ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 มีนาคม - 3 เมษายน 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ธุรกิจพอดีคำ |
ผู้เขียน | กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร |
เผยแพร่ |
ธุรกิจพอดีคำ | กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร
บริหารองค์กรแบบทีมกีฬา
: ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าความผูกพัน
คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมบางองค์กรถึงประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ในขณะที่บางองค์กรยังคงย่ำอยู่กับที่?
ทำไมบริษัทอย่าง Netflix ถึงสามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด แม้ในช่วงที่อุตสาหกรรมบันเทิงกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง?
คำตอบอาจอยู่ที่แนวคิดการบริหารองค์กรแบบ “ทีมกีฬา” ไม่ใช่ “ครอบครัว”
“เรามีความสัมพันธ์แบบทีมกีฬา ไม่ใช่ครอบครัว” – นี่คือหนึ่งในคำกล่าวที่โดดเด่นที่สุดในเอกสารวัฒนธรรมองค์กรของ Netflix ที่กลายเป็นตำนานในวงการธุรกิจ
ในวัฒนธรรมองค์กรแบบดั้งเดิมของไทย เรามักจะได้ยินผู้บริหารพูดว่า “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน” แนวคิดนี้ฟังดูอบอุ่น น่าประทับใจ แต่จริงๆ แล้วอาจเป็นอันตรายต่อการเติบโตขององค์กรในระยะยาว
ครอบครัวคือกลุ่มคนที่รักและยอมรับกันโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าคุณจะทำอะไรผิดพลาด คุณก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่องค์กรธุรกิจไม่สามารถดำเนินไปได้ด้วยหลักการเดียวกัน
ในทีมกีฬาระดับมืออาชีพ :
– นักกีฬาทุกคนต้องมีความสามารถสูง
– ผลงานถูกวัดและประเมินอย่างต่อเนื่อง
– ผู้เล่นที่ไม่สามารถรักษามาตรฐานได้จะถูกเปลี่ยนตัว
– ทีมงานทุกคนมุ่งเน้นเป้าหมายเดียวกัน : การชนะ
เปรียบเทียบกับองค์กรแบบครอบครัว ที่มักจะอดทนกับพนักงานที่มีผลงานต่ำกว่ามาตรฐานเพียงเพราะเขาอยู่มานาน หรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับผู้บริหาร
Netflix กับวัฒนธรรม “Keeper Test”
Netflix มีแนวคิดที่เรียกว่า “Keeper Test” โดยผู้จัดการจะถามตัวเองว่า : “ถ้าพนักงานคนนี้บอกว่าเขากำลังจะลาออกไปทำงานที่อื่น ฉันจะพยายามโน้มน้าวให้เขาอยู่ต่อหรือไม่?” ถ้าคำตอบคือ “ไม่” นั่นหมายความว่าถึงเวลาที่จะต้องให้พนักงานคนนั้นออกจากองค์กร
Netflix ชดเชยด้วยการจ่ายเงินเดือนที่สูงกว่าตลาด และมีนโยบายจ่ายเงินชดเชยที่เป็นธรรมเมื่อต้องให้พนักงานออก ไม่ใช่การ “ไล่ออก” แบบไร้ความรับผิดชอบ แต่เป็นการยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับองค์กรควรดำเนินไปตราบเท่าที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน
Patty McCord อดีต Chief Talent Officer ของ Netflix เคยกล่าวว่า
“การให้พนักงานออกไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นการยอมรับว่าความต้องการขององค์กรและทักษะของ
ในสังคมไทยที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ และหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง การนำแนวคิด “ทีมกีฬา” มาใช้อาจมีความท้าทายหลายประการ :
1. การหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
วัฒนธรรมไทยมักหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและความขัดแย้งโดยตรง ผู้บริหารมักลังเลที่จะให้ข้อมูลป้อนกลับเชิงลบแก่พนักงาน หรือให้พนักงานที่มีผลงานไม่ดีออกจากองค์กร
การแก้ไข : สร้างวัฒนธรรมการให้ข้อมูลป้อนกลับที่ตรงไปตรงมาแต่สร้างสรรค์ โดยเน้นที่พฤติกรรมและผลงาน ไม่ใช่ตัวบุคคล
2. ความอาวุโสและลำดับชั้น
สังคมไทยให้ความสำคัญกับความอาวุโสและลำดับชั้น ซึ่งอาจขัดแย้งกับแนวคิดทีมกีฬาที่เน้นผลงานมากกว่าอายุงานหรือตำแหน่ง
