ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 มีนาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ยุทธบทความ |
ผู้เขียน | ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข |
เผยแพร่ |
ยุทธบทความ | สุรชาติ บำรุงสุข
เดินหน้าสู่ปีที่ 4 (4)
สงครามยูเครนเริ่มแล้ว
“หากปราศจากยูเครนแล้ว รัสเซียจะไม่มีทางเป็นจักรวรรดิได้เลย”
Zbigniew Brzenski
The Grand Chessboard (1997)
ถ้าย้อนกลับไปก่อนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 แล้ว จะเห็นได้ว่าการเตรียมแผนบุกยูเครนนั้นเป็นความลับอย่างมาก ซึ่งว่าที่จริงก็อาจถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะแผนทางทหารเช่นนี้ต้องถูกเก็บเป็นความลับ เพื่อไม่ให้ฝ่ายข้าศึกตั้งตัวได้ กระนั้นการวิเคราะห์ข่าวกรองของหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐประเมินได้ค่อนข้างแม่นยำว่า รัสเซียกำลังเตรียมแผนสงครามในการบุกยูเครน
สัญญาณเตือนภัยจากวอชิงตันดังเป็นระยะ ด้านหนึ่งเพื่อให้รัฐบาลยูเครนเตรียมพร้อมรับการโจมตี และในอีกด้านเพื่อให้ประธานาธิบดีเซเลนสกีเดินทางออกนอกประเทศ และทำการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น
เพราะถ้าพิจารณาจากศักยภาพทางทหารแล้ว โอกาสที่กองทัพยูเครนจะยันการรุกของรัสเซียได้นั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย กองทัพยูเครนไม่มีทางเทียบกับกองทัพรัสเซียที่เป็นชาติมหาอำนาจได้เลยในทุกด้าน
แผนสงคราม
ดังที่กล่าวกันเสมอว่าไม่มีใครคาดคิดว่าประธานาธิบดีปูตินจะตัดสินใจเปิดสงครามกับยูเครน จากแหล่งข่าวกล่าวว่ามีรายงานว่าคนวงในของปูตินเองเพียง 3 คนเท่านั้นที่รับรู้ถึงแผนการบุก ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (Sergei Shoigu) ประธานสภาความมั่นคง (Nikolai Patrushev) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานเก่าใน KGB และหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคง (FSB) ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนจากมหาวิทยาลัย (Aleksandr Bortnikov) ซึ่งการพบกันครั้งนี้เกิดในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2022 จึงเท่ากับว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ปูตินเปิดเผยแผนสงครามของเขา (หากย้อนกลับพิจารณา ก็น่าสนใจว่าในระยะเวลาอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฝ่ายอำนวยการจะสามารถจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ในการรองรับแผนสงครามนี้ได้จริงเพียงใด)
ต่อมาในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ รัฐสภาดูมาของรัสเซียออกญัตติรับรองดินแดนที่ถูกผนวกอย่างเป็นทางการ และในวันนี้เองเขาตอบโกหกกับผู้สื่อข่าวว่า รัสเซียไม่แผนการที่จะส่งกำลังเข้าไปในดอนบาสแต่อย่างใด เพราะในความเป็นจริงกองทัพรัสเซียได้ทำการระดมพลแล้ว หน่วยแรกที่ได้รับคำสั่งระดมพลคือ หน่วยทหารราบยานยนต์ของเขตการทหารภาคใต้ (The Southern Military District)
