ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 มีนาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | กาแฟดำ |
ผู้เขียน | สุทธิชัย หยุ่น |
เผยแพร่ |
กาแฟดำ | สุทธิชัย หยุ่น
โลกจะเป็นเช่นไร
ถ้าทรัมป์ทิ้งนาโต?
ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดก็เกิดขึ้นได้ในยุคของทรัมป์
ผมจึงตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับระเบียบโลกหากเกิดเหตุการณ์ต่อไปนี้ :
1. สหรัฐทิ้งนาโต ทรัมป์หันไปจูบปากรัสเซีย
2. ยุโรปจัดตั้งพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศของตนเอง จากที่เรียกว่า NATO (North Atlantic Treaty Organization) มาเป็น ETO (Europea Treaty Organization)
แรกเริ่มคนส่วนใหญ่จะบอกว่าโลกจะกลับตาลปัตรได้ขนาดนี้เลยหรือ?
ผมแย้งว่ามาถึงวันนี้ต้องใช้หลักคิดใหม่ นั่นคือ “คาดในสิ่งที่คาดไม่ถึง” และ “คิดในสิ่งที่ไม่เคยกล้าจะคิด”
หรือ Expect the Unexpected
กับ Think the Unthinkable
สิ่งที่เห็นได้ทันทีหากสหรัฐฉีกตัวออกจากนาโตและหันไปยืนเคียงข้าง (หรืออย่างน้อยไม่ต่อต้าน) รัสเซียคือการล่มสลายของกรอบความมั่นคงของชาติตะวันตกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
นาโตที่ไร้กำลังทหารของสหรัฐ (ประมาณ 70% ของการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ) จะสลายตัวหรือไม่ก็หดตัวอย่างแรง
กลายเป็นกลไกไร้น้ำยาที่มอสโกไม่จำเป็นต้องเกรงขามอีกต่อไป
และภาพที่น่าตื่นตะลึงอีกด้านคือแนวร่วมสหรัฐกับรัสเซียที่อาจจะพุ่งเป้าไปที่การถ่วงดุลอิทธิพลที่สยายปีกอย่างต่อเนื่องของจีน
เป็นไปได้ไหมว่าทั้งทรัมป์และรัสเซียอาจจะมีความระแวดระวังการเติบใหญ่ทางเศรษฐกิจและการทหารของจีนถึงขั้นจับมือกับขวางทางปักกิ่ง
อย่างที่เคยเกิดมาแล้วเมื่ออดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐบินไปเยือนประธานเหมา เจ๋อตุง ของจีนเมื่อปี 1972 เพื่อแยกจีนออกจากสหภาพโซเวียต
เพียงแต่ครั้งนี้ทรัมป์กล่อมให้ปูตินถอยห่างจากสี จิ้นผิง
(นักวิเคราะห์บางคนอาจบอกว่าฝันกลางวันซึ่งก็ควรจะรับฟังเช่นกัน)
คิดให้ไกลไปอีกก็อาจจะมองเห็นการผ่อนปรนความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันและมอสโกอาจทำให้ตลาดพลังงานมีเสถียรภาพ (ความร่วมมือด้านน้ำมันและก๊าซ) และลดความขัดแย้งในยูเครนหรือซีเรีย
ข่าวบางกระแสบอกว่าทรัมป์ได้ขอให้ปูตินช่วยกล่อมให้ผู้นำสูงสุดของอิหร่านยอมเจรจาลดการวิจัยและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์แล้ว
แต่สำหรับเอเชียแล้วความปั่นป่วนจะเกิดขึ้นทันที
เพราะผู้คนจะเลิกเชื่อมั่นในสหรัฐ และความไว้วางใจในคำมั่นสัญญาของสหรัฐอาจร่วงหล่นในระดับโลก
พันธมิตรเช่น AUKUS (ออสเตรเลีย, อังกฤษ และสหรัฐ) หรือความร่วมมือในอินโด-แปซิฟิก (ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) อาจสั่นคลอนได้เมื่อประเทศต่างๆ เริ่มตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของอเมริกา
อาเซียนเองก็จะเริ่มหวั่นไหวอย่างรุนแรง
ถ้าไม่อาจเชื่ออเมริกาแล้ว อาเซียนจะต้องขยับไปใกล้จีนมากขึ้นไหมหรือ?
