MatiTalk กับ ผศ.มรกตวงศ์ ภูมิพลับ เวียดนามจะแซงไทยจริงหรือ กับคำถามที่ไม่สำคัญเท่า ‘เราจะไปไหนต่อ’

รายงานพิเศษ

 

MatiTalk กับ ผศ.มรกตวงศ์ ภูมิพลับ

เวียดนามจะแซงไทยจริงหรือ

กับคำถามที่ไม่สำคัญเท่า ‘เราจะไปไหนต่อ’

 

“การที่เรากลัวว่าใครจะแซงเรา แสดงว่าเราไม่ไปไหนหรือเปล่า เรากำลังหยุดอยู่กับที่หรือเปล่า แทนที่เราจะกลัวว่าเวียดนามจะแซงเรา เราควรมองไปข้างหน้าดีกว่าไหม เรามองสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้ว่าเราจะทำอย่างไร จะรับมือยังไงกับสถานการณ์ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตดีกว่า” ผศ.มรกตวงศ์ ภูมิพลับ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นผ่านรายการ MatiTalk ของมติชนสุดสัปดาห์

กรณีสังคมตั้งคำถาม ไทยถูกเวียดนามแซงหรือ?

 

ผศ.มรกตวงศ์ระบุว่า สังคมไทยอาจจะต้องตั้งคำถามในอีกแบบหนึ่งเพื่อที่จะกระตุ้นให้เราพยายามที่จะก้าวหน้าขึ้นไป แทนที่เราจะกลัวว่าคนอื่นหรือเพื่อนบ้านจะแซงเราหรือเปล่า

ถ้าหากเราพูดถึงกรณีที่เรามองว่าใครจะแซงใคร เรามักจะใช้สถิติหรือตัวเลขเพื่อตัดสินว่าใครจะแซงเราหรือไม่

ในกรณีของเวียดนามเราเห็นความพยายามเปรียบเทียบระหว่างไทยกับเวียดนาม ในเรื่องของ GDP ที่สูงขึ้นทุกๆ ปีแล้วยังสามารถรักษาระดับได้ ในขณะที่ GDP ของประเทศไทยต่ำลง

ถ้าเรามองในแง่ของตัวเลข เวียดนามอาจจะแซงเราในเรื่องของ GDP แต่ดิฉันกำลังถามกลับว่า ในขณะที่เรามองการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจผ่าน GDP เราได้มองมิติอื่นไหม

เช่น ในขณะที่ GDP เศรษฐกิจเติบโต เราได้มองคนที่เป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศนั้นๆ ได้รับประโยชน์ในแง่ของเศรษฐกิจมากพอไหม โดยเฉพาะประชาชนส่วนใหญ่

ทำไมถึงพูดแบบนี้ เพราะว่าในขณะที่เราดูตัวเลขสถิติอย่าง GDP หรือจำนวนของนักลงทุน เราอาจจะหลงลืม ละเลยเรื่องช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน

การที่ประเทศมีเศรษฐกิจดี มี GDP ดีก็อาจจะไม่ได้หมายความว่าประชาชนมีปากท้องที่ดี

ถึงแม้เศรษฐกิจโต แต่ว่าเวียดนามไม่มีชุมชนแออัดจริงหรือเปล่า เวียดนามก็มีชุมชนแออัดไม่ต่างจากไทย ไม่ต่างจากฟิลิปปินส์

และถ้าเรามองไปในเชิงรายละเอียดเพิ่มขึ้น จะเห็นว่ารายได้เฉลี่ยของคนจนคนรวย จากรายได้ทั้งหมดของประเทศ 100% มี 40% กระจุกตัวอยู่กับคนที่ร่ำรวยที่สุด 10% ของประชากร หรือคนรวยมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าของเวียดนามจะได้เงินไป 40 บาท สำหรับคนแค่ 10 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ถึงแม้จะดีกว่าเรา แต่ถือว่ายังกระจุก ในขณะที่ประชากร 40% ต้องแบ่งกันเพียง 15% ของรายได้ทั้งหมดของประเทศ

