วงค์ ตาวัน : เพราะไม่ใช่ทาสที่ปล่อยไม่ไป

วงค์ ตาวัน

ม็อบคนอยากเลือกตั้ง ของเหล่านักศึกษาปัญญาชนรุ่นใหม่ ซึ่งจัดชุมนุมเป็นระยะๆ และเริ่มขยายวงไปยังสถาบันการศึกษาในต่างจังหวัด เพื่อทวงสัญญาวันเลือกตั้ง คัดค้านการเลื่อนวันเลือกตั้ง และต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. ถือเป็นภาพสะท้อนบรรยากาศของบ้านเมืองในยุคที่ คสช. ปกครองมาเกือบ 4 ปีได้เป็นอย่างดี

ทั้งไม่ใช่แค่กลุ่มปัญญาชนที่นัดชุมนุมดังกล่าวเท่านั้น แต่ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ปรารถนาการเลือกตั้ง ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน

ทั้งเรื่องความรู้สึกอึดอัดที่รัฐบาลจากการรัฐประหารปกครองประเทศยาวนานเกินไป ไม่ยอมคืนอำนาจให้ประชาชนเสียที

โรดแม็ปการเลือกตั้ง เลื่อนมาหลายหนแล้ว จนกระทั่งหนล่าสุดที่ประกาศไว้ว่าจะเป็นพฤศจิกายน 2561 ล่าสุดก็เลื่อนไปอีกแล้ว อาจจะประมาณต้นปี 2562 หรือมากกว่านั้นก็ยังไม่ชัดเจน

“ทั้งเหตุผลในเรื่องเศรษฐกิจการค้า เพราะตราบใดที่เรายังไม่เป็นประชาธิปไตยปกติ การค้าการลงทุนย่อมไม่ปกติตามไปด้วย”

กล่าวได้ว่า คนอยากเลือกตั้ง ไม่มีเพียงแค่คนที่ไปชุมนุมเรียกร้องเลือกตั้ง แต่ยังกระจายไปในหมู่คนอีกมาก

คนที่มองการเมืองในแนวทางก้าวหน้า

คนที่ยึดในหลักเสรีภาพของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่

“คนที่เชื่อว่า การเมืองจะพัฒนาก้าวหน้าได้ ต้องเปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เรียนรู้และยกระดับการเมืองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งจะถูกทิศทางและยั่งยืนกว่า”

ไม่ใช่ปล่อยให้คนเพียงกลุ่มเดียวเข้ามาควบคุมและประกาศว่าจะเป็นผู้พัฒนาการเมืองให้งอกงาม ขณะที่ประชาชนถูกสั่งให้รอเฉยๆ ห้ามยุ่งเกี่ยว เช่นในยุคปัจจุบัน

นักคิดนักวิชาการกล่าวเอาไว้ว่า การเลือกตั้งไม่ใช่ความต้องการของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่ความต้องการของนักการเมืองที่หิวโหย ไม่ใช่ความต้องการของคนคลั่งประชาธิปไตยคนคลั่งเลือกตั้งอะไรหรอก

“แต่การเลือกตั้ง คือ อนาคตของบ้านเมือง!”

ประเทศที่ไร้ประชาธิปไตยไม่มีการเลือกตั้ง จะขาดการเปิดกว้างทางเสรีภาพ ขาดการระดมความร่วมมือของคนส่วนใหญ่ และไม่ยอมรับของสังคมคนทั้งโลก

นับวันจะล้าหลังโดดเดี่ยวไร้การพัฒนาในทุกด้านและหมดสิ้นอนาคต

คนที่ไม่เห็นด้วยกับคนอยากเลือกตั้ง อาจจะมาจากแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมือง ที่เชื่อในแนวทางอนุรักษนิยมการเมืองแบบขวาจัด เห็นด้วยกับบ้านเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย มีอำนาจรัฐที่แข็งแกร่งควบคุมจนไม่มีการเคลื่อนไหววุ่นวายใดๆ

