ผบ.ตร.เซ็นไล่ออก ‘บิ๊กโจ๊ก’ เส้นทางคัมแบ๊ก ‘สีกากี’ ริบหรี่ จ่อเปิดลุคไฉไลสู่ถนนการเมือง

บทความโล่เงิน

 

ผบ.ตร.เซ็นไล่ออก ‘บิ๊กโจ๊ก’

เส้นทางคัมแบ๊ก ‘สีกากี’ ริบหรี่

จ่อเปิดลุคไฉไลสู่ถนนการเมือง

 

เส้นทาง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. จะกลับมาสวม “เครื่องแบบสีกากี” แทบจะริบหรี่

หลังจาก บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ลงนามในคำสั่งไล่ออกจากราชการ ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับลูกน้องอีก 4 นาย

นั่นคือ 1.พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา 2.พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.สส.สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 3.ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผบ.หมู่ (ทำหน้าที่จราจร) งานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 1 กก.6 บก.จร. และ 4.ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร.

ถ้าจำกันได้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ สมัยเป็นรอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกราชการไปพร้อมกับลูกน้องอีก 4 คนไว้ก่อน เมื่อ 18 เมษายน 2567

หลังจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ชื่อ BNKMASTER และถูกดำเนินคดีอาญา ตามคดีอาญาที่ 391/2566 ของ สน.เตาปูน

พร้อมทั้งถูกศาลอาญาออกหมายจับในความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน

เป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ม.112 (6) (9) ประกอบ ม.111 (1) (2) (15) และ (16)

 

หลายคนนึกถึงพุทธศาสนสุภาษิต “กมฺมุนา วตฺตตี โลโก” สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

แต่ขณะเดียวกันแคลงใจว่า เป็นผลพวงจาก “ศึกนายพลสีกากี” ระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ขณะนั้น และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือไม่

ว่ากันว่า “ตำรวจตัดตำรวจ” มีสารตั้งต้นจากคดี “ผู้การอ๊อด” พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จ.ชลบุรีขณะนั้น และนายตำรวจอีก 7 คน ถูกกล่าวหารีดทรัพย์เว็บพนันออนไลน์ “Foxbet 168” จากกลุ่มของ “เป้” นายธนินวัฒน์ อุดมเชาวเศรษฐ์ และพวกรวม 6 คน กว่า 140 ล้านบาท

ตามด้วยคดีอุกอาจ ยิง “สารวัตรแบงก์” ที่สำนักงานกำนันนก นครปฐม โยงไปถึง “ทีมตำรวจทางหลวง” ซึ่งใกล้ชิดกับเบอร์ 1 กรมปทุมวันขณะนั้น

ที่ตอนแรก “บิ๊กโจ๊ก” คุมคดีเอง และจ่อจะเอาผิด “ผู้กำกับเบิ้ม” น้องรักอดีต ผบ.ตร. ถึงแม้นยิงตัวตายไปแล้ว แต่แล้วมีคำสั่งโอนคดีให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทำ

ถัดมาว่ากันว่าเป็นการ “เอาคืน” ด้วยปฏิบัติการตำรวจไซเบอร์ และคอมมานโด ค้นบ้านด้านหลังสโมสรตำรวจตอนเช้าตรู่วันที่ 25 กันยายน 2566 ปรากฏภาพ “บิ๊กโจ๊ก” อยู่ในสภาพชุดลำลอง เสื้อยืดสีขาว กางเกงบ๊อกเซอร์ขาสั้น สวมถุงเท้า

และวันเดียวกันนั้นตำรวจไซเบอร์ได้ระดมกำลังกวาดล้างเครือข่ายแก๊งพนันออนไลน์ เข้าค้นรวม 30 จุดใน 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, เพชรบุรี, ขอนแก่น, อุดรธานี และสระบุรี

