ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 มีนาคม - 3 เมษายน 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | การเมืองวัฒนธรรม |
ผู้เขียน | เกษียร เตชะพีระ |
เผยแพร่ |
การเมืองวัฒนธรรม | เกษียร เตชะพีระ
สัญญาณเปลี่ยนระเบียบโลกใหม่
ผมตื่นเช้ามาวันที่ 1 มีนาคมศกนี้ เพื่อตื่นตาตื่นใจกับข่าวปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การทูตอเมริกัน หรือแม้แต่การทูตโลกหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
นั่นคือบุคคลระดับประมุขรัฐและผู้นำฝ่ายบริหารของสองประเทศตะโกนแข่งกัน (shouting match) อย่างดุเดือดในห้องทำงานกลางทำเนียบรัฐบาลต่อหน้าสื่อมวลชนโลก
ความสำคัญของปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนว่าท่าทีของอภิมหาอำนาจอเมริกาต่อสงครามรัสเซียรุกรานยูเครนพลิกกลับตาลปัตรไปอย่างไรเท่านั้น แต่มันยังเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระเบียบโลกกำลังเปลี่ยนไปใหม่พร้อมกับการขึ้นสู่อำนาจบริหารของทรัมป์กับพรรคพวกรอบสองด้วย
พวกเขาตะโกนใส่กันว่าอย่างไร? ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดคำต่อคำของวิวาทะตะโกนแข่งกันดังกล่าวบางตอน ดังที่ปรากฏในรายงานเว็บข่าวหนังสือพิมพ์ Le Monde ของฝรั่งเศส (https://lemde.fr/4h3Xh2U) :-

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ : คุณ (หมายถึงประธานาธิบดีเซเลนสกีแห่งยูเครน) อยากให้ผมพูดจาว่าร้ายปูตินแล้วคุณก็จะบอกว่า “ฮัลโหล วลาดิมีร์ (หมายถึงประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย) เราไปถึงไหนกันเรื่องข้อตกลงของเราน่ะ?” แต่เรื่องมันไม่เป็นอย่างนั้นนะครับ
ผมไม่ได้เข้าข้างปูติน ผมไม่ได้เข้าข้างใครเลย ผมเข้าข้างสหรัฐอเมริกาและประโยชน์สุขของโลก ผมเข้าข้างโลกนะว่างั้นเถอะ และผมอยากให้กรณีนี้มันจบๆ ไป… ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องของการเข้าข้างนะครับ ผมเข้าข้างโลก ผมอยากให้เรายุติกัน ผมเข้าข้างยุโรปน่ะแหละ
คุณอยากให้ผมแข็งกร้าวใช่ไหม? ผมจะแข็งกล้ากว่ามนุษย์คนไหนที่คุณเคยพบเห็นก็ย่อมได้ ผมจะแข็งกล้าขนาดนั้นก็ได้ แต่ถ้าแบบนั้นคุณก็จะไม่มีวันได้ข้อตกลงอะไรเลย มันเป็นอย่างนั้นแหละ
