เมื่อเทพแห่ง เมโลดิก เดธ และนักรบแห่ง ดูม เมทัล บุกไทย

บทความพิเศษ | ศรัณยู ตรีสุคนธ์

 

เมื่อเทพแห่ง เมโลดิก เดธ

และนักรบแห่ง ดูม เมทัล บุกไทย

 

เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา Dark Tranquility วงดนตรีแนวเมโลดิก เดธ เมทัล รุ่นบุกเบิกจากประเทศสวีเดน ได้มาเปิดคอนเสิร์ตในไทยเป็นครั้งแรกที่ Mr. Fox ซึ่งถือเป็น Live House ขวัญใจคอเพลงหูเหล็กย่านทาวน์อินทาวน์

ที่น่าสนใจมากๆ ก็คือ Dark Tranquility ไม่ได้มาเล่นแค่วงเดียว แต่ทางผู้จัดอย่าง Slamman Booking Asia และ DNR Record ได้นำวงเมทัลจากต่างประเทศมาสร้างความเดือดแบบทะลุองศากันหลายวงด้วย

ไลน์อัพวงดนตรีที่มาโชว์ในวันนั้นประกอบไปด้วย HERRIOT วงแนวเมโลดิก เดธ เมทัล จากมาเลเซีย

Gotsu Totsu Kotsu วงจากแดนอาทิตย์อุทัยที่เรียกแนวดนตรีที่ทางวงเล่นว่า ซามูไร เอ็กซ์ตรีม เดธ เมทัล

Ethereal Sin วงแนวซิมโฟนิก แบล็ก เมทัล จากญี่ปุ่นเช่นกัน

และ Conan วงแนวสโตนเนอร์/ดูม เมทัล รุ่นเก๋าจากสหราชอาณาจักร

นอกจาก Dark Tranquility แล้ว มีอยู่วงหนึ่งที่อยากเขียนถึงเป็นพิเศษ นั่นก็คือ Conan วงดนตรีจากเมืองลิเวอร์พูลประเทศอังกฤษที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นวงยอดฝีมือที่เล่นดนตรีในแนว “Doom/Stoner และ Sludge Metal” ได้ทั้งดิบและโหดแบบลากเลือดมากที่สุดวงหนึ่ง

ก่อนที่จะเขียนถึงงานเพลงของวง Conan เรามาทำความรู้จักกับดนตรีดูม เมทัล กันก่อน

วง Conan

วงที่เป็นผู้ให้กำเนิดดนตรีแนวนี้คือ Black Sabbath โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานเพลงสองชุดแรกของวงอย่าง Black Sabbath (1970) และ Master of Reality (1971)

เอกลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุดดนตรีแนวนี้ก็คือความหนืดและความหนักหน่วงจากเส้นลวดทั้งหกสายของกีตาร์ ซึ่งเกิดจากการตั้งสายเพื่อให้ได้โน้ตเสียงต่ำกว่าปรกติ โดยมาตรฐานแล้วกีตาร์จะมีการตั้งสายจากเสียงต่ำสุดคือสายหกด้วยโน้ตมี (E2) และสายหนึ่งที่เป็นเสียงสูงสุดคือโน้ตมี (E4)

แต่เพื่อให้ได้โน้ตที่ต่ำกว่าปรกติดนตรีแนวเมทัลจะตั้งสายแบบ Drop D Tuning ที่จะมีการปรับสายหกให้ต่ำลงหนึ่งเสียงเพื่อเปลี่ยนโน้ตจากมี (E2) เป็นเร (D2) ซึ่งทำให้ซาวด์กีตาร์มีมวลแน่นขึ้นจากการสั่นของเบสที่มากขึ้น

ดนตรีแนวนี้ใช้เอฟเฟ็กต์กีตาร์ไม่มากนักแต่ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Distortion และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Fuzz ซึ่งเป็นเอฟเฟ็กต์ที่ให้เสียงหนาและดุดัน

ในส่วนของเนื้อหาของดนตรีโดยรวมแล้วจะสื่อถึงความสิ้นหวัง, ความหวาดกลัวและความตาย

แต่เนื้อหาในบทเพลงของวง Conan มีความลึกซึ้งมากกว่านั้นและยังเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของชาวนอร์ส (Norse) ที่กล่าวถึงการต่อสู้ของชาวสแกนดิเนเวียในช่วงศตวรรษที่ 8 ถึง 11 ด้วย

