ความเสี่ยงทางการเมือง ที่กำลังเพิ่มขึ้นของรัฐบาล

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

บทความพิเศษ | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

https://www.facebook.com/sirote.klampaiboon/

 

ความเสี่ยงทางการเมือง

ที่กำลังเพิ่มขึ้นของรัฐบาล

 

หลังจากเปิดศึกโจมตีนิด้าโพลว่าไม่แม่นเพราะแทบไม่เคยรายงานว่าพรรคเพื่อไทยคะแนนนิยมสูงกว่าพรรคประชาชนเลย เดือนมีนาคมที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้นอร์ทกรุงเทพโพลเป็นเสาหลักยืนยันความนิยมต่อรัฐบาลไปแลัว เพราะเป็นโพลเดียวที่บอกว่ารัฐบาลเพื่อไทยคะแนนดีกว่าฝ่ายค้านและพรรคประชาชน

ใครน่าเชื่อถือกว่ากันระหว่างนิด้าโพลกับนอร์ทกรุงเทพโพลเป็นเรื่องที่ทุกคนตอบได้ด้วยตัวเอง

แต่ถ้าเอาคำถามนี้ไปถามโฆษกรัฐบาลและคุณแพทองธาร ชินวัตร คำตอบคือนอร์ทกรุงเทพโพลน่าเชื่อถือกว่าจนรัฐบาลอ้างไปทั่ว ถึงจะมีคนวิจารณ์ว่านอร์ทกรุงเทพโพลในรัฐบาลนี้คล้ายซูเปอร์โพลในรัฐบาลประยุทธ์ก็ตาม

ผมเชื่ออย่างแรงกล้าว่ารัฐบาลรู้เท่าคนไทยทุกคนรู้ว่าโพลไหนอ้างได้ และโพลไหนอ้างแล้วคนจะหัวเราะ แต่การอ้างโพลเพื่อสร้างภาพความน่าเชื่อถือเป็นพฤติกรรมที่รัฐบาลทุกชุดทำมาตั้งแต่ปี 2557

ซึ่งทั้งหมดที่สะท้อนคือการสร้างข่าวกลบความหวั่นไหวของรัฐบาลว่าตัวเองไม่เป็นที่นิยมของประชาชน

 

ขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลกำลังจะเกิดในปลายเดือนมีนาคม ปรากฏการณ์ประหลาดคือรัฐบาลที่มี ส.ส.รวมกันมากกว่าฝ่ายค้านเกือบ 1 เท่ากลับมีอาการหวั่นไหวกับการอภิปรายมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะโดยบีบให้ฝ่ายค้านมีเวลาอภิปรายน้อยมาก หรือการแก้ญัตติของฝ่ายค้านอย่างที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำ

โดยปกติแล้วรัฐบาลกลัวการอภิปรายด้วยเหตุผล 2 ข้อ

ข้อแรก คือความกลัวว่าเสียงโหวตไว้วางใจจะไม่ผ่านจนคุณแพทองธารพ้นนายกฯ

ส่วนข้อสอง คือความกลัวว่า “กระแส” นอกสภาที่ไม่พอใจรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นจนรัฐบาลต้องยุบสภา แต่ข้อแรกหมายถึงภูมิใจไทยต้องไม่โหวตแพทองธารซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลย

แน่นอนว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาลที่เติบโตจนมีศักยภาพจะแย่งคะแนนเสียงกับพรรคเพื่อไทย และความเคลื่อนไหวเชิงลึกระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทยก็ชัดเจนว่าเดินไปสู่ทิศทางของการพร้อมปะทะอย่างผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการแย่งผลประโยชน์ในบางกระทรวงหรือสงครามตัวแทนศึก DSI-ส.ว.

