ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 มีนาคม - 3 เมษายน 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | Cool Tech |
ผู้เขียน | จิตต์สุภา ฉิน |
เผยแพร่ |
Cool Tech | จิตต์สุภา ฉิน
Instagram : @sueching
Facebook.com/JitsupaChin
เขียนโค้ดโปรแกรมแบบ ‘ไวบ์ดีย์ๆ’
เมื่อไม่นานมานี้มีดราม่าที่เป็นที่ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนโดยเฉพาะในชุมชนนักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับประเด็นการใช้ AI มาช่วยเขียนโค้ดโดยที่ผู้ใช้งานไม่มีความจำเป็นต้องเข้าใจโค้ดบรรทัดนั้นๆ เลยด้วยซ้ำ แต่ก็สามารถใช้พร็อมพท์ให้ AI จัดการเขียนแทนให้ได้ ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าเราไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้ที่แข็งแรงในสาขาวิชาชีพที่เราทำอีกต่อไปแล้วหรือ
ประจวบเหมาะกับช่วงนี้มีคำคำหนึ่งที่กลายเป็นคำฮิตราวกับไฟลามทุ่งในแวดวงเทคโนโลยีก็คือคำว่า vibe coding
“อยากได้อะไรก็เสกขึ้นมา” น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ง่ายที่สุดของคำว่า vibe coding คำนี้เป็นคำเกิดใหม่ที่สร้างขึ้นโดยคุณ Andrej Karpathy ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI และเป็นอดีตผู้อำนวยการด้าน AI ของแบรนด์รถยนต์ Tesla ด้วย
เขาให้นิยามของ vibe coding ผ่านการทวีตเมื่อเร็วๆ มานี้ว่าเขาเขียนโปรแกรมใหม่ขึ้นมาโปรแกรมหนึ่งด้วยการแค่ “เห็นสิ่งที่อยากได้ พูดมันออกมา รันมัน ก๊อบปี้ แปะ แล้วมันก็ใช้งานได้จริง”
ความหมายก็คือแทนที่เขาจะสร้างโปรแกรมใหม่ด้วยการเขียนโค้ดเองทั้งหมด เขาแค่ใช้วิธี ‘พูดคุย’ กับผู้ช่วย AI เพื่ออธิบายสิ่งที่เขาต้องการ แล้วสั่งให้ AI เป็นคนลงมือทำให้ทั้งหมด
เพื่อให้เห็นภาพการทำ vibe coding ให้ชัดขึ้น คุณ Jose Antonio Lanz นักเขียนจากเว็บไซต์ decrypt.co ได้ลองใช้เทคนิคนี้ในการสั่งให้ AI เขียนโปรแกรมให้ซึ่งฉันคิดว่าทำให้เราเข้าใจคอนเซ็ปต์นี้ได้ดีเลยทีเดียว
คุณ Lanz เริ่มจากการตั้งโจทย์ว่าอยากเขียนเกมฝึกพิมพ์ดีดแบบที่จะมีคำโปรยปรายลงมาจากขอบบนของหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อให้เราพิมพ์ตาม เราต้องพิมพ์ให้ทันก่อนที่คำเหล่านั้นจะตกลงไปจนสุดขอบจอ
เขาเริ่มจากการเขียนพร็อมพท์บอก Claude AI ว่า “จงเขียนเกมที่สวยงาม ผ่อนคลาย เป็นเกมที่เราจะต้องพิมพ์คำศัพท์ตามโจทย์อย่างรวดเร็วเพื่อให้เราไม่ตาย คำเหล่านั้นจะร่วงหล่นลงมาจากข้างบน และแต่ละคำจะมีเอฟเฟ็กต์แบบค่อยๆ จางหายไปเมื่อเราเริ่มต้นพิมพ์”
ภายในเวลาไม่กี่นาที Claude ก็เขียนโค้ดเกมเสร็จ แต่เมื่อเขาลองรันดูก็พบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะไม่สามารถกดปุ่มเริ่มต้นได้ เขาจึงสั่งให้ Claude กลับไปแก้มาใหม่
เมื่อ Claude แก้มาเสร็จก็ยังรันไม่ได้อยู่ดี แต่แทนที่เขาจะลงมือแก้บั๊กด้วยตัวเอง เขากลับเลือกใช้วิธีบอก AI ว่า “ก็ยังไม่ได้อยู่ดี กดปุ่มแล้วเกมไม่เริ่ม” แล้วให้มันกลับไปแก้มาใหม่ซึ่งก็เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของ vibe coding คือเราไม่จำเป็นต้องลงมือเอง แค่สั่งให้ AI ทำตามฟีลลิ่งที่เราต้องการก็พอ
หลังจากแก้ไขกลับไปมากันอยู่พักหนึ่ง เกมพิมพ์ดีดก็สำเร็จเสร็จสิ้นออกมาเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจซึ่งเขาก็นำลิงก์มาโพสต์ให้คนทั่วไปได้ลองเล่น
ฉันเองก็กดเข้าไปเล่นแล้วก็รู้สึกประทับใจพอสมควรเพราะมันตอบโจทย์พื้นฐานของการฝึกพิมพ์ดีดได้แบบครบถ้วน