วง Dark Tranquility

งานเพลงของวง Conan ได้รับการนิยามว่าเป็น “Caveman Battle Doom” ที่สื่อถึงการสู้รบของมนุษย์ถ้ำในยุคโบราณ โดยชื่อวงหยิบยืมมาจากนิยายเรื่อง Conan the Barbarian ของ โรเบิร์ต อี โฮเวิร์ด ซึ่งได้นำตำนานเทพปกรณัมของชาวนอร์สที่กล่าวถึงกลุ่ม Aesir เทพเทพีบนท้องฟ้าผู้ทรงพละกำลัง (ธอร์ และ โลกิ ก็อยู่ในเทพกลุ่มนี้) ส่วน Vanir เป็นเทพเทพีอยู่บนโลกมนุษย์เป็นสัญลักษณ์ของความร่ำรวย

โดยในตำนานเทพปกรณัมของชาวนอร์สทั้งสองกลุ่มนี้มีการสู้รบกันตลอด

ส่วนโคแนน เป็นนักรบคนเถื่อนจากคิมเมอเรีย เมืองทางภาคเหนืออันไกลโพ้น เขาเป็นยอดนักสู้ที่มีพลังไร้ขีดจำกัดที่เข้าร่วมสู้รบในสงครามนี้

Conan เป็นวงดนตรีสามชิ้นที่นำดนตรีดูมและสโตนเนอร์ซึ่งมีซาวด์คล้ายดูมแต่เล่นด้วยจังหวะที่เร็วกว่าและมีกลิ่นอายของดนตรีบลูส์, ไซคีเดลิกและเอซิดร็อกอผสมอยู่ด้วย

ดนตรีที่พวกเขาเล่นบนเวทีคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทยหนักหน่วงรุนแรงด้วยเสียงกลองที่กระหน่ำอย่างหนักหน่วง

ซาวด์เบสที่มีไดนามิกสูง รวมถึงซาวด์กีตาร์ที่ให้เสียงในย่านเบสที่ต่ำมาก

งานนี้ต้องยกเครดิตให้กับมือกีตาร์ จอน เดวิส ที่เล่นได้หนักปานธรณีถูกถล่มด้วยค้อนของเทพธอร์, เดวิด ไลรีย์ มือเบสหนึ่งในผู้ก่อตั้ง FUDGE TUNNEL วง Sludge Metal ระดับตำนานจากเมือง น็อตติ้งแฮม และ จอห์นนี คิง ที่หวดกลองได้หนักถึงขั้นแก้วหูสะเทือน

การรับชมโชว์ของวง Conan ที่มีภาพเคลื่อนไหวของโคแนนที่กำลังต่อสู้กับศัตรูทั้งในรูปแบบหนังเกรดบี, การ์ตูนและวิดีโอเกมเป็นแบ๊กกราวด์ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนฟันด้วยดาบและถูกทุบด้วยค้อนปอนด์อย่างไม่ยั้งมือ

แบบเดียวกับที่ศัตรูที่โคแนนสังหารด้วยพละกำลังจากมัดกล้ามที่สมบูรณ์แบบอย่างไรอย่างนั้น

 

Dark Tranquility ที่ขึ้นโชว์ในฐานะเฮดไลน์และเป็นวงปิดงาน ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้กำเนิดดนตรีแนวเมโลดิก เดธ เมทัล ที่ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศสวีเดน

ดนตรีแนวนี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวของศิลปินเมทัลรุ่นใหม่ในช่วงต้นยุค 90 เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างดนตรีเดธ เมทัล ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วยการนำรูปแบบของดนตรีคลาสสิค, โปรเกรสซีฟ, โอลด์ สคูล เฮฟวี่ เมทัล อย่าง แทรช เมทัล ไปจนถึงฮาร์ดคอร์ พังก์ และแกลม ร็อก มาใช้เป็นแกนในการเรียบเรียงดนตรี

ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการเล่นกีตาร์คู่ที่เน้นความสวยงามของ Movement ในแบบวง Iron Maiden

ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดซีนดนตรีที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า Gothenburg Sound ที่หยิบยืมชื่อเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของประเทศสวีเดนมาตั้งเป็นชื่อซีนดนตรีแนวนี้