แม้ความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความขัดแย้งแบบที่คุณทักษิณ ชินวัตร และคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ต่างฝ่ายต่างเบ่งกล้ามโชว์พลังตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะทั้งคู่ต่างแข่งกันแสดงให้นายเห็นว่าควรใช้บริการตัวเองมากกว่าลูกน้องคนอื่น รวมทั้งเชื่อว่าตัวเองจะทำงานให้นายได้ดีกว่าลูกน้องคนอื่นทำ

เกมของคุณเนวิน ชิดชอบ และคุณอนุทินคือสร้างฐานที่มั่นของตัวเองให้แข็งแกร่งเพื่อรอเวลาที่ตำแหน่งนายกฯ มาถึงเพราะคุณทักษิณถูกเปลี่ยนตัว ยุทธศาสตร์ของภูมิใจไทยจึงไม่ใช่การโหวตไม่ไว้วางใจคุณแพทองธารเพื่อเปลี่ยนนายกฯ

โอกาสที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะทำให้ภูมิใจไทยไม่โหวตคุณแพทองธารจึงยากเหลือเกิน

 

แม้ประเทศไทยจะมีการอภิปรายนายกฯ เพียงคนเดียวมา 3 ครั้ง และทุกครั้งนำไปสู่การเปลี่ยนตัวนายกฯ แต่การอภิปรายทุกครั้งเกิดในรัฐธรรมนูญที่ตำแหน่งนายกฯ เปลี่ยนไปเป็นของฝ่ายค้านได้ ส่วนรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดว่านายกฯ ต้องเป็นคนในบัญชีรายชื่อที่พรรคเสนอช่วงเลือกตั้งซึ่งพรรคประชาชนเพิ่งตั้งจนไม่มีเลย

ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ถูกยุบและ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ไม่ถูกตัดสิทธิการเมือง ปัญหาที่พรรคเพื่อไทยและคุณแพทองธารสร้างให้ประเทศอาจปลดล็อกโดยเปลี่ยนนายกฯ จากเพื่อไทยเป็นก้าวไกล แต่เมื่อพรรคก้าวไกลถูกยุบและคุณพิธาถูกตัดสิทธิ การเปลี่ยนนายกฯ ก็มีผลแค่เปลี่ยนจากคุณแพทองธารเป็นคนอื่นที่เป็นพวกเดียวกัน

เพื่อไทยไม่ได้กลัวว่าการอภิปรายในสภาจะล้มรัฐบาล แต่สิ่งที่เพื่อไทยกลัวที่สุดคือการอภิปรายจะสร้างแรงกระเพื่อมนอกสภาจนคุณแพทองธารหลุดตำแหน่งนายกฯ ด้วยเหตุต่างๆ ซึ่งเป็นจุดจบของนายกฯ ฝ่ายคุณทักษิณทุกคน และก็เป็นจุดอ่อนที่ฝ่ายคุณทักษิณไม่เคยแก้ไขได้เลยในทุกครั้งที่เป็นรัฐบาล

ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือรัฐบาลเพื่อไทยในปี 2566-2568 ล้มเหลวเรื่องการทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้

คุณทักษิณเองก็ยอมรับเรื่องนี้แต่แก้ตัวว่ามีพรรคอื่นร่วมรัฐบาลมากเกินไป

แต่การทำตามนโยบายไม่ได้อาจไม่ได้สร้างปัญหาให้รัฐบาลเท่าความรู้สึกว่ารัฐบาลไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับความเดือดร้อนของประชาชน

 

ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเริ่มขึ้นหนึ่งเดือน ประเทศไทยเต็มไปด้วยปัญหาต่างๆ ที่ประชาชนเดือดร้อนจนรอให้ใครทำอะไรสักอย่างเยอะไปหมด

แต่แทบทุกปัญหาที่เข้าข่ายเป็น “ทุกข์ประชาชน” กลับไม่มีภาพของนายกฯ หรือคนสำคัญในรัฐบาลเข้าไปทำอะไรเลย

เริ่มต้นที่เรื่องประกันสังคมก็ได้ ใครก็รู้ว่าปัญหาทุจริตประกันสังคมเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบคนไทยไม่ต่ำกว่า 24 ล้านคน เช่นเดียวกับเรื่องบำนาญประกันสังคม แต่ทั้งคุณแพทองธารและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่มีใครทำอะไรเรื่องนี้ เอาแค่ทวิตหรือโพสต์เฟซง่ายๆ ก็ยังไม่มีแม้แต่สักข้อความเดียว

