมก็ขอให้มีผลงานได้รับการตีพิมพ์ ก็ถือว่าได้ผ่านสถาบันหลักที่มีอาจารย์หม่อมเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยสื่อลำดับต้นๆ ของประเทศมาแล้ว

 

อีตาปิยพงศ์ ก็เป็นคนหนึ่งช่วงนั้นเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม เหมือนสมันน้อย ที่ปุ่มเขาบนหัวเพิ่งจะโผล่ และก็เป็นแฟนประจำข้อเขียนของอาจารย์หม่อมและนายหมอดี (สมัคร สุนทรเวช) อย่างงอมแงม ติดตามอ่านข้อเขียนของทั้งสองท่านไม่เคยขาด

อ่านแล้วมันส์ไปถึงกึ๋น

อ่านไปอ่านมาก็เกิดคึก สมันน้อยบังอาจส่งภาพถ่ายล้อเลียน การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ไปให้บรรณาธิการ นพพร บุณยฤทธิ์ ก็ราวๆ ห้าสิบกว่าปีมาแล้ว

และก็ได้รับการตีพิมพ์หลายสิบครั้งในข่าวสังคมหน้า 4 มาตลอด

บางคราวก็เขียนบทความเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ไปลงในคอลัมน์ “ข้างวัด” ของคุณประสก (จำรัส ดวงธิสาร) บ่อยๆ

และที่สมันน้อยดีใจเป็นที่สุด คราวที่ได้มีโอกาสพบกับคุณนพพร บุณยฤทธิ์ และคุณประสก ท่านได้เมตตากล่าวให้กำลังใจ ว่าให้ส่งมาอีกนะ คนอ่านชอบกันมาก และก็คงจะเป็นเพราะเหตุนี้เอง จึงทำให้เขียนหนังสือในที่ต่างๆ ติดต่อกันมา

ไม่เคยหยุดร่วม 55 ปีแล้ว

 

หวนนึกไปถึงคำกล่าวของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อหลายสิบปีมาแล้วที่ว่า “หากหยุดคอร์รัปชั่นได้ ถนนทุกสายสามารถที่จะปูด้วยทองคำได้”

หวนนึกแล้วก็สะท้อนใจ

ทุกวันนี้นอกจากคอร์รัปชั่นจะไม่หมดไปแล้ว

ยังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกมากมาย

ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ก็ยิ่งห่างชั้นกันขึ้นทุกที

คนรวยซึ่งเปรียบเสมือนยอดพีระมิดมีเพียง 5 เปร์เซ็นต์

ส่วนคนจนซึ่งเสมือนฐานของพีระมิดมีกันถึง 95 เปอร์เซ็นต์

สื่อสิ่งพิมพ์หลัก แม้จะพยายามแล้วพยายามเล่า เพื่อจะแก้ปัญหาเหล่านี้ แต่ก็ไม่สำเร็จ

อีตาปิยพงศ์ก็เอากับเขาด้วย เขียนถึงเรื่องเหล่านี้ จนปากกากุดไปหลายด้าม แต่ก็เหลวเป๋ว

โชคดีที่วิทยาการสมัยใหม่โลกของโซเชียลมีเดีย สามารถที่จะนำเรื่องราวต่างๆ บอกกล่าวให้ประชาชนได้ทราบได้ดีกว่าสื่อสิ่งพิมพ์หลัก ซึ่งมีข้อจำกัดหลายๆ อย่าง

ทำให้เรื่องราวของการคอร์รัปชั่น ได้เผยแพร่ลึกและกว้าวขวางให้ชาวบ้านได้รู้ได้ทราบกันมากขึ้น

ขอยกตัวอย่างมาสักเรื่อง

เกี่ยวกับพวกจอมผูกขาดทั้งหลาย กับหน่วยงานของทางราชการ ทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน รวมถึงพรรคการเมืองต่างๆ ว่าพวกเขาร่วมมือกันกินบ้านกินเมืองกันอย่างไร

บางเรื่องที่เขานำมาเปิดเผยกันแล้ว ฟังแล้วขนพองสยองเกล้า

อย่างเช่น ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ เหล่าพ่อค้าจอมผูกขาด จะมีแมวมองสอดส่ายสายตาไปตามสายงานต่างๆ ว่ามีข้าราชการหน่วยงานไหนบ้าง ที่มีวี่แววว่าจะเจริญก้าวหน้า จะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆ อนาคตสดใส โอกาสได้บริหารประเทศ พวกเขาก็จะเลี้ยงต้อยพวกเหล่านี้ไว้

โดยจะจ่ายเงินเดือนประจำให้กันทุกๆ เดือนตลอดไป เพื่อหวังจะให้เกื้อกูลกับธุรกิจของพวกเขากันในโอกาสเมื่อได้เป็นใหญ่เป็นโต ในการบริหารประเทศชาติบ้านเมือง

ยิ่งหากมีการปฏิวัติรัฐประหาร พวกเขาก็จะสนับสนุนเงินก้อนใหญ่ให้เป็นทุนอยู่เบื้องหลัง

แล้วการตอบแทนก็ตามหลังได้ครองอำนาจ

อาทิ ต่อสัญญาสัมปทานระยะยาว

ราชการซื้อที่ดินด้วยราคามหาศาลจากผู้มีอำนาจ โดยมูลค่าที่ดิน มีมูลค่ามากกว่าราคาซื้อขายปกติมากมาย

เหนื่อยครับ คงไม่มากหรอกครับที่จะพูดว่า หากเป็นเช่นนี้กันต่อไปคงได้สิ้นชาติแน่

อย่างนายพลเหงียน เกา กี แห่งเวียดนามใต้ ที่ได้พ่ายแพ้แก่เวียดนามเหนือ แล้วลี้ภัยไปอยู่ในอเมริกา และได้เขียนหนังสือ “สิ้นชาติ” เตือนใจของพิษร้ายของคอร์รัปชั่น มะเร็งร้ายของชาติ เป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้

สวัสดีความเศร้าประเทศไทย

ปิยพงศ์ (เมืองหละปูน)ป.ล. รูปเก่าเล่าเรื่อง

ดารานำแสดง : ผลพวงของเหยื่อคอร์รัปชั่นรายหนึ่ง

โลเกชั่น : สี่แยก เอส.เอ.บี กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร

ตากล้อง : ปิยพงศ์ (เมืองหละปูน)

 

ถือเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นอกสภา”

ของภาคประชาชน

“ซักฟอก” ความไม่ชอบมาพากลของประเทศโดยรวม

จึงเปิดพื้นที่ให้เต็มที่

ไม่จำกัดเวลาและความยาว

รวมถึง ไม่มีเหล่าลูกไล่ มาคอยประท้วง “ปี้ปิยพงศ์”

ให้เสียจังหวะ-เสียสมาธิ

ด้วยเสียง กีกี้-กีกี้ แต่อย่างใด (ฮา) •