หากสมมุติว่ามีเงิน 100 บาท ต้องแบ่ง 15 บาท ให้คน 40 คน เพราะฉะนั้น มันสะท้อนให้เห็นว่า ใช่ เศรษฐกิจอาจจะโตขึ้น แต่คำถามที่เราต้องถามต่อไปอีกก็คือ คนส่วนใหญ่มีสถานะทางเศรษฐกิจดีเท่าๆ กัน หรืออาจจะไม่ได้เหลื่อมล้ำกันมากกับคนรวยหรือเปล่า

อันนี้ต่างหากที่เป็นสิ่งที่เราอาจจะต้องพิจารณามากขึ้นไปอีก ถึงแม้เวียดนามอาจจะดีกว่าเราในเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันหอมหวานไปหมดเลย

เวียดนามก็ยังมีอะไรที่ต้องท้าทายอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน

 

ถ้าเราพูดถึงเรื่องประเด็นอื่นๆ ในประเด็นเรื่องของการแซงหรือไม่แซง ดิฉันคิดว่า ไม่ว่าประเทศไหน ไม่ว่าจะเป็นไทยหรือเวียดนาม หรือประเทศอื่นๆ ทุกประเทศล้วนแล้วแต่มีข้อเด่น มีข้อด้อยที่แตกต่างกันอยู่แล้ว เวียดนามอาจจะดีกว่าเรา หรือว่าเราเรียกกันภาษาที่ว่า “แซง” คนไทยหรือประเทศไทยในหลายๆ เรื่อง ที่เราเห็นชัดเจนมาก เช่น จำนวนแรงงาน เพราะตอนนี้เป็นช่วงพีกของเขา

ทำไมเราไม่ตั้งคำถามถึงคุณภาพแรงงาน เรื่องคุณภาพแรงงานของไทยก็ยังถือว่ามีคุณภาพอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานที่ทำงานอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เรายังมีทักษะที่เข้มแข็งกว่า

หรือเวียดนามอยากจะประสบความสำเร็จในเรื่องของการท่องเที่ยวเหมือนๆ จากที่ไทยประสบความสำเร็จในเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งเราไม่ปฏิเสธว่าเราประสบความสำเร็จในเรื่องของการท่องเที่ยวมากกว่า โดยเฉพาะอย่างการเที่ยวแบบกลับมาซ้ำอีก แต่เวียดนามอาจจะประสบปัญหาคนมาเที่ยวครั้งเดียวหรือ 2 ครั้ง

สิ่งนี้เราอาจจะมองว่าเวียดนามด้อยกว่าเราหรือเปล่า หรือเราอาจจะแข็งแรงกว่าหรือเปล่า

แต่ดิฉันเข้าใจว่าเวียดนามก็ยังก็พัฒนาตัวเอง เขาก็ยังรู้สึกว่าเรื่องของการท่องเที่ยวเขาไม่ได้ไปไกลกว่าเราสักเท่าไหร่

สิ่งที่เวียดนามต้องการก็คือ know how จะทำอย่างไรที่จะทำการท่องเที่ยวให้เติบโตและยั่งยืนได้แบบไทย

เพราะฉะนั้น ดิฉันเข้าใจว่าเรื่องของการแซงไม่แซง เราอาจจะต้องดูหลายปัจจัยมากๆ

แม้กระทั่งโครงสร้างพื้นฐาน ดิฉันเข้าใจว่าไฟฟ้าของเราดีกว่าที่เวียดนามแน่นอน ด้วยโครงข่ายถนน Public transportation โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของรถไฟฟ้าหรือ BTS ของเราก็ดีกว่าของเวียดนาม

แต่นั่นไม่ได้แปลว่า เราบอกว่าเราดีแล้วเราจะหยุดพัฒนาใช่ไหมคะ แต่เราจะต้องก้าวไปข้างหน้าอีก

 

