กระต่ายกำมะหยี่ หรือ ของเล่นเป็นของจริงได้อย่างไร

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

กระต่ายกำมะหยี่ หรือ ของเล่นเป็นของจริงได้อย่างไร (The Velveteen Rabbit or How Toys Become Real) เป็นหนังสือเด็กของอังกฤษที่เขียนโดย Margery Williams (1881-1944) หนังสือเล่าเรื่องราวของตุ๊กตากระต่ายกำมะหยี่ของเด็กชายคนหนึ่งที่ปรารถนาจะกลายเป็นของจริงโดยผ่านความรักของเด็กชาย

เป็นหนังสือปี 1922 โดยมีภาพประกอบคลาสสิคตลอดกาล

แอปเปิลสตรีมหนังความยาว 40 กว่านาทีเรื่องกระต่ายกำมะหยี่ หรือ The Velveteen Rabbit มาพักใหญ่แล้ว เป็นหนังคนแสดงก็จริงแต่มีฉากแอนิเมชั่นสลับหลายฉาก แต่ละฉากก็ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ กันไป ฉากที่ของเล่นคุยกันเวลามนุษย์ไม่อยู่เป็นสต๊อปโมชั่น

ฉากที่เด็กชายหลับฝันผจญภัยไปกับกระต่ายกำมะหยี่เป็นแอนิเมชั่นสองมิติด้วยแผ่นเซลแบบดั้งเดิม ฉากที่กระต่ายกำมะหยี่ไม่มีขาเผชิญหน้ากระต่ายจริงๆ สองตัวเป็นซีจีไอสมัยใหม่

คงไม่ผิดกติกาอะไรหากการ์ตูนที่รักจะเขียนถึง

กระต่ายกำมะหยี่เป็นนิทานคลาสสิคตลอดกาล เขียนภาพประกอบโดยพาเมล่า เบียงโก (Pamela Bianco) ลูกสาวของมาเจอรี่เอง หนังสือชนะรางวัลมากมายเป็นที่ชื่นชมเสมอมา

นิทานกระต่ายกำมะหยี่นี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า How Toys Become Real แปลว่าของเล่นกลายเป็นของจริงได้อย่างไร ซึ่งก็คือเนื้อหาหลักของนิทานเรื่องนี้ แต่คราวนี้เราไม่ได้อ่านหนังสือเราจะมาดูหนังกัน

หนังออกฉายเมื่อปี 2023 ข้อแตกต่างสำคัญคือในหนังสือที่มาเจอรี่เขียนเด็กชายไม่มีชื่อ นักเขียนเพียงเรียกขานว่าเด็กชาย ในหนังเรื่องนี้เด็กชายชื่อวิลเลียม

เริ่มเรื่องในวันคริสต์มาส เด็กชายวิลเลียมย้ายตามพ่อแม่มาที่เมืองใหม่ เขาต้องจากเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเดิมและไม่สามารถเข้ากับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนใหม่ได้ เขาเหงา เศร้า และเงียบขรึม

จนกระทั่งเช้าวันคริสต์มาสเขาได้กระต่ายกำมะหยี่สีส้มที่ไม่มีขาหลังในถุงเท้าที่แขวนไว้รอซานตาคลอสมาให้ มันมีแต่เท้าหรืออาจจะมีขาหลังที่สั้นมากที่สุดก็เป็นได้

กระต่ายกำมะหยี่เป็นเพื่อนคนเดียวที่เขามีในยามยากนี้

เวลาที่ไม่มีคนอยู่ พวกของเล่นตุ๊กตาจะคุยกัน พลันที่สาวใช้หรือใครโผล่หน้ามาพวกมันจะหยุดพูดตัวแข็งกึ๊กโดยพร้อมเพรียง

ในบรรดาของเล่นเหล่านี้ได้แก่รถแข่งที่มีล้อกับสิงโตที่มีข้อต่อ สองตัวนี้ชอบแขวะกระต่ายกำมะหยี่อยู่เสมอว่ามันไม่มีกลไกเคลื่อนที่ได้ ทำได้แค่ถูกจับโยนไปมาตามแต่เจ้าของจะพาไป

แต่นั่นมิได้ทำให้กระต่ายกำมะหยี่เสียใจอะไรนักเพราะวิลเลียมอุ้มมันไปทุกที่แม้เวลานอน

ในกล่องของเล่นยังมีม้าหนังเก่าๆ ตัวหนึ่ง ให้เสียงโดยเฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ เธอบอกกระต่ายกำมะหยี่ว่าที่แต่ละคนพูดก็พูดเท่าที่ตัวเองเป็น พวกเราทุกคนเป็นของเล่น ไม่มีใครเป็นของจริงสักคน

กระต่ายกำมะหยี่ถามว่าแล้วเมื่อไรเราจะได้เป็นของจริง

ม้าหนังตอบว่า เมื่อเด็กรักเธอมากๆ มิใช่แค่เล่นด้วยนานๆ เมื่อเด็กรักเธอเธอจะกลายเป็นของจริง

เด็กชายวิลเลียมไม่มีความสุขมากนักบนบ้านหลังใหญ่แม้ว่าพ่อแม่และพี่เลี้ยงจะดีต่อเขา เขาไม่มีความสุขที่โรงเรียนเพราะเข้ากับเพื่อนไม่เป็น อันที่จริงตามต้นฉบับในหนังสือมาเจอรี่ วิลเลียมส์ มิได้ให้รายละเอียดของเด็กชายอะไร รายละเอียดทั้งหมดถูกเพิ่มเข้ามาในหนังเพื่อให้เด็กชายวิลเลียมมีตัวตนมากขึ้น อีกทั้งช่วยให้การอ้างอิงความมีอยู่จริงของตัวตนของกระต่ายกำมะหยี่ง่ายขึ้นด้วย

