ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 มีนาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ
มิชชั่น ‘บิ๊กอ๊อบ’
ในยุค ‘อิ๊งค์-อ้วน’
คุมชายแดน-ปราบจีนเทา
ภารกิจ ทิ้งทวน
จับตา ธรรมนัส-ตท.25 ขยับ
พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ถูกจับตามองอีกครั้ง หลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับระเทศเพื่อนบ้าน (ปชด.) และแต่งตั้ง พล.อ.ทรงวิทย์ เป็นประธานกรรมการ ปชด.
และจัดตั้งศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้อำนวยการ หรือ ผอ.ศอ.ปชด.
ที่เป็นการให้อำนาจ พล.อ.ทรงวิทย์ ในการคุมชายแดน และมีปลัดมหาดไทย ผบ.ทบ. ผบ.ตร. มาเป็นรองประธาน
โดยการประชุมบอร์ด ปชด.ครั้งแรก เมื่อ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา ทั้งนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย บิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. และบิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มาด้วยตนเอง
งานนี้ พล.อ.ทรงวิทย์จัดตั้งกองอำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการ หรือศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจ ที่เรียกว่า ศอ.ปชด.ส่วนหน้า ขึ้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และมอบหมายให้บิ๊กหยอย พล.อ. อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด รองประธานบอร์ด ปชด. เป็น ผอ.ศอ.ปชด.ส่วนหน้า
ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันว่า พล.อ. อุกฤษฏ์ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 24 ของ พล.อ.ทรงวิทย์ ถูกวางตัวให้ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทางสูงสุด คนต่อไป แทน พล.อ.ทรงวิทย์ ที่เกษียณ 30 กันยายน 2568 นี้ เพื่อเป็นการเตรียมส่งมอบงานให้ พล.อ.อุกฤษฏ์ แบบไร้รอยต่อ ด้วยเพราะ พล.อ.ทรงวิทย์ เองก็วางแผนการทำงานในปีสุดท้ายของเก้าอี้ “เสือป่า 1” เป็น 8:2:2 เดือน ในการเตรียมผ่องถ่ายงาน ให้ ผบ.ทหารสูงสุด คนใหม่
อีกทั้ง พล.อ.ทรงวิทย์ ยังเห็นว่า พล.อ.อุกฤษฏ์ เคยเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก เสธ.ทบ. และเลขาธิการ กอ.รมน. มาก่อน มีความรู้เรื่องกองกำลังชายแดน และงาน กอ.รมน.
การที่ พล.อ.ทรงวิทย์ได้รับมอบหน้าที่อันสำคัญนี้ เป็นเพราะผู้บัญชาการทหารสูงสุดถือเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ โดยอำนาจหน้าที่สามารถประสานสั่งการแต่ละเหล่าทัพได้อยู่แล้ว เพราะการแก้ปัญหาชายแดนรอบบ้านไม่ใช่มีแค่กองทัพบก ซึ่งเป็นกำลังหลักเท่านั้น แต่ในหลายพื้นที่ก็เป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือและกองทัพอากาศ
นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตกันว่าเพราะ พล.อ.ทรงวิทย์มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นคนคุ้นเคยของ น.ส.แพทองธาร ซึ่งเคยมาเรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือมินิ วปอ.รุ่นแรก