หรือเราอาจจะตื่นเต้นเพราะว่ารัฐบาลของเวียดนามมีข้อดีอย่างหนึ่ง คือ เขาขยัน Mega Project มากมาย ทำให้เราในฐานะที่เป็นคนนอกที่ติดตามสถานการณ์นักลงทุนหรือว่าคนทั่วไปที่สนใจอยากรู้เกี่ยวกับเวียดนาม ทำให้เรารู้สึกว่ารัฐบาลเวียดนามเขาค่อนข้างที่จะมี Mega Project มากมาย เดี๋ยวประเทศต้องพัฒนาแน่นอนเลย

อันนี้เป็นข้อดีของเขาที่มี Mega Project ขึ้นมาเยอะ แต่ว่าในเรื่องของความเร็วในการทำ Mega Project เหล่านั้นให้เสร็จสมบูรณ์ น่าจะเป็นความท้าทายของเขา

ดิฉันอยากจะให้ลองเปรียบเทียบดูว่า คำว่า “แซง” กับ “ไม่แซง” เราไม่สามารถที่จะพูดแบบ generalize หรือพูดแบบตีขลุมโดยรวมทั้งหมดว่าเวียดนามจะแซงเราจริงๆ แล้วนะ

เพราะว่าเอาเข้าจริงๆ ถ้าเรามองในหลายมิติเราจะเห็นว่ามันไม่มีใครแซงใคร เอาจริงๆ หรือบางเรื่องเราอาจจะเด่นกว่า บางเรื่องเวียดนามก็อาจจะด้อยกว่า หรือบางเรื่องอาจจะเด่นกว่าเรา

แทนที่เราจะมากังวลว่าใครจะแซงเรา เราน่าจะแข่งกับตัวเองหรืออาจจะมองว่าเราจะก้าวไปข้างหน้ายังไงต่อ น่าจะดีกว่า

หรืออาจจะเรียนรู้จากเพื่อนบ้านก็ได้ว่าเขาทำยังไงให้เขาก้าวขึ้นมาแข็งแรงแบบกรณีของเวียดนาม

 

ช่วงนี้เราจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับเวียดนามเยอะมาก เป็นข่าวที่ทำให้คนไทยเราตื่นตาตื่นใจแล้วก็รู้สึกยินดีด้วยกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา ซึ่งครั้งหนึ่งเราก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของสงครามที่อยู่ในเวียดนาม

เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าอะไรที่เป็นสิ่งที่ทำให้เวียดนามมีความน่าสนใจหรือน่าจับตามอง ก็มีหลายเรื่อง

ข้อแรก คือ ความที่เวียดนามพยายามพัฒนาตัวเอง ซึ่งเขามีเป้าหมายที่ค่อนข้างชัดเจน มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าเวียดนามสามารถเป็นประเทศที่น่าเข้าไปลงทุนจริงๆ

เช่น เวียดนามไฮไลต์ตัวเองในเรื่องของเศรษฐกิจแล้วก็การประสบความสำเร็จในเรื่องของเศรษฐกิจ ซึ่งแน่นอนถ้าเราดูในแง่ของตัวเลข GDP เวียดนามประสบความสำเร็จในส่วนนี้สูง

ถ้าเราวัดจากตรงนั้น ทำให้นักลงทุนหรือแม้กระทั่งเราซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านพยายามจับตามองเวียดนาม

ประการถัดมา เวียดนามมีความน่าสนใจในช่วงนี้คือ เรื่องจำนวนของคน จำนวนของแรงงาน ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้ว่าในแง่ของเศรษฐกิจการใช้แรงงานเป็นนโยบายในการขับเคลื่อนในการเชิญนักลงทุนเข้ามาลงทุน ในบรรดาประเทศในอาเซียนหรือว่าอุษาคเนย์ เวียดนามเป็นประเทศที่ 3 ที่มีประชาชากรเกิน 100 ล้านคน แปลว่าวัยแรงงานก็ต้องสูงมาก ตรงนี้เป็นจุดแข็งที่สำคัญต้องเป็นแรงงานที่มีราคาถูก ถือว่าเป็นจุดขายที่รัฐบาลนี้พยายามเอาขึ้น

