ศึกซักฟอก “แพทองธาร ชินวัตร” | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน

ศึกซักฟอก “แพทองธาร ชินวัตร”

ส่อเค้าเล่าอาการว่า “ลำกล้องอักเสบ” ได้เหมือนกัน “การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้ว่าใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล” ตามช่องทางรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ที่พรรคฝ่ายค้านร่วม มีพรรคประชาชนเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน โดยปรับแผนกะทันหัน ล็อกเป้ามุ่งกระแทกกลาง “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว

“นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ได้ยื่นญัตติต่อ “นายมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ มีผู้ลงรายมือชื่อรวม 166 คน เนื้อหาอภิปรายครอบคลุมหลายประเด็น หลายกระทรวง และหลายพรรคร่วมรัฐบาล

เนื้อหาของญัตติซักฟอก ระบุว่า “น.ส.แพทองธาร เป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติและไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหาร ทั้งขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถและขาดเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดินที่แก้ปัญหาให้ประเทศชาติและประชาชน ส่งผลทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศชาติ จงใจลอยตัวเหนือปัญหาและไม่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ เพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนของตนเอง บิดา ครอบครัว และพวกพ้องเป็นตัวตั้ง อยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม”

“น.ส.แพทองธาร ยังไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมเอาเปรียบประชาชน สังคม โกหก หลอกลวง ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน เป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทนกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย บริหารบ้านเมืองผิดพลาด ล้มเหลวอย่างร้ายแรงทั้งในด้านการเมือง การปฏิรูปกองทัพ ความมั่นคง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ทำลายนิติรัฐ ทำลายระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา เจตนา ตลอดจนปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต คอร์รัปชั่น ภายใต้การบริหารงานของตนเอง”

ทั้งยังทุจริตเชิงนโยบาย บริหารบ้านเมืองเพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่พวกพ้อง และกลุ่มทุน แต่งตั้งบุคคลที่ขาดความเหมาะสม ขาดความรู้ความสามารถ หรือไม่ซื่อสัตย์สุจริตไปเป็นรัฐมนตรีหรือตำแหน่งสำคัญอื่น

แต่ประเด็นที่ “เป็นเรื่อง” วรรคตอนที่ญัตติระบุว่า “น.ส.แพทองธาร ยังสมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นการกระทำอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดโดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ”

จากพฤติการณ์ดังกล่าว “ฝ่ายค้าน” เห็นว่า หากปล่อยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังคงบริหารราชการแผ่นดินสืบไป จะทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างร้ายแรงจนยากจะแก้ไขเยียวยา

วันปิดประตูตีแมวตัวน้อยๆ ที่ชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” มีจุดนัดหมายกันลงตัว เบื้องต้นคาดว่า “นายวันนอร์” น่าจะบรรจุเข้าวาระประชุมวันที่ 25 มีนาคม ส่วนกี่วันกี่คืน เป็นประเด็นปลีกย่อย

ดังที่บอก เกิดดราม่า มีประเด็นที่เป็นเรื่อง อยู่ในวรรคท้ายๆ ของญัตติ ที่ปรากฏว่า มีชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” พ่อนายกฯ อุ๊งอิ๊งก็จริง แต่ถือว่าเป็น “บุคคคลภายนอก” ทำให้ “ผู้เฒ่า” ผู้คุมกฎที่ชื่อ “วันนอร์” เห็นว่า อาจทำให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมสภาได้ จึงขอให้ฝ่ายค้านแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว นำรายชื่อบุคคลภายนอกออกจากเนื้อหาญัตติ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อที่ 176

แต่ “นายณัฐพงษ์” ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ก็แน่เหมือนกัน ปักหมุดแล้วไม่ยอมถอน ล่าสุด ยังสวมบท “สามเณรสอนสมภาร” ส่งหนังสือถึง “ประธานวันนอร์” ตอบโต้ข้อกล่าวหา ตาต่อตา ฟันต่อฟัน สอนมวยไป 3 ประเด็น ให้สว่างตาด้วยแสงไฟ สว่างใจด้วยแสงธรรม สรุปว่า