กับคนที่ได้ประโยชน์ไปกับการเมืองที่มาจากระบบแต่งตั้งโดยกลุ่มอำนาจคณะเดียว เช่น คนที่ได้ดิบได้ดีผ่านระบบการแต่งตั้งโดยกลุ่มอำนาจชั้นสูง

บางคนเคยเป็นฝ่ายซ้าย เป็นนักประชาธิปไตย ใฝ่หาเสรีภาพ แต่มาพบทางออกเฉพาะตัวในภายหลังว่า การอิงอยู่กับอำนาจขุนศึกขุนนาง ทำให้ชีวิตได้รับการยกระดับทางฐานะชนชั้นได้เปรียบได้ประโยชน์มากกว่า ดีกว่าการไปร่วมต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยความยากลำบากดังที่ผ่านมา

“เลยเกิดกลุ่มคนซ้ายที่พลิกตลบกลายเป็นขวา”

ส่วนกลุ่มอำนาจที่มาจากรัฐประหารนั้น แน่นอนว่าปรารถนาจะอยู่ในอำนาจยาวนานที่สุด ทั้งวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าว่า จะกลับมาอีกครั้งในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น หลังจากเปิดทางปูทางเอาไว้ทุกด้าน โดยเฉพาะการเปิดช่องนายกฯ จากคนนอก

“แต่วันนี้ เมื่อมีการประเมินแนวโน้มผลการเลือกตั้ง ก็เริ่มพบว่า แนวรบทางภาคอีสานและภาคเหนือนั้น สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง!”

ลงไปที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปรากฏการณ์ที่คะแนนเสียงส่วนใหญ่ของคนใน 3 จังหวัดไม่รับรัฐธรรมนูญ ในการลงประชามติเมื่อสิงหาคม 2559 นั้น

“บ่งบอกได้ว่า ผลการเลือกตั้งในพื้นที่ใต้สุด น่าจะออกมาอย่างไร!?”

เมื่อเร็วๆ นี้ อีสานโพล ของมหาวิทยาทางภาคอีสาน ทำผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนคนอีสานต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

ในหัวข้อจะเลือกพรรคการเมืองไหน เสียงส่วนใหญ่ยังเลือกเพื่อไทย ส่วนพรรคที่สนับสนุนนายกฯ คนนอก มีเสียงเห็นด้วยเพียงน้อยนิด

ในหัวข้อการจัดตั้งรัฐบาลผสม เสียงส่วนใหญ่สนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์จับมือกันเพื่อไม่เอานายกฯ จากคนนอก

ในหัวข้อจะเลือกนักการเมืองแบบไหน ก็ยังเลือกนักการเมืองที่มีประสบการณ์สูง เลือกนักธุรกิจที่มีประสบการณ์สูง มากกว่าจะเลือกนักการเมืองหน้าใหม่

“แนวโน้มเช่นนี้แล้ว ถือว่าน่าหนักใจสำหรับแผนการดันนายกฯ คนเดิมให้กลับมาเป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งในฐานะคนนอก”

มีการประเมินตัวเลขว่า พรรคการเมืองขั้วตรงข้ามกับ คสช. ยังมีโอกาสได้รับเลือกเข้ามาประมาณ 250 ที่

แม้ว่าพรรคดังกล่าวคงจะไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ และมีเสียงโหวตของ ส.ว. อีก 250 เสียง ช่วยให้นายกฯ คนนอกได้เข้ามาแน่

แต่จะไม่สามารถบริหารสภาผู้แทนฯ ที่พรรคขั้วตรงข้ามมีที่นั่งมากมายได้

“การผ่านงบประมาณ การโหวตกฎหมายต่างๆ ไปจนถึงการอภิปรายซักฟอกรัฐบาล จะเป็นปัญหาใหญ่อย่างมาก”

วันนี้เลยเริ่มมีคนไม่อยากเลือกตั้ง ออกมาตีโวหารประชาธิปไตยก็คือเผด็จการ ออกมาสร้างกระแสเลือกตั้งไปก็วนกลับไปแบบเดิมๆ อีก

โดยเหตุผลจริงๆ ก็คือ ฝ่ายพวกตัวเองมีแนวโน้มไม่ชนะเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนั่นเอง!