ตัดภาพไปที่ยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะโปแลนด์และประเทศกลุ่มบอลติกจะตื่นตระหนกเมื่อเผชิญกับรัสเซียที่ฟื้นคืนชีพ
ด้านหนึ่งต้องสูญเสียการคุ้มครองของ “ร่มนิวเคลียร์” ของสหรัฐ และอีกด้านหนึ่งต้องพร้อมทำสงครามกับรัสเซีย
และนั่นอาจจะนำไปสู่การเร่งสร้างสมแสนยานุภาพทางทหารครั้งใหญ่อีกครั้ง
(ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ทำท่าว่าอาจจะต้องเตรียมการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองหากสหรัฐถอนตัวออกจากเอเชีย และตนต้องเผชิญกับจีนและรัสเซียที่ไม่แน่ว่าจะวางตัวเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่)
ลองจินตนาการภาพโปแลนด์หรือเยอรมนีที่เล็งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองเหมือนกัน
คิดแค่นี้ก็หนาวกันทั่วแล้ว
ในระดับโลก “ระเบียบโลกที่ยึดกติกา” (Rule-based World Order) ซึ่งเดิมก็สั่นคลอนอยู่แล้วจะได้รับแรงกระแทกรุนแรงแค่ไหน
เพราะหากเกิดสุญญากาศทางอำนาจในโลก ประเทศที่อยู่ในขบวนการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาตลอด เช่น อิหร่าน เกาหลีเหนือ หรือแม้แต่ตุรกีจะต้องปรับตัวอย่างรุนแรงเพียงใด
ขณะเดียวกัน ยุโรปก็จะต้องจัดตั้งพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศของตนเอง
หากยุโรปก้าวขึ้นมาแทนที่นาโตด้วยข้อตกลงของตนเอง ซึ่งเรียกว่าสหภาพการป้องกันประเทศยุโรป (ถ้าไม่เรียก ETO ก็เรียกใช้ชื่อ European Defense Union : EDU)
นั่นคือการปรับเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง
แต่ก็ใช่จะราบรื่นนัก
สหภาพยุโรปมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจระดับหนึ่ง (GDP ประมาณ 18 ล้านล้านดอลลาร์) แต่ขาดเอกภาพและความเป็นปึกแผ่นด้านการทหาร
ฝรั่งเศส, อังกฤษ และเยอรมนี ทำท่าจะเป็นแกนนำ โดยคลังอาวุธนิวเคลียร์และประสบการณ์ของฝรั่งเศสทำให้ประธานาธิบดี เอ็มมานูแอล มาครง ได้ประกาศว่าจะเสนอให้ใช้ “ร่มนิวเคลียร์” ของฝรั่งเศสคุ้มกันยุโรป
ในระดับโลก EDU อาจผูกมิตรกับอินเดียหรือญี่ปุ่นเพื่อต่อต้านกลุ่มสหรัฐ-รัสเซียและสกัดความทะเยอทะยานของจีน
ในฉากทัศน์ดังว่านี้ภาพที่เห็นคือสหรัฐอเมริกาจะหมดสภาพในฐานะมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของโลก
และอาจจะเกิดความยุ่งเหยิงของโลกสามขั้ว : แกนสหรัฐอเมริกา-รัสเซีย (เน้นทรัพยากร เน้นอำนาจนิยม) กลุ่มประเทศยุโรป (มีศักยภาพทางเศรษฐกิจแต่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้านการทหาร) และจีน (ยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรม เข้าถึงทั่วโลก)
ตะวันออกกลางกลายเป็นภูมิภาคที่ทุกคนสามารถแข่งขันได้-อิสราเอลอาจเอนเอียงไปทางยุโรป
ซาอุดีอาระเบียอาจเอนเอียงไปทางจีน แอฟริกา และละตินอเมริกาจะเป็นที่ปรารถนาของทั้งสามขั้วอำนาจ และสงครามตัวแทนจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะกลายเป็นมรดกล้าสมัย
สิทธิ์ยับยั้งจากสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และจีน (หากยังขัดแย้งกันอยู่) ทำให้คณะมนตรีฯ สหประชาชาติเป็นอัมพาต
กฎหมายระหว่างประเทศเสื่อมถอยลงเมื่อ “อำนาจดิบ” จะเป็นตัวกำหนดเงื่อนไขกติกาโลก
ที่จะกลายเป็นคำถามใหญ่ต่อไปคือโลกจะทำอย่างไรกับปัญหาโลกร้อนหรือ Climate Change?
