ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 มีนาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ยุทธบทความ |
ผู้เขียน | ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข |
เผยแพร่ |
ยุทธบทความ | สุรชาติ บำรุงสุข
เดินหน้าสู่ปีที่ 4 (5)
เส้นทางสู่สงคราม
“การสู้รบเกิดขึ้นที่นี่; ผมต้องการกระสุน ไม่ใช่ยานพาหนะ [ที่พาหนีออกประเทศ]”
ประธานาธิบดีเซเลนสกีตอบข้อเสนอของประธานาธิบดีไบเดน
เช้าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022
กล่าวกันว่าคนที่ประหลาดใจมากที่สุดกับการบุกของรัสเซียคือ ประธานาธิบดีเซเลนสกี เนื่องจากก่อนที่การบุกจะเริ่มขึ้นนั้น เขาพยายามอย่างมากในการสื่อสารกับประชาชนยูเครนว่า รัสเซียไม่น่าจะตัดสินใจเช่นนั้น แล้วดังที่ทราบกันดีในที่สุดการบุกก็เกิดขึ้น ซึ่งสำหรับผู้นำยูเครนแล้ว เขากำลังรู้สึกถึงการพังทลายของระเบียบโลก เพราะสงครามเริ่มต้นขึ้นจริงๆ แล้ว
ไม่กี่วันก่อนที่รัสเซียจะตัดสินใจบุกยูเครน มีรายงานถึงการส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษของรัสเซียเพื่อลอบสังหารเซเลนสกี ทำให้เมื่อสงครามเกิดขึ้น จำเป็นต้องมีการอพยพครอบครัว ได้แก่ ภรรยาและลูก 2 คนไปอยู่ในที่ปลอดภัย และเขาตัดสินใจอย่างมุ่งมั่นที่จะอยู่ต่อสู้กับสงครามครั้งนี้ที่ยูเครน มากกว่าจะขออพยพออกไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในต่างแดน แม้จะมีความเสี่ยงอย่างมากจากการตกเป็นเป้าของการลอบสังหารก็ตาม
การตัดสินใจที่อยู่ต่อสู้ในยูเครนจึงเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
จุดเปลี่ยน 2021
ขอย้อนกลับไปมองในภาพรวมสักนิด เราจะเห็นได้ว่าหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่สำคัญก่อนการรุกใหญ่ของรัสเซียจะเกิดขึ้นนั้น คือหน่วยทหารของรัสเซียที่อยู่ในดอนบาสได้รับคำสั่งให้เปิดการยิงโจมตีที่ตั้งทางทหารของยูเครนในพื้นที่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2021 และถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งครั้งแรกหลังจากการเจรจาหยุดยิงที่ปารีสเมื่อ 2 ปีก่อน
ต่อมาในวันที่ 16 มีนาคม นาโตเปิดการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ในชื่อ “Defender Europe 2021” ชื่อการซ้อมรบ “ผู้ป้องกันยุโรป” นั้น ส่งสัญญาณในตัวเองถึงการเตรียมรับภัยคุกคามของนาโตอย่างเห็นได้ชัด การซ้อมรบครั้งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา จำนวนทหาร 28,000 นายจาก 27 ประเทศ มีพื้นที่การฝึก 30 แห่งใน 12 ประเทศ
รัสเซียตอบโต้ด้วยการระดมกำลังพลราว 60,700 นาย พร้อมครูฝึกและที่ปรึกษาทางทหาร โดยมีการจัดวางกำลังในไครเมียและแนวชายแดนรัสเซีย-ยูเครน กำลังเป็นจำนวนมากอีกส่วนถูกส่งเข้าที่ตั้งในเบลารุส พร้อมกับยุทโธปกรณ์หนักแบบต่างๆ กำลังเหล่านี้ถูกโยกย้ายมาจากส่วนต่างๆ ของประเทศ แม้กระทั่งจากภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ทั้งยังมีกำลังรบทางเรือเป็นจำนวนมากถูกเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นการระดมกำลังทหารขนาดใหญ่ของรัสเซีย