การเตรียมกำลังในครั้งนี้ต้องป้องกันปัญหาความสับสน เพราะยานยนต์และยานเกราะของรัสเซียและยูเครนนั้นเป็นชนิดเดียวกัน จึงมีการทำเครื่องหมาย “Z” ที่ยานพาหนะทั้งหมด ซึ่งหน่วยเหล่านี้ได้รับคำสั่งเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายกำลังทันทีข้ามเข้าไปในดอนบาส อันเป็นพื้นที่ที่รัสเซียได้ยึดครองตั้งแต่วิกฤตการณ์ยูเครนในปี 2014 แล้ว
ถัดมาในตอนสายของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ กองทัพรัสเซียได้เคลื่อนเข้าสู่แนวเส้นแบ่งที่ฝ่ายกบฏได้กำหนดขึ้น อันเป็นแนวที่แยกพื้นที่การควบคุมของรัฐบาลยูเครนกับฝ่ายกบฏในดอนบาส เส้นนี้ถูกกำหนดจากการสู้รบของฝ่ายกบฏในดอนบาสในปี 2015 ซึ่งเป็นหนึ่งในสงครามที่มีความรุนแรงอย่างมากในยุคนั้น
นอกจากนี้ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ยังเป็น “วันของผู้ป้องกันมาตุภูมิ” (The Defender of the Fatherland Day) วันนี้ถือเป็นวันหยุดที่สำคัญในยุคของสหภาพโซเวียต เป็นวันแห่งการฉลองความสุขสำหรับบรรดาผู้ชายชาวโซเวียตทั้งหลายในขณะนั้น เช่น ชวนกันไปกันไปดื่มเบียร์ ไปชมภาพยนตร์ปลุกใจให้รักชาติด้วยกันกับบรรดาเพื่อนฝูง หรือในอีกด้านหนึ่ง วันนี้เป็นอีกด้านของ “วันสตรีสากล” ที่เป็นงานของฝ่ายสตรี
วันนี้มีนัยอีกด้านคือการเฉลิมฉลองกองทัพรัสเซียทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งต่างจาก “วันแห่งชัยชนะ” (The Victory Day) ในวันที่ 9 พฤษภาคมที่เป็นวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีการสวนสนามใหญ่ที่จัตุรัสแดง วันนี้จึงหมายถึง วันที่ได้รับชัยชนะต่อกองทัพนาซีในสงครามโลกนั่นเอง
ในยุคของปูตินนั้น การเฉลิมฉลองจะถูกจัดขึ้นทั้งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ และวันที่ 9 พฤษภาคม เพื่อสร้างกระแสชาตินิยมรัสเซีย และตอกย้ำถึงความยิ่งใหญ่ของกองทัพรัสเซีย อันเท่ากับส่งเสริมความศรัทธาที่ประชาชนชาวรัสเซียจะมีต่อตัวผู้นำด้วย และในท่ามกลางการเฉลิมฉลองวันที่ 23 กุมภาพันธ์ในปีนี้ ประธานาธิบดีปูตินได้ประกาศจุดยืน อันเป็นการส่งสัญญาณสุดท้ายถึงฝ่ายตะวันตกที่ชัดเจนว่า “ผลประโยชน์ของรัสเซียและความมั่นคงของประชาชนรัสเซีย เป็นสิ่งที่เจรจาต่อรองไม่ได้”
ตอนเย็นของวันนี้ ประธานาธิบดีปูตินโทรศัพท์หาประธานาธิบดีตุรกี เพื่อส่งสัญญาณว่าเขาผิดหวังอย่างมากกับสหรัฐและนาโต ที่ไม่สนใจต่อการยื่นข้อเรียกร้องของรัสเซีย ทั้งในปัญหาการขยายจำนวนสมาชิกใหม่ของนาโต ปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐในยุโรป ตลอดรวมถึงปัญหายูเครน แต่ผู้นำรัสเซียไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบ่งบอกใดๆ ถึงการเตรียมการบุกยูเครน
ในช่วงค่ำของวันนี้มีความหมายอย่างมาก ปูตินได้อัดเทปที่เตรียมไว้สำหรับออกอากาศเมื่อการบุกเริ่มต้นขึ้น อันจะเป็นดังการออกคำสั่งถึง “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” (special military operation) เทปนี้จะออกอากาศในเวลา 06:00 น.ของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะเป็นการประกาศให้กับสังคมรัสเซียได้รับรู้ถึงปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้น