ตอบได้ว่าจะพังพินาศ
เพราะหากระเบียบโลกตีลังกาเช่นนี้สิ่งที่เรียกว่า “ความร่วมมือระดับโลก” ก็จะกลายเป็นเรื่องของ “ตัวใครตัวมัน”
วิธีของทรัมป์ถูกเรียกขานว่า transactionalism หรือทุกอย่างกลายเป็นเรื่อง “ธุรกรรม”
นั่นหมายถึงการที่ทุกประเทศยึดนโยบาย “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”
กลายเป็นสังคมโลกที่การทำทุกอย่างเพื่อเอาประโยชน์ใส่ตัว
คำว่า อุดมคติ จริยธรรม นิติรัฐ ธรรมาภิบาลจะกลายเป็นเพียงวาทะสวยหรูที่เป็นแค่เครื่องประดับวาทกรรมเท่านั้น
ความเห็นแก่ได้เช่นว่านี้จะปรากฏโฉมในการแข่งขันด้านเทคโนโลยี (ปัญญาประดิษฐ์และอวกาศ) ที่ร้อนแรงขึ้น
แต่จะถูกปิดกั้นโดยกลุ่มประเทศที่ตักตวงประโยชน์เข้าหาตนเท่านั้น
แนวคิดที่จะ “ทำเพื่อมนุษยชาติ” จะกลายเป็นความเพ้อฝันลมๆ แล้ง
แต่มองอีกแง่หนึ่ง แนวโน้มเช่นนี้อาจกดดันบังคับให้ประเทศเล็กๆ รวมตัวกันเหนียวแน่นขึ้นเพื่อความอยู่รอดร่วมกันในอนุภูมิภาค
เช่น อาเซียนที่ใกล้ตัวเราที่สุด
หรือสหภาพแอฟริกาที่อาจจะต้องแสวงหาสูตรความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดมากขึ้นแทนที่จะหวังพึ่งพามหาอำนาจมาโอบอุ้มแบบเดิม
ประเทศใหญ่ ในภูมิภาค เช่น บราซิลหรืออินโดนีเซีย อาจก้าวขึ้นมาสร้างอำนาจบารมีให้กับตนเองและใช้ประโยชน์จากความโกลาหลวุ่นวายของโลก
ถึงจุดนั้น เราไม่อาจจะเรียกขานมันว่าเป็น “ระเบียบโลก” อีกต่อไป
หากแต่เป็น “โลกไร้ระเบียบ” ที่กลุ่มอำนาจสลับกันต่อรองไปมาแล้วแต่ผลประโยชน์ที่ตนพึงจะได้
โดยไร้กรรมการกลาง และกลับสู่ระเบียบโลกยุคหินที่ “อำนาจคือความถูกต้อง” (Might is Right)
แต่ก่อนที่จะตกอกตกใจไปกว่านี้ ขอบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาส่วนตัวของผมที่เกิดอาการนอนไม่หลับเพราะภาวะโลกที่สับสนอลหม่านกินกว่าจะเข้าใจได้ทุกวันนี้
ถือเสียว่าผมบ่นของผมไปด้วยความว้าเหว่วังเวง อันเกิดจากความไร้ทิศทางของสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว
ประกอบกับความผันผวนแปรปรวนระดับโลกที่ทำให้กังวลกับอนาคตของประเทศไทยเองอย่างยิ่ง!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022