การเริ่มปรากฏตัวมากขึ้นของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังจากหลบหนีคดีจำนำข้าวออกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว รวมทั้งปรากฏตัวร่วมกับพี่ชาย อดีตนายกฯ ทักษิณ ในการควงคู่ออกเดินทางไปยังประเทศต่างๆ นอกจากจะแสดงให้เห็นว่า การทำทุกอย่างเพื่อให้ 2 คนนี้ต้องหลบหนีคดีออกไป

ไม่ได้สร้างความยากลำบากในแหล่งพำนักพักพิง รวมทั้งการเคลื่อนไหวท่องไปในโลกกว้าง

หมายจับที่ประสานไปยังตำรวจสากล และข้อเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ช่วยกันจับกุม 2 พี่น้อง 2 อดีตนายกฯ ที่หนีคดีนั้น

ไม่เคยได้รับความร่วมมือจากชาติใดในโลก

“เพราะทุกชาติมองว่าเป็นการลี้ภัยเพราะปัญหาทางการเมืองทั้งสิ้น คดีที่โดนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาญาเรื่องทุจริต ล้วนมีที่มาจากการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองอย่างลึกลับซับซ้อนเป็นสำคัญ”

จนกล่าวกันว่า 2 อดีตนายกฯ เป็นผู้มีอิสระเสรีไปไหนก็ได้ในโลกนี้ อย่างปลอดภัย ยกเว้นเพียงประเทศไทย

ส่วนกลุ่มอำนาจในไทยและภาพรวมของบ้านเรา ตราบใดที่ยังไม่มีประชาธิปไตยปกติ ก็คือ การปิดกั้นตัวเองให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว โดนโลกรังเกียจ

“เป็นภาพ 2 ด้านที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง!”

อาจจะกล่าวได้ว่า ความพยายามตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ของกลุ่มอำนาจเก่า ฝ่ายอนุรักษนิยมทางการเมือง เพื่อจะเข้าครองอำนาจรัฐแทนฝ่ายนักการเมืองและฝ่ายเสรีประชาธิปไตยนั้น ได้ทำให้ภาพรวมของประเทศเรา ยิ่งถดถอยล้าหลัง

“ความเจริญ การพัฒนาประเทศ สะดุดและเริ่มล้าหลังกว่าชาติอื่นๆ ในอาเซียน”

ทั้งการเข้ายึดครองอำนาจของฝ่ายขวาล้าหลัง ยังกระทำผ่านการรัฐประหารถึง 2 ครั้ง มีผลเป็นการยึดอำนาจการเมืองที่เคยอยู่ในมือประชาชนไปหมดสิ้น ทำให้อำนาจการเมืองไปอยู่ในมือคนคณะเดียวแทน ทำให้คนส่วนใหญ่ถูกปกครองโดยรัฐบาลคนหยิบมือเดียว

“ทาสที่ปล่อยไม่ไป” อาจพอใจกับสภาพที่ตนเองไม่ต้องมีอำนาจ ไม่ต้องมีส่วนร่วมใดๆ

“แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่ “ทาสที่ปล่อยไม่ไป” ก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้!”

เพราะสิทธิเสรีภาพทางการเมือง อำนาจทางการเมืองที่ต่อสู้กันจนได้มาตั้งแต่ยุค 14 ตุลาคม 2516 ไม่ควรต้องสูญเสียไปอีก

คนที่ไม่ใช่ “ทาสที่ปล่อยไม่ไป” จะเชื่อมั่นว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องมีส่วนร่วมทางการเมือง ต้องสามารถเข้ามากำหนดชะตากรรมของประเทศได้ ผ่านการเลือกตั้งและการกลับสู่ประชาธิปไตยปกติ

สำคัญสุดการเลือกตั้งคือวันประกาศความเสมอภาค ทั้งคนรวยล้นฟ้า คนจนติดดิน มี 1 เสียงเท่าเทียมกัน

คนที่ไม่ใช่ “ทาสที่ปล่อยไม่ไป” จึงปรารถนาในการเลือกตั้งอย่างยิ่ง!