ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 มีนาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | เรื่องสั้น |
เผยแพร่ |
เรื่องสั้น | วัชรินทร์ จันทร์ชนะ
อกหัก…ยังรักตรัง
เหมือนใครคนหนึ่งว่าไว้ “ความผูกพันสามารถผูกมัดคนเราได้มากกว่าความรัก”
“ตรัง” เวลา 15 ปี ชื่อนี้ผูกมัดผมเสียอยู่หมัด
“ตรัง” คิดถึง แต่ไม่อยากกลับมา
“ตรัง” จังหวัดที่ผู้หญิงสวยที่สุด เมื่อใครๆ ถาม คงเพราะผู้หญิงที่เกี่ยวพันกับผมส่วนใหญ่เป็นคนตรัง
ผมเลือกมาทำงานที่ตรังเพราะชอบรุ่นน้องคนหนึ่งตอนเรียน มอ.หาดใหญ่ เธอเป็นผู้หญิงในฝันที่มีตัวตน ตอนนั้นผมทำได้เพียงแอบรักแอบมอง เพราะผมมีแฟนอยู่แล้ว
เมื่อมาอยู่ตรัง แทบไม่ได้เจอกัน แม้ผมพยายามจะหาโอกาส กล้าโทร.หาสองสามครั้งในสมัยที่ยังไม่มีเฟซบุ๊ก
สองครั้งสุดท้ายที่เจอกันคือวันที่เธอมาแจกการ์ดเชิญ กับวันที่เธอแต่งงาน
ผมปล่อยให้ความผิดหวังฝังอยู่ในหัวใจอีกครั้ง
ละครชีวิตราชการ ผมเล่นสมบทบาท เจริญก้าวหน้าจนเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนประจำจังหวัดใกล้หอนาฬิกา ตรงข้ามบ้านอดีตนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย
เก้าปีที่โรงเรียนแห่งนี้ผมรับบทเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายปกครอง การงานราบรื่น แต่ชีวิตเว้าแหว่งเหว่ว้า ผู้หญิงคนใดเข้ามาก็คว้าไว้ยึดเหนี่ยวใจ ซึ่งก็ได้เพียงชั่วคราว เหล้าผสมโซดาและน้ำตากลายเป็นอาหารหลัก หัวใจสะบักสะบอมสะสมแผลเป็นมากพอจนเกือบด้านชา ไม่อยากไขว่คว้าอะไรอีก แต่หัวใจคนเราคงเหมือนคำพูดตอนเมา ที่ผมเคยพูดไว้
“หัวใจคนเรา ประกอบด้วยสองสิ่ง คือเลือดกับความรัก
หัวใจขาดเลือด…ตายทันที
หัวใจขาดรัก…ตายอย่างทรมาน”
สองปีสุดท้ายที่ตรัง ผมตั้งใจจะมีความรักเป็นครั้งสุดท้ายและรักษาไว้ให้ดีที่สุด
สองปีที่จากไป กลับมาตรังอีกทีโรงเรียนแห่งนี้เปลี่ยนแปลงไม่มากนัก นอกจากป้ายชื่อโรงเรียนบนหลังคาตึก หลังคาโดมหน้าเธงและสีรั้วโรงเรียนที่เพิ่งทาใหม่ ต้นอโศกอินเดียหน้าโรงเรียนสองต้นที่นายกชวนปลูกไว้สูงขึ้นเลยรั้ว ท่านเป็นคนรักต้นไม้ ปลูกต้นไม้ไว้มากมาย ต้นไหนท่านปลูกไว้มักจะแวะเวียนไปดู ผมได้กำชับให้ยามของโรงเรียนคอยรดน้ำดูแล ข้อดีของต้นไม้ที่นายกฯ ชวนปลูกคือไม่มีใครกล้าตัด ทำหน้าที่ให้ร่มเงาและออกซิเจนของมันไปเงียบๆ
ผมยืนมองโรงเรียนจากสะพานลอยถนนวิเศษกุลแล้วความหลังครั้งก่อนย้อนกลับมามากมาย หากเอามาตรฐานของพวกปากถือศีลมาวัด ผมคงเป็นคนเลวคนหนึ่ง
ผมรู้ว่าผมเป็นคนดีของทุกคนไม่ได้ แต่ผมจะเป็นคนดีของคนดี และเป็นคนดีของเธอ
สองปีสุดท้ายที่นี่ผมมีพลังสร้างสรรค์มากมาย ก็เพราะมีความรักและมีเธอเป็นกำลังใจ