ทางเครมลินกล่าวยืนยันจนกลายเป็นแบบแผนเสมอมาว่า “รัสเซียไม่ใช่ภัยคุกคามของยูเครน การเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล การประกอบกำลังเช่นนี้เป็นเรื่อง ‘ความมั่นคงแห่งชาติ’ ของรัสเซีย” แต่ผลของการวางกำลังของรัสเซียในปี 2021 เช่นนี้ ส่งผลอย่างมากต่อมุมมองของฝ่ายตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยูเครน
ดังนั้น การซ้อมรบครั้งนี้จึงเป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่ตอกย้ำอย่างเป็นรูปธรรมของภัยคุกคามจากรัสเซีย และในสัปดาห์ถัดมานาโตตอบโต้ด้วยการซ้อมรบทางทะเลในทะเลดำ ในชื่อ “Sea Breeze 2021” ในอีกด้านหนึ่งก็สะท้อนชัดถึงการยกระดับของปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งการยกระดับเช่นนี้ในทางกลับกัน ก็ทำให้บรรดา “สายเหยี่ยว” ที่แวดล้อมปูติน มีทัศนะต่อต้านนาโตและตะวันตกมากขึ้น ทั้งมีมุมมองที่เชื่อไปในทางการใช้กำลังทหารในการแก้ปัญหามากขึ้นด้วย การยกระดับของสถานการณ์ในปี 2021 จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของช่วงเวลาก่อนสงคราม
การยกระดับดังกล่าวยังสอดรับกับบทความทางประวัติศาสตร์ของปูตินในปีนี้ด้วย โดยเฉพาะเขาได้ตอกย้ำว่า “[เรา] จะไม่ยอมให้พื้นที่ทางประวัติศาสตร์และประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นั่น ซึ่งมีความใกล้ชิดกับเรา ถูกใช้ในการต่อต้านรัสเซีย” บทความและทัศนะดังกล่าวจึงไม่ใช่เพียงการส่งสัญญาณถึงสาธารณชนชาวรัสเซียเท่านั้น หากยังต่อการส่งตรงถึงบรรดาชนชั้นนำของสังคมอีกด้วยว่า ทิศทางเช่นนี้คือแนวนโยบายของรัฐบาล พร้อมกับเป็นนัยของการเรียกร้องให้ติดอาวุธ
ดังนั้น บทความนี้ในมุมมองนักวิเคราะห์จากสำนักข่าวกรองกลางคือ “สัญญาณอันตราย” จากรัสเซีย
อีกประเด็นที่สำคัญคือการตัดสินใจของประธานาธิบดีไบเดนในการถอนกำลังทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถาน เป็นการถอนอย่างเร่งรีบ ซึ่งในมุมมองของผู้นำรัสเซียแล้ว การตัดสินใจดังกล่าวทำลายภาพลักษณ์ของสหรัฐ และทำลายเครดิตความเป็นผู้นำทหารของไบเดน เครมลินมองว่าการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นของขวัญจากสวรรค์ เพราะการถอนตัวครั้งนี้คือ ภาพแห่งความอ่อนแอของสหรัฐในเวทีโลก ซึ่งหากเป็นเช่นนี้แล้ว สหรัฐอาจจะไม่เข้ามายุ่งกับการบุกยูเครนของรัสเซีย และในอีกด้าน ประเทศตะวันตกติดกับดักการระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงไม่น่าจะมีพลังเหลือในการต่อต้านรัสเซีย
จากข้อมูลที่ปรากฏทำให้เราทราบว่า การตกลงใจของฝ่ายทหารเกิดในเดือนธันวาคม 2021 เพื่อที่จะตระเตรียมแผนประกอบกำลังจากส่วนต่างๆ ของกองทัพรัสเซีย และการเตรียมกำลังสุดท้ายคือ การโยกกำลังจากไซบีเรียเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย
ภาวะเช่นนี้ในอีกด้านคือ คำยืนยันว่าโอกาสการประนีประนอมระหว่างรัสเซียและยูเครนจบลงแล้ว และสายเหยี่ยวในเครมลินพร้อมแล้วกับการใช้กำลังทหาร
ปฏิบัติการรุ่งอรุณ
อย่างไรก็ตาม จนล่วงเข้าเดือนมกราคมแล้ว ผู้บังคับบัญชาในระดับล่างรวมทั้งกำลังพลในส่วนต่างๆ ไม่เคยได้รับแจ้งถึงการเตรียมบุกยูเครนแต่อย่างใด แผนการบุกถูกเก็บเป็นความลับอย่างมาก มีเพียงคนใกล้ชิดปูตินเท่านั้นที่พอรับรู้ ทุกอย่าง “อยู่ในหัว” ของปูติน ผู้บังคับหน่วยเพิ่งได้รับทราบเพียงเป้าหมายทางทหารไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คำสั่งยุทธการจะถูกแจ้งให้ทราบ แผนนี้มีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ คือเปิดการโจมตียูเครนอย่างสายฟ้าแลบ และสนับสนุนด้วยชุดล่าสังหาร เพื่อโค่นล้มรัฐบาลคีฟ
ผู้นำสหรัฐมีความกังวลใจอย่างมากในปัญหานี้ และดูจะมีทัศนะที่แตกต่างจากผู้นำยุโรป ที่ไม่เชื่อการประเมินของฝ่ายอเมริกันมากนัก จนประธานาธิบดีไบเดนถึงกับกล่าวติดตลกในช่วงกลางเดือนมกราคม 2022 เขาขอ “เดา” ว่า รัสเซียจะบุกยูเครน ว่าที่จริงแล้วสถานทูตอเมริกันเริ่มอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากกรุงคีฟตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมแล้ว พร้อมกันนี้กระทรวงต่างประเทศอเมริกันพยายามติดต่อสอบถามจากคู่เจรจาฝ่ายรัสเซีย จนเกิดสัญญาณที่เจนีวา เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเดินหนี ไม่ยอมตอบคำถามรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกัน
ดังนั้น จึงไม่แปลกอะไรที่สหรัฐจะเชื่อว่าสงครามยูเครนเป็น “สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” อันนำไปสู่การเพิ่มกำลังพลอเมริกันในยุโรปจาก 74,000 เป็น 1 แสนนาย พร้อมทั้งเพิ่มชุดส่งทางอากาศจาก 4 เป็น 12 ชุด และเพิ่มจำนวนเรือรบจาก 5 เป็น 26 ลำ พร้อมกันนั้นสหรัฐยังได้เพิ่มความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครน แต่ก็ไม่ใช่อาวุธหนัก หากเป็นอาวุธเชิงรับ เพื่อหน่วงเหนี่ยวการรุกของกองทัพรัสเซีย เช่น จรวดต่อสู้รถถัง
แต่ผู้นำตะวันตกก็มองว่าการรับมือของยูเครนต่อการเข้าตีของรัสเซีย คงทำได้เพียงระยะสั้นๆ เพราะด้วยศักยภาพของกองทัพยูเครน เป็นไปได้ยากที่จะยันการรุกของกองทัพรัสเซียได้จริง
ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2022 ภาพเริ่มปรากฏชัดเจนจากการเตรียมการของกองทัพรัสเซีย ยานพาหนะทางทหาร ทั้งยานยนต์และยานหุ้มเกราะถูกทาสีเป็นตัวอักษรขนาดใหญ่สีขาว เพื่อให้มองเห็นจากทางอากาศคือ V Z และ O ตัวอักษรแต่ละตัว บ่งบอกถึงการขึ้นการบังคับบัญชากับกลุ่มกองทัพใด อีกทั้งยังมีการเคลื่อนย้ายสิ่งอุปกรณ์ทางทหาร เวชภัณฑ์ และโรงพยาบาลสนาม ตลอดรวมถึงรถบรรทุกศพ อันเท่ากับเป็นสัญญาณของการรุกใหญ่ทางทหารนั่นเอง