ประการที่ 3 เวียดนามเป็นที่น่าสนใจโดยเฉพาะในแง่ของเศรษฐกิจ คือนโยบายต่างๆ ที่เป็นโปรโมชั่นเชื้อเชิญให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในเวียดนาม แม้กระทั่งรัฐบาลท้องถิ่นของเวียดนามก็พยายามที่จะออกโปรโมชั่นเพื่อที่จะดึงดูดนักลงทุน

ประการที่ 4 ไม่เพียงแต่การพูดถึงประเด็นทางด้านเศรษฐกิจและก็เรื่องของการเจริญเติบโตทางด้านตัวเลข เวียดนามยังวางบทบาท วางตำแหน่งแห่งที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายในการพยายามให้ตัวเองขึ้นมาเป็น Middle Tower เพื่อเป็นดาวเด่นในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลเวียดนามค่อนข้างประสบความสำเร็จในแง่ของการวาง Position ที่ไม่ใช่เฉพาะในแง่ของการเป็นดาวเด่นในภูมิภาค

แต่ยังพยายามขยายเข้าไปสู่บริบทของการเมืองโลกและการเมืองระหว่างประเทศด้วย โดยเฉพาะเรื่องของนโยบายไผ่ลู่ลม

ส่วนคำถามที่มาแรงตอนนี้ ซึ่งมีแต่คนถามว่าเวียดนามจะแซงไทยใช่ไหม

คำถามก็คือว่า การถามว่าใครจะแซงใคร เราต้องการอะไรจากคำถามนั้น

ถ้าเราคิดในเชิงบวก เราจะมองว่าการที่เรามองว่าใครกำลังจะแซงเรา ก็อาจจะทำให้เรารู้ตัวทันแล้วพัฒนาให้ก้าวหน้ามากขึ้นไปอีก

แต่ถ้าเราคิดในอีกแง่หนึ่ง เราก็อาจจะต้องตั้งคำถามกลับว่า การที่เรากลัวว่าใครจะแซงเรา มันแปลว่าเราไม่ไปไหนเลยหรือเปล่า เรากำลังหยุดอยู่กับที่หรือเปล่า

สิ่งนี้ต่างหาก ถ้าเราคิดแบบนี้มันเป็นอันตรายแล้ว เพราะว่าเรากลัวคนอื่นจะแซงในขณะที่เราก็ยังไม่ไปไหน

จริงๆ ดิฉันอยากจะให้ตั้งคำถามในทำนองที่ว่า เมื่อไหร่เราจะไปเท่ากับสิงคโปร์ หรือเรากำลังจะแซงสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้

เวียดนามมองไทยเป็นหนึ่งในหมุดหมายที่เขาพยายามจะก้าวให้เท่าหรือก้าวให้ทัน แม้กระทั่งก้าวไปให้มากกว่า

แต่จริงๆ แล้วหมุดหมายปลายทางไทยเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น เขาไม่ได้มองหยุดอยู่แค่จะแซงใครหรือจะไม่แซงใคร เขามีหลายสเต็ปในการมองว่าเขาอยากจะเป็นแบบไหนจริงๆ

อย่างไรก็ตาม เวียดนามก็ยังมีอะไรที่ต้องท้าทายอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการลดช่องว่างระหว่างคนรวย-คนจน

เวียดนามรู้สึกว่าเขาเสียโอกาสไปนานแล้ว เพราะว่าต้องไปจ่ายเวลาให้กับเรื่องของสงคราม

คนเวียดนามเบื่อสงคราม เขารับรู้มาตลอดชีวิต ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายเล่ามาตลอดชีวิต เขาอยากจะเจอสิ่งอื่นมากกว่าที่ไม่ใช่เรื่องของสงคราม ไม่ใช่เรื่องของบาดแผลที่ได้รับมาจากสงคราม

เขาถึงต้องพยายามอัพเดตตัวเองให้ปากท้องดี เศรษฐกิจดีมีความเจริญรุ่งเรืองเหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่เขาไม่เคยเจอภาวะสงคราม

เอาง่ายๆ เขาอยากจะ Enjoy กับความสุขในชีวิตในฐานะที่เป็นมนุษย์ เป็นคนธรรมดา

ชมคลิป