ข้ามพรมแดน
การออกคำสั่งเคลื่อนกำลังรบครั้งนี้ มีความพร้อมในทางทหารรองรับไว้ ดังได้กล่าวแล้วว่า ตลอดแนวพรมแดนรัสเซียและเบลารุสกับยูเครนนั้น มีการวางกำลังไว้แล้วประมาณ 71 กลุ่มกองพันทางยุทธวิธี (battalion tactical groups ซึ่งเป็นการจัดกลุ่มกองพันทางยุทธวิธี) ซึ่งคาดว่าน่าจะมีกำลังพลรวมราว 1 แสน 6 หมื่น ถึง 1 แสน 9 หมื่นนาย การประกอบกำลังครั้งนี้เป็นการรวมพลที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพรัสเซียนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา การจัดวางกำลังเช่นนี้เริ่มปรากฏชัดทั้งในทางข่าวกรองและภาพในสื่อ อันเป็นสัญญาณในทางทหารว่าน่าจะไม่ใช่การขู่แบบที่หลายฝ่ายคาด เพราะเป็นการวางกำลังขนาดใหญ่ที่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จึงไม่น่าจะเป็นการทำ “สงครามจิตวิทยา” (psychological warfare) ในรูปของการขู่อย่างแน่นอน
ทำเนียบรัฐบาลที่กรุงคีฟรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดเป็นอย่างดี ข้อมูลทั้งจากหน่วยข่าวกรองยูเครนเอง และโดยเฉพาะจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐ ประชาชนในสังคมยูเครนก็เริ่มรับรู้ถึงภัยคุกคามที่กำลังจะมา และเกิดภาวะตนกตกใจ (panic) จนประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวว่า “ข้าศึกที่ใหญ่ที่สุดของเราในเวลานี้คือ “ความตื่นตกใจ” หรืออีกนัยหนึ่งประชาชนเกิดอาการเสียขวัญอย่างมาก
สำหรับผู้นำยูเครนแล้ว สถานการณ์ดูจะแตกต่างไปจากเหตุการณ์ในปี 2014 ในอีกด้านหนึ่ง กำลังส่วนหน้าของกองทัพของกองทัพรัสเซียได้ข้ามเข้าไปวางกำลังในดอนบาสแล้วตั้งแต่คืนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ กระนั้นในวันที่ 23 ก็ยังมีความหวังเล็กๆ อยู่สักนิดว่า กำลังรบเหล่านี้จะหยุดอยู่เพียงแค่ในดอนบาสที่เป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกบฏควบคุมอยู่ แต่คำถามที่น่ากังวลในอีกด้านคือ หรือกำลังรบเหล่านี้จะเคลื่อนข้ามแนวเขตปฏิบัติการ เพื่อเข้าตียูเครนตามเวลาที่กำหนดไว้ในแผนสงครามของปูติน
ดังนั้น ในสภาวะเช่นนี้ ทำเนียบรัฐบาลยูเครนจึงมีคำถามพื้นฐาน 3 ประการ คือ
1) ปูตินจะตัดสินใจวางกำลังขนาดใหญ่ไว้ในดอนบาสเท่านั้น และจะยังไม่ตัดสินใจเคลื่อนกำลังพลออกจากเส้นแบ่งของแนวปฏิบัติการที่กำหนดไว้
2) ปูตินต้องการเพียงการสร้าง “ระเบียงทางบก” (land corridor) เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อของพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ระหว่างดอนบาสกับไครเมีย
3) ปูตินต้องการเปิดสงครามใหญ่ เพื่อยึดครองยูเครนทั้งหมด ตามมุมมองแบบจักรวรรดิรัสเซียเดิม
แน่นอนว่าในสถานการณ์เช่นนี้เราไม่อาจคาดด้วย “ทัศนะแบบโลกสวย” ที่เชื่อว่า การวางกำลังขนาดใหญ่ของรัสเซีย มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการขู่ มากกว่าที่จะตัดสินใจใช้กำลังจริง เพราะการวางกำลังขนาดนี้ในความเป็นจริงของยุทธศาสตร์ทหารแล้ว บ่งบอกชัดเจนถึงการเตรียมใช้กำลังอย่างชัดเจน… จากนี้ไปสื่อระหว่างประเทศทั้งหลายที่ล้วนมีประสบการณ์และรู้ดีว่า เขาจะต้องจัดทีม “นักข่าวสงคราม” เพื่อเตรียมตัวเดินทางเข้าสู่สนามรบในยูเครนได้แล้ว
