เผยแพร่ |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
20+10และ+10
ในการศึก “ผู้ที่กำหนดเกม” ย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ใน”ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ที่กำลังจะเกิดขึ้นว่ากันตามเนื้อผ้า ฝ่ายค้านควรเป็นผู้กำหนดเกม
โดยเฉพาะการปูเนื้อหา-ข้อมูล ให้ชาวบ้าน อยากรู้และเข้าใจ
แม้ว่า พรรคประชาชน จะทำได้ดีกรณีเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลในสำนักประกันสังคม ตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่แจ่มชัดว่าเรื่องนี้จะเป็น ประเด็นสำคัญในศึกซักฟอกครั้งนี้แค่ไหน
และจะเชื่อมโยงไปถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพียงใด
เพื่อที่จะไม่ให้เรื่องหยุดเพียงแค่ การลุกขึ้นตอบว่า เรื่องนี้ได้ให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงแรงงาน ตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว
นี่คือตัวอย่างที่ พรรคประชาชน จะต้องเร่งกุมกระแส และกำหนดเกม ในสิ่งที่เป็นทีเด็ดอยู่ในมือ
แต่กระนั้น ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาฝ่ายค้าน ถูกฝ่ายรัฐบาลชิงกำหนดเกมไปไม่น้อยทีเดียว
ที่ชัดเจนคือเรื่องจะตัดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติหรือไม่
กลายเป็นประเด็นใหญ่กลบเรื่องอื่นๆไปเกือบหมดสิ้น
พรรคประชาชนแม้จะยกเหตุผลเพื่อปกป้องเรื่องนี้สุดกำลัง
แต่ที่สุดก็จำเป็นต้องเอาชื่อนายทักษิณออกเพื่อให้การซักฟอกเดินหน้าไปได้
อย่างไรก็ตามยังไม่รู้ว่าจะจบหรือไม่
เพราะยังไม่รู้ว่าพรรคประชาชน จะเปลี่ยนไปใช้คำว่าอะไร
เปลี่ยนแล้วพรรคเพื่อไทย ซึ่ง มีธงชัดเจนจะต้อง”สกัดทุกเรื่อง” ทุกประเด็น ไม่ให้กระทบนายทักษิณ และน.ส.แพทองธารอย่างที่สุดนั้น จะตั้งแง่อะไรหรือไม่
ที่สำคัญ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฏร ที่หัวชนฝาในเรื่อง ความเป็น”กลาง” จะมีท่าทีอย่างไร
จะยอมบรรจุระเบียบวาระเมื่อไหร่
ซึ่ง วันเวลา การซักฟอก ก็สำคัญไม่น้อย
เพราะหากการซักฟอกถูกลากยาวไปจนถึงปลายเดือนมีนาคมและต้นเมษายน ที่พรรคเพื่อไทยรู้ดีและหวังว่า “มู้ด”ของสังคม จะไหลเทไปสู่เทศกาลสงกรานต์ ความสนใจของชาวบ้านจะไปอยู่ที่เทศกาลสนุกสนานนั้น และอาจเกิดความรู้สึกแบบเขาจะสนุกกันนักการเมืองจะมานั่งด่านั่งเถียงอะไรกัน
ดังนั้น พรรคเพื่อไทย จึงอาจต้องการดึงเกมยาวๆ
และไปทำให้เกิดความฉุกละหุกในช่วงท้าย ที่จะมีการปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 11 เมษายน และมีวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์
ขณะที่ตอนนี้มีประเด็นอีกเรื่องที่แทรกซ้อนเข้ามา นั่นก็คือ ระยะเวลาการอภิปราย
พรรคประชาชน ยื่นข้อเสนอที่ 30 ชั่วโมง แต่ฝ่ายรัฐบาล เสนอที่ 20+10 คือฝ่ายค้าน20 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 10 ชั่วโมง
อย่างที่ทราบ การประชุมหารือในวิบ 3 ฝ่าย นัดแรก หาข้อยุติไม่ได้ ต้องยื้อไปหารืออีกครั้งในวันที่ 19 มีนาคม
เผาเวลาไปเรื่อยๆ
และเชื่อว่า ฝ่ายเพื่อไทยและรัฐบาล ก็คงกุมภาวะ “สกัดทุกเรื่อง”เอาไว้เหนียวแน่น
ซึ่งก็ไม่รู้ว่า พรรคประชาชน จะต้อง”ถอย”อีกหรือไม่
และถอยแล้ว จะกระทบต่อเนื้อหาการอภิปรายอย่างไร
นี่คือภาวะ”คาราคาซัง”ที่คนแฮปปี้ คือ ฝ่ายเพื่อไทยและรัฐบาล
ซึ่งตรงนี้ พรรคประชาชน ก็ต้องปรับเกม รับมือให้ทัน
และต้องพลิกไปเป็นฝ่ายผู้กำหนดเกมให้ได้
ต้องไม่ลืมว่านอกจากแท็ตติกเรื่องญัตติ เรื่องระยะเวลาอภิปราย ที่เถียงกันเรื่อง “20+10″แล้ว
ปรากฏว่าร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ออกมา +10 เขย่าเพิ่มขึ้นมาอีก
โดยมาแย้มว่า จะมี สส.จากฝั่งฝ่ายค้าน 10 คน มาลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
10 คนมาจากไหน พรรคพลังประชารัฐ และอาจรวมถึงพรรคประชาชน เองต้องเสียสมาธิเช็คชื่อ”งูเห่า”อีก
บอกแล้วเกม”สกัดทุกเรื่อง”ของฝ่ายรัฐบาลเขาเข้มข้น
————–