ปลาหมอคางดำกับคานถล่มถนนพระราม 2 เป็นอีกสองเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศสนใจ แต่วันที่เกษตรกรเอาปลาหมอคางดำไปเทหน้าทำเนียบ คุณแพทองธารกลับไม่พบประชาชน มีแต่ภาพอุ้มลูกเล่นในทำเนียบ

ส่วนเรื่องคานถล่มก็ไม่มีคนของรัฐบาลแสดงความร้อนใจ นอกจากคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง

ล่าสุด หลังจากคุณแพทองธารถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าไม่สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ไปหาถึงทำเนียบ แกนนำพรรคเพื่อไทยกลับตอบโต้ว่าคนที่วิจารณ์ปัญหานี้พูดไม่เพราะ ใช้คำไม่สุภาพกับนายกฯ ฯลฯ

ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่าพรรคสนใจปัญหาของคุณแพทองธารมากกว่าชาวบ้านที่เดือดร้อนจากปัญหาปลาหมอคางดำ

 

การอภิปรายไม่ไว้วางใจคือกระบวนการตรวจสอบรัฐบาลตามปกติในระบอบประชาธิปไตย

แต่ขณะที่พรรคเพื่อไทยสาละวนกับการขัดขวางการอภิปรายในสภาหรือตอบโต้เสียงวิจารณ์ด้วยวิธีหยุมหยิมต่างๆ

พรรคประชาชนกลับทำให้เห็นว่าการพูดเรื่องที่ประชาชนเดือดร้อนจริงๆ คืออะไร และ ส.ส.ไม่จำเป็นต้องรอพูดแค่ในสภา

ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะรู้ตัวหรือไม่ วันนี้พรรคเพื่อไทยมีสภาพคล้ายพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตมากขึ้นเรื่อยๆ ในแง่ที่คิดว่าการเมืองคือการเอาชนะคะคานในสภา ทั้งที่หัวใจของพรรคการเมืองคือการชนะใจประชาชนนอกสภา โดยทำให้เห็นว่าพรรคทำให้สภาเป็นที่พึ่งของประชาชนได้จริงๆ

ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลแบบนี้ทำให้ฐานผู้สนับสนุนรัฐบาลมีแต่จะเรียวแคบลง และเมื่อฐานมวลชนของรัฐบาลเรียวแคบลง สิ่งที่จะตามมาทันทีคือฐานการสนับสนุนด้านความชอบธรรมของรัฐบาลจะน้อยลงไปด้วย

ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลมีความเสี่ยงที่จะเผชิญปัญหาการเมืองต่างๆ โดยไม่มีใครสนับสนุนเลย

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะไม่ส่งผลให้เปลี่ยนแปลงรัฐบาลทันที แต่ในบริบทที่การเมืองไทยในเดือนมีนาคมจะเผชิญความเสี่ยงสามเรื่องจากคดีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในศาลปกครอง คดีคุณทักษิณในศาลฎีกา และคำตัดสินของแพทยสภากรณีชั้น 14 การอภิปรายจะมีผลสะเทือนต่อรัฐบาลแน่นอน

จุดตายของรัฐบาลฝ่ายคุณทักษิณทุกครั้งคือการถูกโจมตีด้วยเรื่องตัวบุคคล และเมื่อใดที่เรื่องบุคคลถูกอธิบายให้เชื่อมโยงกับผลประโยชน์ของประเทศไม่ได้ เมื่อนั้นรัฐบาลก็เสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์ซึ่งอันตราย

การเมืองไทยหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีการเปลี่ยนแปลงแน่ๆ และความถดถอยของรัฐบาลจะเป็นตัวเร่งให้ความเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นด้วย

เพียงแต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดขึ้นในรูปแบบไหนและอย่างไรเท่านั้นเอง