การแก้ไข : แยกความอาวุโสออกจากผลงานอย่างชัดเจน ให้เกียรติผู้อาวุโสแต่ไม่ใช้อายุงานเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจทางธุรกิจ
3. ความสัมพันธ์ส่วนตัวในที่ทำงาน
คนไทยมักให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ส่วนตัวในที่ทำงาน ซึ่งอาจทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจถูกบิดเบือนด้วยอารมณ์และความรู้สึก
การแก้ไข : สร้างวัฒนธรรมที่แยกความสัมพันธ์ส่วนตัวออกจากการตัดสินใจทางธุรกิจ ใช้ระบบการประเมินผลงานที่โปร่งใสและเป็นธรรม
องค์กรไทยที่ต้องการนำแนวคิดทีมกีฬามาใช้ ควรพิจารณากลยุทธ์ต่อไปนี้ :
1. สร้างความโปร่งใสและความชัดเจน
สื่อสารอย่างชัดเจนว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงนี้จึงสำคัญ และจะส่งผลกระทบต่อพนักงานอย่างไร ความโปร่งใสจะช่วยลดความวิตกกังวลและสร้างความไว้วางใจ
2. พัฒนาระบบประเมินผลงานที่เป็นธรรมและโปร่งใส
พัฒนาระบบที่วัดผลงานอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับความรู้สึกหรือความชอบส่วนตัวของผู้บริหาร
3. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร
ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร เพื่อให้พนักงานสามารถปรับปรุงผลงานของตนเองได้ ไม่ใช่แค่ “ใช้แล้วทิ้ง”
4. สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางจิตใจ
สร้างสภาพแวดล้อมที่พนักงานรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็น ทดลองสิ่งใหม่ๆ และแม้แต่ล้มเหลวโดยไม่ถูกลงโทษอย่างรุนแรง
5. จ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและแข่งขันได้
ถ้าองค์กรคาดหวังผลงานระดับสูง ก็ควรจ่ายค่าตอบแทนที่สอดคล้องกับความคาดหวังนั้น
บทบาทของผู้นำในการสร้างวัฒนธรรมทีมกีฬา
ผู้นำมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างและรักษาวัฒนธรรมทีมกีฬาในองค์กร :
1. เป็นแบบอย่างของการมุ่งเน้นผลลัพธ์
ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างของการมุ่งเน้นผลลัพธ์ ไม่ใช่แค่พูด แต่ต้องแสดงให้เห็นผ่านการกระทำและการตัดสินใจ
2. ให้ข้อมูลป้อนกลับที่ตรงไปตรงมาแต่สร้างสรรค์
ผู้นำต้องฝึกฝนทักษะการให้ข้อมูลป้อนกลับที่ตรงไปตรงมาแต่สร้างสรรค์ เน้นที่พฤติกรรมและผลงาน ไม่ใช่ตัวบุคคล
3. มีความกล้าหาญในการตัดสินใจที่ยาก
วัฒนธรรมทีมกีฬาต้องการผู้นำที่กล้าตัดสินใจในเรื่องยาก โดยเฉพาะการจัดการกับพนักงานที่มีผลงานไม่ดี
4. สร้างความเป็นธรรมและความเสมอภาค
ผู้นำต้องหลีกเลี่ยงการเล่นพรรคเล่นพวก และต้องสร้างระบบที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการแสดงความสามารถ
การบริหารองค์กรแบบทีมกีฬาไม่ได้หมายความว่าต้องโหดร้ายหรือไร้มนุษยธรรม แต่หมายถึงการมีความชัดเจนในความคาดหวัง การให้ข้อมูลป้อนกลับที่ตรงไปตรงมา และกล้าตัดสินใจที่ยากเมื่อจำเป็น
องค์กรที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ไม่ใช่องค์กรที่พยายามทำให้ทุกคนมีความสุขตลอดเวลา แต่เป็นองค์กรที่สร้างสภาพแวดล้อมที่คนเก่งสามารถเติบโตและสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้ และไม่ลังเลที่จะจัดการกับคนที่ไม่สามารถรักษามาตรฐานได้
ถ้าคุณกำลังนำองค์กร จงถามตัวเองว่า : คุณต้องการให้องค์กรของคุณเป็นเหมือนทีมฟุตบอลที่ชนะเลิศรายการใหญ่ หรือเป็นเหมือนงานรวมญาติที่ทุกคนมีความสุขแต่ไม่มีใครประสบความสำเร็จ?
เส้นทางสู่ความสำเร็จในโลกธุรกิจที่แข่งขันสูงวันนี้ต้องการมากกว่าความสัมพันธ์ที่ดีและความรู้สึกอบอุ่น มันต้องการความกล้าหาญที่จะสร้างวัฒนธรรมที่เน้นผลงานและความเป็นเลิศ
เพราะสุดท้ายแล้ว แชมป์ไม่ได้มาจากการดูแลกันไปเรื่อยๆ แต่มาจากความมุ่งมั่นที่จะเป็นที่หนึ่ง และความกล้าที่จะทำทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022