ในขณะที่เดธ เมทัล แท้ๆ เป็นแนวดนตรีที่เน้นรุนแรงในทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นซาวด์กีตาร์ที่ทั้งดิบและให้เสียงที่ต่ำ การร้องเสียงสำรอก ไปจนถึงเสียงกลองที่ก้าวร้าวรุนแรง

แต่เมโลดิก เดธ เมทัล ปรับเสียงสำรอกในแบบเดธมาเป็นเสียงคำรามและกรีดร้องที่ดังอยู่ในลำคอ (Growling Vocal) ที่ฟังคล้ายกับเสียงร้องในแบบแบล็ก เมทัล มากกว่า ริฟฟ์กีตาร์มีเมโลดี้ที่เรียบเรียงได้อย่างสวยงาม มีฮาร์โมนีที่ติดหูจากกีตาร์อย่างน้อยสองตัว

Mikael Stanne นักร้องนำเผยว่าเขาได้แรงบันดาลใจในการทำเพลงมาจากวงสวีดิช เดธ เมทัล รุ่นพี่อย่าง Grotesque รวมถึงวงเดธ เมทัล จากเมืองฟลอริดาอย่างวง Grotesque ด้วย โดย Dark Tranquility เป็นหนึ่งในสามวงจากสวีเดนที่ถือว่าเป็นผู้กำเนิดแนวดนตรีเมโลดิก เดธ เมทัล โดยอีกสองวงที่เหลือคือ In Flames และ At the Gates

สองวงดังกล่าวเคยมาเปิดคอนเสิร์ตในไทยมาแล้ว

ส่วน Dark Tranquility เพิ่งจะมาเล่นสดในไทยเป็นครั้งแรก

 

โชว์ของวงนับว่าคุ้มค่าสมการรอคอย ถึงแม้ว่าจะมี Mikael Stanne นักร้องนำเพียงคนเดียวที่ถือเป็นสมาชิกที่อยู่กับวงมาตั้งแต่ต้นมาจนถึงปัจจุบัน

ในขณะที่ Martin Br?ndstr?m มือคีย์บอร์ดเป็นสมาชิกวงมาตั้งแต่ปี 1999 ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ เข้ามาร่วมวงหลังจากปี 2017 ไปแล้วทั้งนั้น

โชว์ครั้งแรกในไทยของ Dark Tranquillity นับว่าเกินกว่าคำว่าคุ้มค่า สมกับที่รอคอยมานานหลายสิบปีเสียอีก เพราะทางวงเต็มที่กับโชว์ในทุกเพลง

Mikael พูดคุยกับแฟนเพลงตลอดทั้งโชว์ โดยสัดส่วนดนตรีที่เป๊ะมากๆ ทั้งในส่วนของความสวยงามที่ผสมกลมกลืนกับความหนักหน่วงของวง ทางวงนำมาเล่นสดได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านเพลงฮิตอย่าง Atoma, Cathode Ray Sunshine, The Wonders at Your Feet, Hours Passed in Exile, Empty Me, Lost to Apathy, Misery’s Crown, Nothing to No One, Not Nothing

และอีกหลายเพลงรวมทั้งสิ้น 14 เพลงมาให้แฟนๆ ได้โยกหัวกันอย่างเมามัน

 

ทาง Slamman Booking Asia ยังมีคอนเสิร์ตที่สาวกหูเหล็กห้ามพลาดรออยู่อีกหลายงาน ที่เพิ่งผ่านไปงานนึงก็คือ Let to Die : Death Live in Bangkok ที่นำ Death วงต้นแบบดนตรีแนวเดธ เมทัล มาเล่นในไทยเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา

ส่วนอีกงานที่สาวกดนตรีแนวเดธ คอร์ ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดก็คือ Summer blast Fest 2025 ที่มีวงไทยสามวงอย่าง The Last Shot, Teresa Band และ AKIRA-KUR? เล่นเป็นวงเปิด

นอกจากนี้ ก็จะมีโชว์ของวง SABLE HILLS จากญี่ปุ่น

วง DISTANT จากเนเธอร์แลนด์ และจะเป็นการกลับมาเยือนไทยอีกครั้งของวงเดธ คอร์ระดับแถวหน้าสองวงด้วยกันคือ Within Destruction จากสโลเวเนีย และ Alpha Wolf จากออสเตรเลีย

โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 30 มีนาคมนี้ที่ Mr. Fox เจ้าเก่า