ขณะเดียวกันที่คีฟ ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงของยูเครน เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ใหญ่ ซึ่งก็ยังพอมีความหวังอยู่เล็กๆ ว่า รัสเซียอาจจะยังไม่ตัดสินใจแบบ 100% ที่จะทำสงครามใหญ่ อย่างไรก็ตาม เขาได้เตรียมการที่จะหาโอกาสจากช่องว่างของเวลาที่ยังเหลืออยู่ไม่มากนักด้วยการตัดสินใจร่างถ้อยแถลงด้วยตนเองถึงประชาชนชาวรัสเซีย และอัดเทปออกอากาศ
เขากล่าวถ้อยแถลงนี้เป็นภาษารัสเซีย ซึ่งปกติแล้วเขาจะกล่าวเป็นภาษายูเครน และเริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า “ข้าพเจ้าในวันนี้ ขอเรียกร้องถึงพลเมืองชาวรัสเซีย… ไม่ใช่ในฐานะประธานาธิบดียูเครน ข้าพเจ้าขอเรียกร้องถึงพลเมืองรัสเซียในฐานะพลเมืองของยูเครน… วันนี้กำลังทหารของท่านอยู่ตามแนวพรมแดนมีจำนวนเกือบ 2 แสนนาย และยานพาหนะทหารอีกเป็นพันๆ คัน สิ่งนี้สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามใหญ่บนภาคพื้นทวีปของยุโรปได้เลย…”
เขาจบคำแถลงถึงพลเมืองรัสเซียด้วยการยืนยันความเห็นที่แตกต่างกับประธานาธิบดีปูตินว่า “ชาวยูเครนและชาวรัสเซียมีความแตกต่างกัน แต่ความแตกต่างนี้ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราต้องเป็นศัตรูกัน… ขอความกรุณาท่านทั้งหลายให้ฟังตัวเอง ฟังเสียงของเหตุผล ฟังสามัญสำนึก และขอท่านจงฟังเราว่า ประชาชนของยูเครนต้องการสันติภาพ”…
เซเลนสกีเขียนคำแถลงนี้ด้วยตัวเองทั้งหมด และเป็นหนึ่งของคำแถลงที่ดีที่สุดของเขา
สงครามมาแล้ว!
หลังจากอัดเทปเสร็จเรียบร้อยแล้ว เซเลนสกีกลับไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และจนถึงเวลาค่ำของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ก็ยังไม่มีสัญญาณแจ้งถึงการโจมตีของรัสเซียแต่อย่างใด เขาเข้านอนด้วยความหวังว่าสามัญสำนึกของชาวรัสเซีย อาจจะเป็นปัจจัยช่วยหยุดยั้งสงครามได้… นับจากนี้อีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ความหวังของเขาก็สลายสิ้นไปกลายเป็นเพียง “อากาศธาตุ” ที่ไม่มีความหมายอะไร
ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เวลา 6 โมงเช้าที่มอสโก แต่ยังเป็นเวลาตี 5 ที่คีฟ คำปราศรัยของประธานาธิบดีปูตินถูกถ่ายทอดออกอากาศ เขาได้แจ้งแก่ประชาชนชาวรัสเซียว่า กองทัพรัสเซียเปิด “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ต่อยูเครน โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ การทำลายระบอบทหารและระบอบนาซี (demilitarization and denazification) ของยูเครน และย้ำว่าเขาไม่ต้องการยึดครองยูเครน หากยังเคารพถึงสิทธิในการกำหนดใจตนเองของประชาชนยูเครน
ไม่กี่นาทีหลังจากคำปราศรัยนี้เริ่มขึ้น ท้องฟ้าของเมืองหลักในยูเครนก็เต็มไปด้วยเครื่องบินรบรัสเซีย… สงครามเริ่มขึ้นแล้ว!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022