รถตุ๊กตุ๊กหัวกบสีเขียวไพลขับมาจอดรอรับนักเรียนที่หน้าประตูทางออก ทำให้นึกถึงเหตุการณ์หนึ่งซึ่งผมจำได้ดี
วันนั้นเธอพานักเรียนชายคนหนึ่งมาที่ห้องปกครอง สืบสาวราวเรื่องก็รู้ว่าเรียนชั้น ม.1 ชื่อโอภาส ถูกเพื่อนล้อเพื่อนแกล้งจนอดรนทนไม่ไหว ถึงขั้นชกต่อยกัน โชคยังดีที่ไม่ได้บาดเจ็บมากนักเพราะเธอเข้าไปห้ามไว้ทัน
ผมเรียกเธอและโอภาสเข้ามาคุยในห้องทำงานของผม ซึ่งกั้นแยกไว้ต่างหาก โอภาสเล่าด้วยเสียงสะอื้นว่า เขาถูกเพื่อนล้อทุกวัน ว่าเป็นหลานกะหรี่ มีย่าเป็นผู้หญิงขายตัว
ผมอึ้งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองตาเธอ ไม่รู้จะถามอะไรต่อ
“ใครเป็นคนเริ่มล้อเรื่องนี้ก่อน” เธอถาม
“พี่ ม.3/11 ชื่อกมล” โอภาสบอก
“เด็กห้องดนตรี ที่เป็นนักร้องมั้ย” ผมถาม
โอภาสพยักหน้า
ผมบอกโอภาสให้อยู่เฉยๆ ผมจะไม่ให้ใครมาล้ออีก
เช้าวันต่อมาผมเรียกกมลมาสอบสวน มีครูนั่งกินกาแฟอยู่ด้วย 5-6 คน
“เรื่องจริงครับครู” กมลบอก “ย่าของน้องเขาเคยขายตัว”
“เธอรู้ได้ไง” ผมถาม
“ย่าน้องเขาชื่ออำภา ปู่เขาขับรถตุ๊กตุ๊กมารับน้องเขาทุกวัน” กมลบอก
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน” ครูอารี ถามสอดขึ้น
“เพลงไงครู” กมลบอก
“เพลงอะไร” ผมถาม
“อำภาขายตัว” กมลบอก แล้วร้องให้ฟัง
“เจออำภาอยู่หน้าโฮเต็ล คืนเนื้อเย็นมาเร่ขายตัว คนเมืองตรังอยู่ใต้เหมือนกัน ไยนงคราญมาเกลือกทางชั่ว ไต่ถามได้ความหมองมัว ว่ามีเรื่องกับผัว จึงหนีจาก ฝากลูกชายไว้กับแม่จนมาก ถึงต้องบากหน้าเกรเร่ขายตัว
เธอรำพันให้ฉันฟังว่า เป็นที่มาได้เจอะทางชั่ว แฟนขับรถตุ๊กตุ๊กทุกวัน การพนันเหล้าเกาะกินตัว ลูกเมียไม่สนเมามัว ฝืนทนจนหมดตัว จึงหนีเข้ากรุง อยู่โรงงานธูปยากันยุง หมายมุ่งทำงานส่งเสียลูกชาย…”
“พอ ไม่ต้องร้องแล้ว” ผมบอก เพราะผมรู้จักเพลงนี้ดี ฟังมาตั้งแต่เด็กๆ
ผมเคยเอาเรื่องนี้ทายเพื่อนๆ คนตรังในวงเหล้า “คนตรังใจกว้าง สร้างแต่ความดี แต่มีคนหนึ่งทำให้ตรังเสียชื่อ รู้มั้ยว่าใคร”
ไม่มีใครตอบถูก พอผมเฉลยว่า “อำภา” เพื่อนทำหน้างงๆ พอผมร้องเพลง เพื่อนทุกคนร้องอ๋อและหัวเราะกันครื้นเครง และตามมาด้วยคำถาม “เรื่องจริงมั้ย”
สุดรัก อักษรทอง เป็นคนร้องเพลงนี้ เนื้อเพลงตอนหลังเล่าว่า โรงงานยากันยุงถูกไฟไหม้ อำภาตกงาน และลูกชายเขียนจดหมายมาขอค่าเทอม เพื่อลูก แม่จึงยอมขายตัว
ผมบอกให้กมลกลับไปเข้าห้องเรียน ก่อนถอนหายใจดังได้ยินกันทั้งห้อง
“พี่รู้จักคนขับรถตุ๊กตุ๊กที่หน้าโรงแรมตรัง จะลองไปสืบดู” ครูอารีบอก
ผมบอกให้ทุกคนอยู่เฉยๆ ก่อน ผมจัดการเอง
ผมชอบฟังเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่เด็ก รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเพลงลูกทุ่งพอสมควร รู้ว่าเพลงนี้ อาจารย์ประจวบ วงศ์วิชา เป็นคนแต่ง