จนนำมาสู่การดำเนินคดีเว็บพนันออนไลน์ของ ‘มินนี่’ และเครือข่าย 53 คน รวมทั้งนายตำรวจใกล้ชิด “บิ๊กโจ๊ก” ต่อมาจับกุมเครือข่ายเว็บพนัน BNK ที่ สน.เตาปูน กทม. และ สภ.คอหงส์ จ.สงขลา

แล้ว บช.น. เสนอศาลอนุมัติออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ข้อหาฟอกเงินและสมคบฟอกเงินเว็บพนัน

ที่มา 3 คำสั่ง ออกภายในวันเดียว คือ 18 เมษายน 2567

ขณะนั้นกูรูกฎหมายหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า 3 คำสั่งนั้น อาจไม่ถูกต้อง

ประกอบด้วย คำสั่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วตั้งคณะกรรมการสอบ และสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยที่ยังไม่ทราบผลสอบ

จึงไม่เป็นไปตามมาตรา 120 วรรค 4 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 หรือไม่

ต่อมา คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ยกอุทธรณ์คำร้องของ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ให้วินิจฉัยเรื่องนี้

เช่นเดียวกับ “ก.ตร.” มีมติเอกฉันท์ว่าคำสั่งให้ออกราชการถูกต้อง

ระหว่างนั้น คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ที่ พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. เป็นประธานสอบก็ดำเนินการสอบสวนมาเรื่อยๆ

จน พล.ต.อ.สราวุฒิ เกษียณอายุราชการ มีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ รับไม้ต่อ

ผลพิจารณาเห็นว่า พฤติการณ์ของข้าราชการตำรวจทั้ง 5 นาย เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงมีมติเห็นควรลงโทษไล่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับพวกออกจากราชการ

แล้วเสนอต่อคณะกรรมการเสนอแนะการลงโทษ ที่มี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร.อาวุโสสูงสุด เป็นประธาน และรอง ผบ.ตร.ทุกคน เป็นกรรมการ

ปรากฏว่า มีมติให้ลงโทษไล่ออกตามผลสอบที่เสนอมา

จากนั้นเสนอ ผบ.ตร.ลงนาม ขั้นตอนต่อไปเสนอ ก.ตร.เห็นชอบ

 

จากปากของ “บิ๊กโจ๊ก” บอกว่าจะอุทธรณ์คำสั่งต่อ ก.พ.ค.ตร. ภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ ก.พ.ค.ตร.มีกำหนดระยะเวลาพิจารณา 120 วัน ขยายเวลาได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 60 วัน รวมทั้งสิ้น 240 วัน

หาก ก.พ.ค.ตร.วินิจฉัยเป็น “คุณ” กับบิ๊กโจ๊กและพวก อุทธรณ์ฟังขึ้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องเรียกกลับเข้ารับราชการภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ ก.พ.ค.ตร.มีคำวินิจฉัย

หาก ก.พ.ค.ตร.วินิจฉัยเป็นโทษ ยืนตามคำสั่งไล่ออก

บิ๊กโจ๊กกับพวกฟ้องศาลปกครองสูงสุดภายใน 90 วัน อาจใช้เวลา 1-2 ปี

ถ้าศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งลงโทษไล่ออก ตร.จะต้องดำเนินการในเรื่องการเสนอเพื่อถอดยศ ให้คืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่อไป

เพราะฉะนั้น เส้นทางบิ๊กโจ๊ก กลับมาสวมเครื่องแบบดูริบหรี่เต็มที

แน่นอนว่าหนทางข้างหน้าเจ้าตัวมุ่งสู่ถนนการเมือง

ดูจากการทำกิจกรรมช่วยเหลือประชาชนในฐานะนายกสมาคมปักษ์ใต้ฯ ได้สะสมต้นทุนความนิยมมาตลอด

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในวงการสีกากีด้วยกันอาจส่ายหน้า แต่สาธารณะจะยอมรับว่า “บิ๊กโจ๊ก” เป็นขวัญใจมหาชน