รองประธานาธิบดี เจ. ดี. แวนซ์ : สี่ปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาได้ประธานาธิบดีที่คอยออกหน้าแถลงข่าวและว่ากล่าววลาดิมีร์ ปูติน เสียๆ หายๆ แล้วปูตินก็รุกรานยูเครนและทำลายประเทศนั้นเสียหายไปมาก บางทีหนทางไปสู่สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองจึงน่าจะทำผ่านการทูตนะครับ เราได้ลองหนทางของ (อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ) โจ ไบเดน มาแล้ว โดยทุบอกอย่างเหี้ยมหาญและแสร้งว่าถ้อยคำของประธานาธิบดีสหรัฐนั้นสำคัญกว่าการกระทำของประธานาธิบดีสหรัฐ สิ่งที่ทำให้อเมริกาเป็นประเทศที่ดีคือการที่อเมริกายึดมั่นการทูต นั่นแหละครับคือสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังทำอยู่
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี : ปูตินได้ยึดครองพื้นที่ผืนใหญ่ของยูเครน ทางภาคตะวันออกบางส่วนและคาบสมุทรไครเมีย เขายึดครองมันไปเมื่อปี 2014 ตอนนั้นไม่มีใครหยุดยั้งเขา จากปี 2014 ถึง 2022 สถานการณ์ก็ยังเหมือนเดิม ผู้คนพากันล้มตายบริเวณเส้นบรรจบเขต ไม่มีใครหยุดเขาเลย คุณทราบไหมครับว่าเราได้พูดคุยกับเขาในฐานะประธานาธิบดีที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่เมื่อปี 2019 ผมลงนามในข้อตกลงกับเขา รวมทั้งมาครง (ประธานาธิบดีฝรั่งเศส) กับอังเกลา แมร์เคิล (อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนีตอนนั้น) ด้วย เราลงนามในข้อตกลงหยุดยิงกัน ใช่ครับ แต่แล้วหลังจากนั้น เขาก็ละเมิดการหยุดยิง เขาฆ่าฟันผู้คนแถมไม่ยอมแลกเปลี่ยนเชลยศึกด้วย การทูตประเภทไหนกันครับที่รอง เจ. ดี. กำลังพูดถึงเนี่ย? คุณหมายถึงอะไรหรือครับ?
แวนซ์ : ผมก็กำลังพูดถึงการทูตประเภทที่จะช่วยยุติการทำลายล้างประเทศของคุณไงครับ ท่านประธานาธิบดี ด้วยความเคารพ ผมคิดว่ามันเป็นการไม่แสดงความเคารพกันที่คุณมาที่ห้องทำงานรูปไข่แล้วพยายามนำเสนอคำถามนี้ต่อหน้าสื่ออเมริกัน ตอนนี้น่ะคุณกำลังบังคับทหารเกณฑ์ให้เข้าร่วมรบที่แนวหน้าเพราะคุณมีปัญหากำลังคน อันที่จริงคุณควรขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยซ้ำไปนะครับที่พยายามช่วยยุติความขัดแย้งนี้ให้น่ะ
เซเลนสกี : การที่คุณจะมาบอกว่าปัญหาของเราคืออะไรเนี่ย คุณเคยไปยูเครนบ้างไหมครับ?
แวนซ์ : ผมเคยไป…
เซเลนสกี : ก็เคยมาครั้งเดียว
แวนซ์ : ผมก็เฝ้ามองดูและตามข่าวอยู่นะ และผมรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ว่าคุณนำผู้คนเข้ามาแล้วพาพวกเขาทัวร์ โฆษณาชวนเชื่อ ท่านประธานาธิบดี คุณจะทักท้วงหรือครับว่าคุณมีปัญหาเอาคนเข้ากองทัพของคุณ? แล้วคุณคิดว่ามันเป็นการแสดงความเคารพกันไหมที่เข้ามาที่ห้องทำงานรูปไข่ของสหรัฐอเมริกาและกล่าวโจมตีรัฐบาลที่กำลังพยายามป้องกันไม่ให้ประเทศของคุณถูกทำลายน่ะ?