อีกทั้งภาพลักษณ์ของ พล.อ.ทรงวิทย์ ก็เป็นนายทหารอาชีพและเป็นนายทหารแนวคิดทันสมัย และจบจากโรงเรียนนายร้อยเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษ
ทั้งยังเป็น ผบ.เหล่าทัพ ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พูดคุยและปรึกษาหารือในเรื่องของกองทัพมากที่สุด และยังสนิทสนมกับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ อีกด้วย เพราะทำงานเรื่องการช่วยเหลือตัวประกันคนไทยในอิสราเอลมาก่อน และยังคงทำงานร่วมกันต่อ จนมาถึงเรื่องปราบทุนจีนเทา และแก๊งคอลเซ็นเตอร์
แต่ที่มาของแนวคิดในการตั้ง ศอ.ปชด. มาจากบิ๊กแป๊ะ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผช.รมต.กลาโหม โดยที่ผ่านมาเคยมีเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร อันเป็นกลไกของคณะกรรมการกำกับนโยบายไปสู่การปฏิบัติชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (กอ.นชท.) ที่เคยมีตั้งแต่ปี 2544 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จึงได้นำมาปรับใหม่

บทบาทของ พล.อ.ทรงวิทย์ ทำให้เกิดกระแสข่าวลือว่า เมื่อเกษียณ ในอีกไม่กี่เดือนนี้ จะรับตำแหน่ง รมต. ทั้ง รมว.กลาโหม รมช.กลาโหม หรือ รมช.ต่างประเทศ
แต่ทว่า พล.อ.ทรงวิทย์ จะต้องเว้นวรรคทางการเมือง เพราะเคยเป็น ส.ว. โดยตำแหน่ง และสิ้นสภาพไปเมื่อ 11 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยเมื่อเกษียณ 30 กันยายน 2568 ก็ยังต้องเว้นวรรค อีกหลายเดือน
ดังนั้น จึงไม่มีปัจจัยเรื่องตำแหน่งทางการเมือง เพราะ พล.อ.ทรงวิทย์ตั้งใจที่จะบวชหลังเกษียณ
แต่บทบาทของ พล.อ.ทรงวิทย์ สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพกับ รมว.กลาโหม และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ได้เป็นอย่างดี มีความใกล้ชิดระหว่าง ผบ.เหล่าทัพ กับนายภูมิธรรม ที่โทรศัพท์คุยกันตลอด ทุกวันวันละหลายครั้ง และยิ่งในระยะหลังมีปัญหาชายแดน และด้านความมั่นคงตลอด จึงมีเรื่องต้องคุยกันบ่อยๆ
จนมีการเตรียมที่จะพบรับประทานอาหารเย็นด้วยกันอีกครั้ง ที่คาดว่าจะนัดกันที่บ้านพัก ผบ.ทอ. ของบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล เพราะสะดวกกับ ผบ.เหล่าทัพทุกคน
ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของนายภูมิธรรม และ ผบ.เหล่าทัพ ยังส่งผลให้การจัดโผโยกย้ายทหารชั้นนายพลกลางปี หรือโผเมษายนนี้ ที่มีการประชุมบอร์ด 7 เสือกลาโหม ครั้งแรก ไปเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ค่อนข้างราบรื่น โดยของ บก.ทัพไทย, ทอ. และ ทร. ลงตัวแล้ว ในครั้งแรก
คงเหลือแต่โผโยกย้ายในส่วน ทบ.ที่ยังไม่ลงตัว เนื่องจาก พล.อ.พนา ต้องการขอให้ รมว.กลาโหม อนุมัติเปิดอัตราเฉพาะตัว รองรับนายพลบางคนที่จะเกษียณ
จนที่สุด มีการประชุมบอร์ด 7 เสือกลาโหม อีกครั้ง ในวันที่ 6 มีนาคม จากที่นัดวันที่ 5 มีนาคม แต่ทั้งนายภูมิธรรม และ ผบ.เหล่าทัพต่างมีภารกิจ เพื่อให้ทุกตำแหน่งลงตัว ก่อนที่นายกฯ จะกลับจากเยอรมัน 8 มีนาคม เพื่อเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ

ท่ามกลางการจับตามอง ถึงบทบาทของ ตท.25 เพื่อนร่วมรุ่นของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่กลายเป็นมือขวา ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่แท็กทีมกับเพื่อนร่วมรุ่น ทั้ง บิ๊กเดช พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผอ.อผศ. ซึ่งเป็นที่ไว้ใจของนายภูมิธรรม ด้วยเพราะเป็นน้องรักของบิ๊กต๋อย พล.อ.อุทัย ชินวัตร อดีตรองปลัดกลาโหม ญาติผู้พี่ของอดีตนายกฯ รวมทั้ง พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ทหารสูงสุด ที่ก็เป็นเสมือนที่ปรึกษาส่วนตัวของนายภูมิธรรม อีกทั้งยังมีบิ๊กหวาน พล.ร.ท.ชัยยงค์ ขุนทา มาเป็นทีมนายทหารฝ่ายเสธ. หน้าห้อง รมว.กลาโหม
ในยุคนี้ ร.อ.ธรรมนัสจึงพยายามในการรวมพลัง ตท.25 ในกองทัพ จึงมีการจัดกิจกรรมรุ่น ทำบุญ ทำกิจกรรมการกุศล และเลี้ยงรุ่น ทุกๆ 3 เดือน
โดยครั้งล่าสุด ที่เขาใหญ่ จัดกิจกรรม 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568 โดยมีกิจกรรมรุ่นร่วมกันที่ ร.อ.ธรรมนัสมาร่วมด้วยตนเอง พร้อม เสธ.หิ หิมาลัย ผิวพรรณ ผอ.พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีแกนนำรุ่น ทั้งบิ๊กต้น พล.อ.ศานติ ศกุนตนาค หน.คณะนายทหารฝ่ายเสธ.ประจำ ผบ.ทบ. อดีตแม่ทัพภาค 4 พล.อ.เดชนิธิศ และ พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผบ.นรด. มาร่วมงาน
ที่สำคัญ มี คุณนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภริยา เสธ.เปา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม แกนนำรุ่น ที่เสียชีวิตในเหตุกระชับพื้นที่คนเสื้อแดง ที่ถนนดินสอ มาร่วมงานด้วย
โดย ร.อ.ธรรมนัสได้ให้กำลังใจเพื่อนในการรับราชการทหารในปีสุดท้าย เพราะจะเกษียณกันในปี 2568-2569 นี้แล้ว

รู้กันดี ว่า ตท.25 เป็นรุ่นอาภัพ ที่ไม่ได้เติบโตในกองทัพ บ้างก็ว่าเป็นเลขเบญจเพส และเป็นรุ่นที่ถูกรุ่นดังๆ ประกบ ทั้งรุ่น ตท.20 ก็ข้ามมา ตท.22 และมา ตท.23 ตท.24 และข้ามไป ตท.26 ตท.27 และ ตท.28 ที่จะได้เติบโต
ในโอกาสนี้ จึงเป็นโอกาสสุดท้ายของ ตท.25 ที่จะเติบโตในเฮือกสุดท้าย จึงจะผลักดัน ตท.25 ให้เป็น ผบ.เหล่าทัพ โดยที่มีโอกาสมากที่สุด คือ ผบ.ทร. เพราะมีแคนดิเดต ตท.25 อยู่ถึง 3 คน ทั้งบิ๊กเดี่ยว พล.ร.อ.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผบ.กองเรือยุทธการ พล.ร.อ.พิจิตต ศรีรุ่งเรือง ผช.ผบ.ทร. และ พล.ร.อ.สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ที่ปรึกษาพิเศษ ทร.
และมีความพยายามจะดัน บิ๊กชาย พล.อ.วสุ เจียมสุข ผช.ผบ.ทบ. มาชิงปลัดกลาโหม แต่ก็ยากที่จะฝ่าด่านบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม ไปได้ เพราะจะเสนอชื่อบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกลาโหม เพื่อน ตท.24 ให้เป็นปลัดกลาโหม แทนแน่นอน โดยที่ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ ก็จะแท็กทีมกัน เพราะเป็น ตท.24 ด้วยกัน
ดังนั้น จึงต้องรอดูว่า ระหว่างนายภูมิธรรม กับ ผบ.เหล่าทัพ ที่ยังสนิทสนม หวานชื่นกันในเวลานี้ จะยังคงหวาน จนถึงโยกย้ายใหญ่ กันยายนนี้หรือไม่
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022