สิ่งที่คุณ Lanz ได้เรียนรู้จากการลองทำ vibe coding ในครั้งนี้คือการใช้ AI ช่วยเขียนโค้ดแบบนี้เหมาะมากสำหรับมือสมัครเล่นที่ไม่ได้มีความสามารถด้านการเขียนโค้ดที่สูงนัก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าโปรแกรมเมอร์เก่งๆ จะไม่ได้ประโยชน์เลย เพราะก็สามารถใช้วิธี vibe coding ในการช่วยขึ้นงานเป็นร่างหยาบๆ ให้ได้โดยไม่ต้องเริ่มเอง
เขาคิดว่าการจะทำ vibe coding ให้สำเร็จได้นั้นจะต้องอาศัยการค่อยๆ เกลาและให้ฟีดแบ็กที่ชัดเจนไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ อย่าให้โมเดล AI ทำทุกอย่างพร้อมกันทีเดียว แต่ก็ให้ข้อคิดไว้ว่าเราต้องตระหนักว่าการใช้ AI เขียนโค้ดแบบนี้ก็มีข้อจำกัดอยู่ อาจจะใช้งานได้ในระดับหนึ่งแต่คงไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเหมือนที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์มืออาชีพทำ
หากจะทำ vibe coding แบบชนิดที่เรียกว่า ‘ทำถึง’ ของจริง นอกจากจะใช้ภาษาธรรมชาติในการสั่ง AI เขียนโค้ดแล้ว ยังต้องมีพร็อพบางอย่างเพื่อช่วยเสริมความ ‘ไวบ์’ ได้อีกด้วย
ในคลิป vibe coding หลายๆ คลิปทั้งบน YouTube และ TikTok ก็จะเห็นว่าคนในคลิปจะเพิ่มมู้ดเพิ่มฟีลด้วยการใช้อุปกรณ์อย่างคีย์บอร์ด RGB ที่มีแสงหลายๆ สีเรืองรองออกมาจากใต้แป้นพิมพ์
ในขณะที่บางคนก็เลือกเปิดเพลงนุ่มๆ สร้างบรรยากาศ ซึ่งขัดกันกับภาพลักษณ์ของการเขียนโค้ดที่เราคิดมาโดยตลอดว่าจะต้องหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับตัวอักษรเป็นพรืดที่อยู่ตรงหน้า
แม้ว่าเทรนด์การเขียนโค้ดแบบนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้มือสมัครเล่นที่ไม่มีพื้นฐานหรือมีพื้นฐานในการเขียนโค้ดน้อยสามารถสร้างสรรค์โปรแกรมและปลดปล่อยไอเดียกับจินตนาการที่ตัวเองมีได้
แต่นักพัฒนาหลายคนก็ค่อนข้างกังวลว่า vibe coding จะส่งผลเสียต่อภาพรวมได้
สิ่งที่มืออาชีพเป็นห่วงก็คือการเขียนโค้ดวิธีนี้จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพต่ำ กับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจมาพร้อมโค้ดที่ AI เขียน
และยังมีความกังวลเรื่องทักษะ หากเราพึ่งพา AI ให้เขียนโค้ดแทนให้บ่อยๆ พื้นฐานทักษะของเราอาจจะค่อยๆ หดหายไปเรื่อยๆ
และแม้ว่า AI จะช่วยให้นักเขียนโค้ดมือใหม่เริ่มต้นและคืบหน้าไปได้เร็ว แต่ก็อาจจะทำให้ไม่ยอมเรียนรู้โครงสร้างระบบที่ใหญ่และสำคัญกว่านั้น
ดังนั้น วิธีการใช้ AI ช่วยเขียนโค้ดที่น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือใช้มันเป็นผู้ช่วยในการเขียน ไม่ได้ปล่อยหน้าที่ให้เป็นของมันแบบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยที่ตัวผู้ใช้งานเองก็ควรต้องมีพื้นฐานในการเขียนและแก้บั๊กด้วย
อย่างไรก็ตาม ฉันก็อยากทิ้งท้ายไว้ว่าที่ผ่านมาในอดีตเราได้เห็นโปรแกรม เห็นแอพพ์เกมแบบคอนเซ็ปต์ง่ายๆ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนแต่ดังเปรี้ยงปร้างกวาดเงินกันมาแล้วนักต่อนัก
ดังนั้น ถ้าหากเกิดปิ๊งไอเดียอะไรขึ้นมา อย่ามัวแต่รีรอ คว้าเครื่องมือที่ใช้งานได้และตอบโจทย์ในตอนนี้ทำให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก่อน แล้วค่อยๆ สร้างเสริมพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อให้เรารับมือกับสิ่งที่มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นได้
ดีกว่าปล่อยให้ไอเดียหายไปในอากาศ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022