เซเลนสกี : แหมคำถามเยอะจังนะครับ ทุกคนก็มีปัญหากันทั้งนั้นแหละครับ แม้กระทั่งคุณด้วย แต่เผอิญคุณมีมหาสมุทรที่สวยงามคั่นอยู่ และคุณก็เลยไม่รู้สึกถึงมันตอนนี้ แต่ในอนาคตคุณจะรู้สึกถึงมันแน่ครับ หากพระเจ้าทรงโปรด คุณก็จะไม่ต้องมีสงคราม
ทรัมป์ : ไม่ต้องมาบอกเราหรอกว่าเราจะรู้สึกอย่างไร เรากำล้งพยายามแก้ปัญหาอยู่ตอนนี้ ไม่ต้องมาบอกเราว่าเราจะรู้สึกยังไง
เซเลนสกี : ผมไม่ได้กำลังบอกคุณนะครับ ผมกำลังตอบคำถามของเขาต่างหาก
ทรัมป์ : คุณไม่อยู่ในฐานะจะมาบงการว่าเราจะรู้สึกอย่างไร ผมจะบอกให้ว่าเราจะรู้สึกดียิ่งและเข้มแข็งยิ่งเลยทีเดียว คุณไม่อยู่ในฐานะที่ดีนักนะตอนนี้ คุณได้ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในฐานะที่ย่ำแย่ยิ่งเลยทีเดียว แล้วการณ์ก็กลับกลายเป็นว่าเขา (หมายถึงแวนซ์) พูดถูกเรื่องนี้ คือคุณไม่มีไพ่ในมือน่ะ
เซเลนสกี : ผมไม่เล่นไพ่นะครับ ผมจริงจังเรื่องนี้มากท่านประธานาธิบดี ผมน่ะเป็นประธานาธิบดีในยามสงครามนะครับ
ทรัมป์ : แต่คุณกำลังเล่นกับชีวิตของคนเป็นล้านๆ นะ คุณกำลังเล่นกับสงครามโลกครั้งที่สาม แล้วสิ่งที่คุณทำน่ะมันแสดงความไม่เคารพประเทศของเรานี้อย่างยิ่ง ซึ่งเราก็ได้สนับสนุนคุณมามากกว่าผู้คนมากหลายที่เคยบอกว่าพวกเขาควรจะทำอย่างนั้นเสียอีก
เซเลนสกี : ผมเคารพประเทศของท่านอย่างยิ่งครับ
แวนซ์ : คุณเคยกล่าวขอบคุณสักครั้งไหม?
เซเลนสกี : หลายครั้งเลยแหละครับ
แวนซ์ : ไม่ใช่ ผมหมายถึงในการประชุมรอบนี้น่ะ คุณได้กล่าวขอบคุณไหม? ได้เอ่ยถ้อยคำสำนึกบุญคุณแก่สหรัฐอเมริกาและแก่ท่านประธานาธิบดีผู้กำลังพยายามกอบกู้ประเทศของคุณบ้างไหม
ทรัมป์ : คุณไม่ชนะหรอก แต่โดยอาศัยเรา คุณมีโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะรอดไปได้
เซเลนสกี : เรากำลังยืนหยัดครับท่านประธานาธิบดี เรากำลังคงความเข้มแข็งไว้ นับแต่เริ่มสงคราม เราสู้โดยลำพังมาตลอด และเรารู้สึกสำนึกตื้นตัน ผมขอกล่าวขอบคุณไว้ ณ ที่นี้
ทรัมป์ : คุณไม่ได้สู้โดยลำพังหรอก โดยผ่านประธานาธิบดีโจ ไบเดน หน้าโง่เนี่ย เราได้ให้คุณไป 338 พันล้านดอลลาร์ (กล่าวย้ำตัวเลขหลายครั้ง) เราได้ให้ยุทโธปกรณ์แก่คุณ และคนของคุณก็กล้าหาญแหละนะ แต่พวกเขาต้องใช้ยุทโธปกรณ์ของเรา ถ้าไม่มียุทโธปกรณ์ของเราละก็ สงครามนี้มันคงจบลงไปแล้วในชั่วสองสัปดาห์
เซเลนสกี : ในชั่วสามวันครับ อย่างที่ผมได้ยินปูตินเขาว่า ในชั่วสามวัน
ทรัมป์ : มันคงจะยากมากเลยถ้าเราทำธุระกันต่อแบบนี้น่ะ
แวนซ์ : แค่พูดขอบคุณก็พอแล้ว
เซเลนสกี : ผมบอกประชาชนอเมริกันแบบนั้นบ่อยอยู่ครับ
แวนซ์ : เอาเป็นว่าเรายอมรับว่าเห็นไม่ตรงกันก็แล้วกัน แล้วค่อยไปถกเถียงข้อที่เห็นไม่ตรงกันเหล่านี้กันต่อ แทนที่จะมาสู้รบตบมือกันต่อหน้าสื่ออเมริกัน เวลาคุณผิดน่ะ เรารู้อยู่นะว่าคุณผิด