การเตรียมสงครามของรัสเซียยังเห็นเพิ่มเติมได้จากรายการทีวีรัสเซียถึงการอพยพผู้คนในพื้นที่ดอนบาส ที่อยู่ในระยะการโจมตีของหน่วยปืนใหญ่ยูเครน ข่าวทีวีรัสเซียเป็นสัญญาณอันตรายอีกหนึ่งเรื่อง และประธานาธิบดีฝรั่งเศสพยายามที่จะหาทางออกด้วยการโทรศัพท์หาปูติน แต่ปูตินตอบว่าเขากำลังออกกำลังกายในโรงยิมส์ และเตรียมไปเล่นฮอกกี้น้ำแข็ง (บทสนทนานี้ออกอากาศทางทีวี France 2)… ปูตินไม่มีเวลาคุย เพราะหลังจากนี้ไม่นานนัก เขาบินกลับเข้ามอสโคเพื่อเตรียมประชุมสภาความมั่นคง
นอกจากนี้ หน่วยข่าวกรองของสหรัฐยังให้ข้อมูลถึงการจัดเตรียมเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่จำนวน 5 ลำ พร้อมกับกำลังรบพิเศษ ที่ลงยึดสนามบินโฮสโตเมล ที่อยู่ใกล้กับตัวเมืองหลวงของยูเครน
การโจมตีจุดแรกเกิดประมาณ 03:40 น. ของเช้ามืดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 เมือง Mylove ซึ่งอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างยูเครนกับดอนบาสตกเป็นเป้าหมายแรก และหลังจากนั้นเริ่มมีรายงานทางทหารเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนเวลา 05:30 น. สภาความมั่นคงและสภากลาโหมของยูเครนจึงประกาศกฎอัยการศึก สงครามที่เกิดนั้นทำให้ความหวังสุดท้ายของเซเลนสกีที่ยอมประนีประนอมอย่างถึงที่สุดว่า ถ้ายูเครนไม่เข้าเป็นสมาชิกของนาโตแล้ว รัสเซียจะไม่เปิดสงครามนั้น เป็นอันสิ้นสภาพลงโดยปริยาย
รวมถึงความหวังจนนาทีสุดท้ายที่คิดว่า การเจรจาจะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ยูเครนหลีกเลี่ยงสงครามกับรัสเซียได้ และยูเครนจะยอมสละความคิดที่จะเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของนาโต
สิ้นสุดความหวัง
เมื่อมาถึงจุดนี้ จึงเป็นอันว่าโอกาสของการเจรจาที่จะเป็นหนทางของการยับยั้งสงครามนั้น ได้สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งเครื่องมือที่เหลือจากนี้ไปจึงได้แก่ การใช้กำลังทหารเพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างรัฐ อันมีนัยเท่ากับการหวนคืนของ “สงครามระหว่างรัฐ” ในเวทียุโรปอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ดังนั้น เพื่อเป็นการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เซเลนสกีได้อัดเทปออกอากาศในเวลา 07:48 น. และยืนยันกับชาวยูเครนว่า ประเทศได้เข้าสู่สภาวะสงครามแล้ว นอกจากนี้ เขาได้พูดคุยทางโทรศัพท์เพื่อแสวงหาความสนับสนุนจากผู้นำของสหรัฐ อังกฤษ โปแลนด์ และผู้นำประเทศอื่นๆ ต่อมารัฐบาลได้ประกาศ “ปิดน่านฟ้า” ของยูเครน เนื่องจากรัสเซียใช้ปฏิบัติการทางอากาศเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปิดสงคราม ท้องฟ้าของยูเครนในเช้าวันนี้เต็มไปด้วยเครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์ทหารรัสเซีย
พร้อมกันนี้ เซเลนสกีได้ตอบคำข้อเสนอของไบเดนที่ให้เขาและครอบครัวอพยพออกนอกประเทศ จนกลายเป็นวรรคทองของสงครามยูเครน… “I need ammunition, not a ride”!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022