“1. ประธานสภาจะวินิจฉัยว่าเนื้อหาของญัตติสมควรมึเนื้อหาอย่างไรมิได้ เนื่องจากญัตติดังกล่าวไม่ได้ให้อำนาจประธานสภาใช้ดุลพินิจวินิจฉัย

2. ข้อบังคับการประชุมสภาไม่ได้ห้ามให้ระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติ จึงไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดหรือฝ่าฝืนข้อบังคับ

และ 3. ข้อบังคับการประชุมข้อที่ 136 ให้ประธานสภา เมื่อได้รับญัตติแล้วให้ทำการตรวจสอบ หากมีข้อบกพร่อง ให้แจ้งผู้เสนอทราบภายในเจ็ดวัน”

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า “หัวหน้าเท้ง” จะยกแม่น้ำสายไหนมาอ้างอิง แต่เหมือนเสียงนกแก้ว นกขุนทอง โจทย์ใหญ่ที่ต้องขบให้แตกก่อน คือตัวตนของคนชื่อ “วันนอร์” หลายคนคงรู้น้ำใสใจจริง สุภาพเรียบร้อย ขาวเป็นขาว ดำเป็นดำ ความคิดแกร่งดุจเหล็กกล้า ประกาศไปแล้วว่า จะไม่บรรจุศึกซักฟอกเข้าวาระ หากไม่ถอนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ออก ก็คงกลับลำยาก

โอกาสที่ศึกซักฟอก “แพทองธาร ชินวัตร” ที่ฝ่ายค้านยื่นเล่นงานเพียงผู้เดียว ในวันที่ 25 มีนาคม มีแนวโน้มจะแห้วรับประทาน หากไม่ถอนชื่อ และไม่รู้จะได้อภิปรายในวันไหน เมื่อใด เพราะวันที่ 10 เมษายน เหลือเวลาไม่ถึงเดือน สภาผู้แทนราษฎรเปิดสมัยประชุมมาครบ 3 เดือน 120 วัน ใกล้จะปิดเทอมยาวอีก 3 เดือนอยู่แล้ว

ขณะที่ท่านผู้ชมจำนวนมากรู้สึกผิดหวัง ระคนกับส่งเสียงหัวเราะเยาะ เย้ยหยันถากถาง “พรรคฝ่ายค้านร่วม” โดยเฉพาะ “พรรคประชาชน” โดนหนักกว่าใครเพื่อน ถูกสบประมาทว่ายังมีความละอ่อนทางการเมือง มองเกมไม่ทะลุอยู่มาก

โผแรกที่จะยื่นอภิปราย วางเป้าหมายไว้ 10 รัฐมนตรี ที่ประกอบด้วย “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร-นายภูมิธรรม เวชชัย” รองนายกฯ-รมว.กลาโหม “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯ-รมว.คมนาคม “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ-รมว.มหาดไทย “นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯ-รมว.พลังงาน “นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์” รมว.ต่างประเทศ “พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ” รมว.ศึกษาธิการ “นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์” รมว.อุตสาหกรรรม “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม และ “นายสุชาติ ชมกลิ่น” รมช.พาณิชย์ ครบเครื่องทุกองค์ประกอบ เวิร์กอยู่แล้ว

แต่กลับมาอ้างว่าข้อสอบรั่ว เลยเปลี่ยนแผนมาถล่ม “อุ๊งอิ๊ง” เพียงคนเดียว

อย่าลืมว่า “น.ส.แพทองธาร” ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 เท่ากับดำรงตำแหน่งมาเพียง 6 เดือน จะก่อกรรมทำเข็ญ ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ครบทุกรส มันก็ดูเกินไป

สรุป “สีส้ม” เล่นท่ายากเกินไป เลยคืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล แปลว่า “ออกทะเล”