ทรัมป์ : แต่คุณเห็นมั้ย ผมคิดว่ามันดีสำหรับประชาชนอเมริกันที่จะเห็นว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นนะ ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องสำคัญมาก นั่นคือเหตุผลที่ทำไมผมปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซังมานานขนาดนี้ คุณควรรู้สึกสำนึกบุญคุณนะ คุณน่ะไม่มีไพ่ในมือ
เซเลนสกี : ผมสำนึกตื้นตันอยู่ครับ
ทรัมป์ : คุณถูกกลบฝังไปแล้วนะที่นั่นน่ะ คุณมีผู้คนล้มตาย ดูเอาเถอะ คุณน่ะขาดแคลนกำลังพล แล้วคุณก็บอกว่า “ผมไม่ต้องการหยุดยิง ผมจะไปแล้วล่ะ และผมต้องการไอ้นี่และต้องการไอ้นั่น” ผมจะบอกให้นะ ถ้าคุณตกลงหยุดยิงได้บัดเดี๋ยวนี้ คุณควรจะยอมรับมันเพื่อที่ว่ากระสุนจะได้หยุดปลิวว่อนและคนของคุณจะได้หยุดถูกฆ่าเสีย
เซเลนสกี : แน่นอนครับว่าเราต้องการยุติสงคราม
ทรัมป์ : แต่คุณบอกว่าคุณไม่ต้องการหยุดยิงไม่ใช่เหรอ?
เซเลนสกี : ด้วยข้อแม้ว่าต้องมีหลักประกันครับ
ทรัมป์ : ผมน่ะต้องการให้หยุดยิง เพราะคุณจะหยุดยิงได้เร็วกว่าบรรลุข้อตกลง
เซเลนสกี : ถามประชาชนของเราดีกว่าครับว่าพวกเขาคิดไงเรื่องหยุดยิง
ผู้สื่อข่าว : ถ้าหากรัสเซียละเมิดการหยุดยิงจะว่าไง?
ทรัมป์ : ถามอยู่ได้ว่าจะว่าไงถ้าเกิดอย่างนี้อย่างนั้น อ้าว ถ้าเกิดระเบิดตกใส่หัวคุณตอนนี้ล่ะจะว่าไง? ถ้าเกิดพวกเขาละเมิดข้อตกลงจะว่าไง? ผมไม่รู้หรอก พวกเขาละเมิดข้อตกลงกับไบเดนเพราะพวกเขาไม่เคารพนับถือไบเดน พวกเขาไม่เคารพนับถือโอบามา (หมายถึงอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา) แต่พวกเขาเคารพนับถือผมนะ
ทั้งหมดที่ผมบอกได้เป็นอย่างนี้ ปูตินอาจเคยละเมิดข้อตกลงกับโอบามาและบุช (หมายถึงอดีตประธานาธิบดีบุชผู้ลูก) และเขาอาจเคยละเมิดข้อตกลงกับไบเดน บางทีอาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ ผมไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาน่ะไม่ได้มาละเมิดข้อตกลงกับผม เขาต้องการทำความตกลงกันต่างหากตอนนี้
ฉะนั้น คุณทำความตกลงกันเสีย หรือไม่เราก็ถอนตัว เมื่อเราลงนามข้อตกลงนี้กันแล้ว คุณจะอยู่ในฐานะที่ดีขึ้นโข แต่ดูๆ แล้วคุณไม่ได้ทำตัวแบบสำนึกบุญคุณเอาเลย และนั่นน่ะไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ ผมพูดตรงๆ นั่นไม่ใช่เรื่องดี ผมคิดว่าเราได้เห็นมามากพอแล้ว มันคงจะเป็นที่ฮือฮากันใหญ่เลยแหละทางทีวี”
ท้ายที่สุด เซเลนสกีออกจากทำเนียบขาวมาโดยไม่ได้ตอบรับว่าจะลงนามในข้อตกลงหยุดยิงใดๆ และก็ไม่ได้เซ็นสัญญาอนุมัติให้อเมริกามาขุดค้นแร่ธาตุหายากในยูเครนอย่างที่ทรัมป์เรียกร้องต้องการด้วย
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022