ความฝันเป็นช่องทางระบายความคับข้องใจของคนเรา เด็กชายวิลเลียมใช้ช่องทางนี้เช่นกัน

เขามิได้เพียงแค่ฝันเพื่อหนีไปจากโลกที่เป็นอยู่ เนื้อหาที่เขาฝันเป็นเรื่องเขากับกระต่ายกำมะหยี่ชวนกันขุดอุโมงค์จริงๆ ด้วยซ้ำไป

ในฝัน กระต่ายกำมะหยี่มิใช้ตุ๊กตาผ้านุ่มนิ่มขาสั้น แต่กลายเป็นกระต่ายการ์ตูนกระโดดโลดเต้นได้

อย่าลืมว่านี่เป็นความฝันของวิลเลียม มิใช่ความฝันของกระต่ายกำมะหยี่ จึงเป็นธรรมดาที่มันไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรที่ตัวเองมีขา

ตอนที่น่าจะตื่นเต้นแท้ๆ เมื่อกระต่ายกำมะหยี่ถูกลืมทิ้งไว้ในสวนกลางลานหิมะ วันนั้นกระต่ายจริงๆ สองตัวผ่านมาเห็นมันเข้า กระต่ายสองตัวเป็นกระต่ายจริงๆ สร้างด้วยเทคนิคซีจีไอ พวกมันพากันแปลกใจที่กระต่ายกำมะหยี่ไม่มีขาหลัง ดังนั้น จึงมิใช่กระต่ายอย่างแน่นอน

ครั้นกระต่ายกำมะหยี่เถียงเจ้ากระต่ายจริงๆ สองตัวจึงอวดขาหลังที่มีเท้ายืดยาวตีพื้นดังตั้มๆๆๆๆๆ แล้วท้ากระต่ายกำมะหยี่ให้ทำดู

เป็นฉากชวนเศร้าระคนน่ารัก เหตุเพราะเจ้ากระต่ายป่าสองตัวก็มิได้เป็นอันธพาลใจร้ายมาจากไหน มันแค่ช่างสงสัยเท่านั้นเอง

สมมุติว่ามันรู้ว่าตัวเองเป็นซีจีไอคงหยุดซ่าไปมาก

เด็กชายวิลเลียมไม่สบายไข้สูงเป็นตายเท่ากัน หนังสือว่าเป็นไข้อีดำอีแดง หมอที่มาเยี่ยมไข้ถึงกับบอกพ่อแม่ว่าอย่าคาดหวังอะไรมากนัก

คืนนั้นพวกตุ๊กตาพูดคุยกันอย่างไม่รู้ประสาว่าเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นกับพวกมัน

ม้าหนังบอกให้กระต่ายกำมะหยี่หาที่ซ่อนโดยเร็ว เหตุเพราะหากมีเด็กเป็นไข้ติดเชื้อโรคร้ายแรงแบบนี้ จะอย่างไรข้าวของเครื่องใช้เสื้อผ้าผ้าห่มที่เด็กชายใช้อยู่ รวมทั้งตุ๊กตาที่เขาชอบกอดต้องถูกนำไปเผาทิ้งทั้งหมด

แต่กระต่ายกำมะหยี่ไปไหนด้วยตนเองไม่ได้นี่นา ดูเหมือนมันจะเข้าตาจนเสียแล้ว

กระต่ายกำมะหยี่รอดได้อย่างไร ชวนดูหนังหรือหาหนังสืออ่าน มีแปลไทยโดยวิภาดา กิตติโกวิท สำนักพิมพ์แมดแมนบุ๊ค

แต่ที่อยากให้ได้อ่านกันตรงนี้คือบทพูดที่นางฟ้าของเด็กเล่นพูดกับกระต่ายกำมะหยี่ในตอนใกล้จบ

“เธอร้องไห้ทำไม”

“ฉันเศร้าเพราะคิดว่าถ้าเขารักฉัน ฉันจะกลายเป็นของจริง”

“เธอจะไม่ได้เป็นของจริงด้วยการทำให้เขารักเธอนี่นา”

“แล้วฉันจะเป็นของจริงได้อย่างไร”

“เธอจะเป็นของจริงเมื่อทำอะไรบางอย่างเพื่อความรักโดยไม่มีเงื่อนไขเหมือนที่เธอทำเมื่อวานนี้ไง”

“แล้วทำไมฉันยังไม่มีขนยาวๆ แล้วยังคงมีขาที่ไม่สมประกอบแบบนี้ล่ะ”

“โอย ของเล่นพวกเธอไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนกันนะ ดูตัวเธอเองสิมอมแมมเพราะความรักแค่ไหน”

บทพูดนี้โดยละเอียดจะมีเฉพาะในหนัง ในหนังสือจะสั้นกว่านี้มาก แต่เป็นบทพูดที่โดนผมเป็นพิเศษ โลกเป็นอย่างนั้นจริงๆ ของที่เราใช้จนมอมแมมต่างหากที่เป็นของจริง ของที่ใหม่เอี่ยมไม่มีร่องรอยการถูกใช้เลยจะเป็นของจริงได้อย่างไร

ของจริงได้จากการลงมือทำเท่านั้น •

การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์