ผมไม่ได้รู้จักอาจารย์ประจวบเป็นการส่วนตัว แต่เป็นเพื่อนกับ ‘เจี้ยบ เบญจพร’ ลูกสาวของแกซึ่งเป็นนักร้องทางเฟซบุ๊ก จึงบอกเจี้ยบว่า ผมสนใจประวัติหรือที่มาของเพลงอำภาขายตัว เจี้ยบจึงให้เบอร์โทร.ของแก และบอกว่าโทร.ไปได้เลย แกรออยู่
ผมโทร.ไปแนะนำตัวและบอกว่าเป็นคนสุราษฎร์ฯ บ้านเดียวกัน แกถามถึงคนโน้นคนนี้ ซึ่งมีบางคนที่ผมรู้จัก ทำให้คุยกันยืดยาว ก่อนผมจะมีโอกาสถามถึงเพลง ‘อำภาขายตัว’
แกเล่าว่า แกไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ล็อบบี้โรงแรมในกรุงเทพฯ เธอบอกว่าเพื่อนชวนมาขายตัว
“มันบอกผมว่าเป็นคนใต้” อาจารย์ประจวบบอก “แต่มันพูดกลาง”
“คนใต้อะไรพบคนใต้แล้วพูดกลาง” ผมว่า “อาจารย์เชื่อมั้ยว่าเป็นคนใต้”
“ผมก็ไม่ค่อยเชื่อ” อาจารย์ประจวบบอก
แกเล่าว่าผู้หญิงคนนั้นแกก็ไม่ได้ถามชื่อ และก็ไม่รู้ว่าคนจังหวัดอะไร แต่ ‘อำภา’ มันคล้องกับ ‘หน้าโฮเต็ล’ ส่วน ‘คนเมืองตรัง’ จังหวะมันลงพอดี
‘อำภา’ กับ ‘โอภาส’ ก็ช่างสอดคล้องกันดีเหลือเกิน ผมคิดในใจ
ผมลงจากสะพานลอยไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างล่าง รีบขับให้พ้นถนนเส้นนี้ก่อนโรงเรียนเลิก เพราะรถจะติดมาก ลังเลว่าจะไปหาดหัวหินหรือจะไปแหลมหยงสตาร์ ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน
หาดหัวหินอยู่อำเภอสิเกา ห่างตัวเมืองไป 40 กิโลเมตร ส่วนแหลมหยงสตาร์อยู่อำเภอปะเหลียน ห่างตัวเมืองไปราว 50 กิโลเมตร ทั้งสองที่พระอาทิตย์ตกดินสวยมาก
เราหลงเสน่ห์ของพระอาทิตย์ตกดิน ก้อนเมฆสะท้อนแสงสวยเหมือนภาพวาดของจิตรกร ทั้งสองที่เราไปชมกันบ่อย เราจะรอดูนาทีสำคัญและจะจูบกันพร้อมๆ กับอาทิตย์ลับเส้นขอบฟ้า
หลังจากนั้นหากไปหาดหัวหินจะกลับมากินอาหารที่หาดปากเมง หากไปแหลมหยงสตาร์มีร้านอาหารบรรยากาศดีๆ อยู่แถวนั้นหลายร้าน ก่อนจะขับรถกลับเข้าเมือง
สองปีที่คบกันเธอยืนยันมาตลอด รักและจริงใจทุ่มเทให้ผมทุกอย่าง พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และผมก็รู้สึกว่าเธอทุ่มเทและพยายามทำเพื่อผมจริงๆ
และสองปีที่คบกัน เธอแอบวางแผนสร้างครอบครัวกับผู้ชายอีกคน
“น้องเคารพการตัดสินใจของพี่” คำพูดสุดท้ายก่อนจากกัน
สองปีสุดท้ายที่ตรัง ผมบอกไม่ได้ แยกไม่ออก ว่าอยู่กับความหลอกลวงที่สวยงาม หรือความจริงที่เจ็บปวด
แต่ถึงอย่างไร แม้จะอกหัก ผมก็ยังรักตรัง
ตรังวันนี้ ไปตรงไหน ยังคงสูดลมหายใจได้เต็มปอด
ผมยังคะนึงหา กลับมายืนมองดวงอาทิตย์ลับเส้นขอบฟ้า
วันนี้นาทีสำคัญ อ้างว้างราวมันจะลากชีวิตผมจมหายไปด้วย ผมค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด และน้ำตาก็ไหลออกมา •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022