บริหารองค์กรแบบทีมกีฬา : ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าความผูกพัน

กวีวุฒิ เต็มภูวภัทรfacebook.com/eightandahalfsentences

ธุรกิจพอดีคำ | กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร

 

บริหารองค์กรแบบทีมกีฬา

: ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าความผูกพัน

 

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมบางองค์กรถึงประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ในขณะที่บางองค์กรยังคงย่ำอยู่กับที่?

ทำไมบริษัทอย่าง Netflix ถึงสามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด แม้ในช่วงที่อุตสาหกรรมบันเทิงกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง?

คำตอบอาจอยู่ที่แนวคิดการบริหารองค์กรแบบ “ทีมกีฬา” ไม่ใช่ “ครอบครัว”

“เรามีความสัมพันธ์แบบทีมกีฬา ไม่ใช่ครอบครัว” – นี่คือหนึ่งในคำกล่าวที่โดดเด่นที่สุดในเอกสารวัฒนธรรมองค์กรของ Netflix ที่กลายเป็นตำนานในวงการธุรกิจ

ในวัฒนธรรมองค์กรแบบดั้งเดิมของไทย เรามักจะได้ยินผู้บริหารพูดว่า “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน” แนวคิดนี้ฟังดูอบอุ่น น่าประทับใจ แต่จริงๆ แล้วอาจเป็นอันตรายต่อการเติบโตขององค์กรในระยะยาว

ครอบครัวคือกลุ่มคนที่รักและยอมรับกันโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าคุณจะทำอะไรผิดพลาด คุณก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่องค์กรธุรกิจไม่สามารถดำเนินไปได้ด้วยหลักการเดียวกัน

ในทีมกีฬาระดับมืออาชีพ :

– นักกีฬาทุกคนต้องมีความสามารถสูง

– ผลงานถูกวัดและประเมินอย่างต่อเนื่อง

– ผู้เล่นที่ไม่สามารถรักษามาตรฐานได้จะถูกเปลี่ยนตัว

– ทีมงานทุกคนมุ่งเน้นเป้าหมายเดียวกัน : การชนะ

เปรียบเทียบกับองค์กรแบบครอบครัว ที่มักจะอดทนกับพนักงานที่มีผลงานต่ำกว่ามาตรฐานเพียงเพราะเขาอยู่มานาน หรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับผู้บริหาร

Netflix กับวัฒนธรรม “Keeper Test”

 

Netflix มีแนวคิดที่เรียกว่า “Keeper Test” โดยผู้จัดการจะถามตัวเองว่า : “ถ้าพนักงานคนนี้บอกว่าเขากำลังจะลาออกไปทำงานที่อื่น ฉันจะพยายามโน้มน้าวให้เขาอยู่ต่อหรือไม่?” ถ้าคำตอบคือ “ไม่” นั่นหมายความว่าถึงเวลาที่จะต้องให้พนักงานคนนั้นออกจากองค์กร

Netflix ชดเชยด้วยการจ่ายเงินเดือนที่สูงกว่าตลาด และมีนโยบายจ่ายเงินชดเชยที่เป็นธรรมเมื่อต้องให้พนักงานออก ไม่ใช่การ “ไล่ออก” แบบไร้ความรับผิดชอบ แต่เป็นการยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับองค์กรควรดำเนินไปตราบเท่าที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน

Patty McCord อดีต Chief Talent Officer ของ Netflix เคยกล่าวว่า

“การให้พนักงานออกไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นการยอมรับว่าความต้องการขององค์กรและทักษะของ

 

ในสังคมไทยที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ และหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง การนำแนวคิด “ทีมกีฬา” มาใช้อาจมีความท้าทายหลายประการ :

1. การหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง

วัฒนธรรมไทยมักหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและความขัดแย้งโดยตรง ผู้บริหารมักลังเลที่จะให้ข้อมูลป้อนกลับเชิงลบแก่พนักงาน หรือให้พนักงานที่มีผลงานไม่ดีออกจากองค์กร

การแก้ไข : สร้างวัฒนธรรมการให้ข้อมูลป้อนกลับที่ตรงไปตรงมาแต่สร้างสรรค์ โดยเน้นที่พฤติกรรมและผลงาน ไม่ใช่ตัวบุคคล

2. ความอาวุโสและลำดับชั้น

สังคมไทยให้ความสำคัญกับความอาวุโสและลำดับชั้น ซึ่งอาจขัดแย้งกับแนวคิดทีมกีฬาที่เน้นผลงานมากกว่าอายุงานหรือตำแหน่ง

การแก้ไข : แยกความอาวุโสออกจากผลงานอย่างชัดเจน ให้เกียรติผู้อาวุโสแต่ไม่ใช้อายุงานเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจทางธุรกิจ

3. ความสัมพันธ์ส่วนตัวในที่ทำงาน

คนไทยมักให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ส่วนตัวในที่ทำงาน ซึ่งอาจทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจถูกบิดเบือนด้วยอารมณ์และความรู้สึก

การแก้ไข : สร้างวัฒนธรรมที่แยกความสัมพันธ์ส่วนตัวออกจากการตัดสินใจทางธุรกิจ ใช้ระบบการประเมินผลงานที่โปร่งใสและเป็นธรรม

 

องค์กรไทยที่ต้องการนำแนวคิดทีมกีฬามาใช้ ควรพิจารณากลยุทธ์ต่อไปนี้ :

1. สร้างความโปร่งใสและความชัดเจน

สื่อสารอย่างชัดเจนว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงนี้จึงสำคัญ และจะส่งผลกระทบต่อพนักงานอย่างไร ความโปร่งใสจะช่วยลดความวิตกกังวลและสร้างความไว้วางใจ

2. พัฒนาระบบประเมินผลงานที่เป็นธรรมและโปร่งใส

พัฒนาระบบที่วัดผลงานอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับความรู้สึกหรือความชอบส่วนตัวของผู้บริหาร

3. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร

ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร เพื่อให้พนักงานสามารถปรับปรุงผลงานของตนเองได้ ไม่ใช่แค่ “ใช้แล้วทิ้ง”

4. สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางจิตใจ

สร้างสภาพแวดล้อมที่พนักงานรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็น ทดลองสิ่งใหม่ๆ และแม้แต่ล้มเหลวโดยไม่ถูกลงโทษอย่างรุนแรง

5. จ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและแข่งขันได้

ถ้าองค์กรคาดหวังผลงานระดับสูง ก็ควรจ่ายค่าตอบแทนที่สอดคล้องกับความคาดหวังนั้น

บทบาทของผู้นำในการสร้างวัฒนธรรมทีมกีฬา

 

ผู้นำมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างและรักษาวัฒนธรรมทีมกีฬาในองค์กร :

1. เป็นแบบอย่างของการมุ่งเน้นผลลัพธ์

ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างของการมุ่งเน้นผลลัพธ์ ไม่ใช่แค่พูด แต่ต้องแสดงให้เห็นผ่านการกระทำและการตัดสินใจ

2. ให้ข้อมูลป้อนกลับที่ตรงไปตรงมาแต่สร้างสรรค์

ผู้นำต้องฝึกฝนทักษะการให้ข้อมูลป้อนกลับที่ตรงไปตรงมาแต่สร้างสรรค์ เน้นที่พฤติกรรมและผลงาน ไม่ใช่ตัวบุคคล

3. มีความกล้าหาญในการตัดสินใจที่ยาก

วัฒนธรรมทีมกีฬาต้องการผู้นำที่กล้าตัดสินใจในเรื่องยาก โดยเฉพาะการจัดการกับพนักงานที่มีผลงานไม่ดี

4. สร้างความเป็นธรรมและความเสมอภาค

ผู้นำต้องหลีกเลี่ยงการเล่นพรรคเล่นพวก และต้องสร้างระบบที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการแสดงความสามารถ

 

การบริหารองค์กรแบบทีมกีฬาไม่ได้หมายความว่าต้องโหดร้ายหรือไร้มนุษยธรรม แต่หมายถึงการมีความชัดเจนในความคาดหวัง การให้ข้อมูลป้อนกลับที่ตรงไปตรงมา และกล้าตัดสินใจที่ยากเมื่อจำเป็น

องค์กรที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ไม่ใช่องค์กรที่พยายามทำให้ทุกคนมีความสุขตลอดเวลา แต่เป็นองค์กรที่สร้างสภาพแวดล้อมที่คนเก่งสามารถเติบโตและสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้ และไม่ลังเลที่จะจัดการกับคนที่ไม่สามารถรักษามาตรฐานได้

ถ้าคุณกำลังนำองค์กร จงถามตัวเองว่า : คุณต้องการให้องค์กรของคุณเป็นเหมือนทีมฟุตบอลที่ชนะเลิศรายการใหญ่ หรือเป็นเหมือนงานรวมญาติที่ทุกคนมีความสุขแต่ไม่มีใครประสบความสำเร็จ?

เส้นทางสู่ความสำเร็จในโลกธุรกิจที่แข่งขันสูงวันนี้ต้องการมากกว่าความสัมพันธ์ที่ดีและความรู้สึกอบอุ่น มันต้องการความกล้าหาญที่จะสร้างวัฒนธรรมที่เน้นผลงานและความเป็นเลิศ

เพราะสุดท้ายแล้ว แชมป์ไม่ได้มาจากการดูแลกันไปเรื่อยๆ แต่มาจากความมุ่งมั่นที่จะเป็นที่หนึ่ง และความกล้าที่จะทำทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น