ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 มีนาคม 2568 |
---|---|
ผู้เขียน | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ |
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์
33 ปี ชีวิตสีกากี
พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (115)
ดีใจคลี้ ‘คดีดัง’-ติดยศ พ.ต.ต.
วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2534 สิ่งที่ผมรอมานานถึง 5 เดือนกว่า เกือบ 6 เดือน คือ คำสั่งการเลื่อนยศเป็น ว่าที่พันตำรวจตรี จึงมาถึง เพราะกระบวนการขั้นตอนที่มากมายทางด้านธุรการ และผมก็ได้ประดับยศ พันตำรวจตรี มีมงกุฎครอบดาวเงินแล้ว ตั้งแต่ตอนเช้าวันนี้ ดีใจมากที่ได้เลื่อนยศเสียที
หลังจากที่ประดับยศเรียบร้อย ผมได้สั่งการให้ชุดสืบสวนคดีฆ่านางสุนี อนุดิษฐ์ เจ้าของร้านทอง “ไทยนำสิน” จ.สตูล ไปประจำสังเกตการณ์ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะในเขตเทศบาลเมืองสตูล โดยให้ความระมัดระวังและละเอียดรอบคอบ ภารกิจจะไม่ยกเลิก ถ้ายังไม่ได้รับแจ้งจากผม และได้ซักซ้อมทำความเข้าใจที่ได้ชี้แจงไปเมื่อวานอีกครั้ง จนทุกคนเข้าใจขั้นตอนดีแล้ว จึงออกไปปฏิบัติหน้าที่ทันที และได้ประสานกับชุมสายโทรศัพท์
ตำรวจทุกชุดเริ่มเข้าจุดตามที่กำหนด ตั้งแต่เวลา 10.30 น. ปรากฏว่า เวลาเที่ยงตรง คนร้ายโทร.ไปที่ร้านทองตามแผนทุกอย่าง แต่ครั้งนี้ยังไม่สามารถตรวจจับได้ แต่ทุกชุดต้องเฝ้าจุดต่อไป ผมยังไม่สั่งยกเลิกภารกิจ แล้วผมกลับไปประชุมปรึกษาที่บ้านพักของ สวญ.อีกครั้ง
ผมรอจนบ่าย 3 โมง คนร้ายก็โทร.เข้าร้านทองมาตามที่นัดหมาย และตู้โทรศัพท์สาธารณะจุดที่คนร้ายใช้ เป็นจุดที่อยู่หน้าโรงพยาบาลสตูล ซึ่งชุดสืบสวนที่รับผิดชอบ คือ “จ่าไข่” จ.ส.ต.ไพรัช ไพมณี กับ ส.ต.ท.สิงหา ศรีนวลดี ก่อนหน้านั้น จ่าไข่หรือ จ.ส.ต.ไพรัช กับ ส.ต.ท.สิงหา ได้สังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่า ผู้ที่ใช้โทรศัพท์ได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาที่ตู้โทรศัพท์ ส่วนคนขี่รถจักรยานยนต์ได้ยืนรออยู่ข้างนอกตู้โทรศัพท์ เมื่อศูนย์วิทยุสั่งถ้าพบใครใช้โทรศัพท์สาธารณะเวลานี้ให้ควบคุมตัวไว้ทันที
เมื่อ “จ่าไข่” จ.ส.ต.ไพรัช ไพมณี กับ ส.ต.ท.สิงหาได้รับแจ้งเช่นนั้น จึงได้เข้าควบคุมตัวคนที่ต้องสงสัยทั้งสองคนนั้นทันที ทราบชื่อต่อมาว่า ชื่อ นายวันชัย หรือดำ แซ่ตัน ซึ่งเป็นคนโทรศัพท์ ส่วนคนขับขี่รถจักรยานยนต์คือนายเจ๊ะกาก หรือแดง โต๊ะดิน
การควบคุมตัวนายวันชัยหรือดำ กับนายเจ๊ะกากหรือแดง ของ “จ่าไข่” ก็ใจเย็นมาก ที่ปล่อยให้นายเจ๊ะกากหรือแดง เป็นผู้ขี่รถจักรยานยนต์ และให้นายวันชัยหรือดำ นั่งซ้อนท้ายมาที่โรงพัก โดยที่ “จ่าไข่” หรือ จ.ส.ต.ไพรัช กับ ส.ต.ท.สิงหา ขับขี่รถจักรยานยนต์คุมมา
ทั้งนายเจ๊ะกากหรือแดง กับนายวันชัยหรือดำ มาโรงพักอย่างง่ายดาย แล้วนำตัวนายวันชัยหรือดำมาที่ห้องทำงานผมทันที
เมื่อค้นตัวนายวันชัยหรือดำ ในกระเป๋าเสื้อก็พบกระดาษ มีข้อความที่เขียนด้วยลายมือเรียกเงิน 2 แสนบาทเป็นค่าแจ้งเบาะแสคนร้ายฆ่านางสุนี ตรงกับเหตุการณ์ทุกประการ เบื้องต้นนายวันชัยหรือดำ จึงจำนนด้วยหลักฐาน และ พ.ต.อ.วีระ ปานจันทร์ ผกก.ภ.จ.สตูล ได้มาที่ห้องทำงานผมทันที พร้อมกับ พ.ต.ท.ยรรยง กุลวานิช
และทุกอย่างก็ประจักษ์ชัดต่อหน้าทุกคน เมื่อนายวันชัยหรือดำ กับนายเจ๊ะกากหรือแดง รับสารภาพเองว่า ได้ร่วมกับพรรคพวกของตนเองอีก 3 คนจับนางสุนีไปเรียกค่าไถ่ แต่เกิดความผิดพลาด เมื่อนางสุนีเกิดอาการช็อก จึงได้ช่วยกันมัดตัวนางสุนี แล้วมัดเข้ากับแท่งปูนซีเมนต์ นำไปถ่วงน้ำใต้สะพานข้ามคลองกาลันยีตัน ที่ ต.เจ๊ะบิลัง
จากนั้นจึงได้นำตัวนายวันชัยหรือดำ กับนายเจ๊ะกากหรือแดง ไปขยายผลโดยนำตัวไปค้นบ้านพบอาวุธปืนไม่มีทะเบียน 2 กระบอก มีทะเบียน 1 กระบอก และยึดรองเท้าผ้าใบที่ใช้สวมใส่ในวันเกิดเหตุ
นายเจ๊ะกากหรือแดง ยังให้การรับอีกว่า ก่อนไปโทรศัพท์ได้ไปส่งนายอัลธิวุธหรือบิ๊ก นนทศร กับนายเจ๊ะยุโสป หรือหมาดแสด หรือเจ๊ะยุโสบ หรือมาแสด โต๊ะดิน ที่บริเวณงานวันจำปาดะ หน้าศาลากลางจังหวัดสตูล
จ.ส.ต.ปรมัติ เกรียงไกรฉัตร ออกไปติดตามจับกุมนายอัลธิวุธ หรือปิ๊ก นนทศร กับนายเจ๊ะยุโซบ หรือมาแสด โต๊ะดิน ได้ที่บริเวณงานวันจำปาดะหน้าศาลากลางจังหวัดสตูล แล้วยังไปติดตามจับกุมตัวนายมาสอด หรือสอด โต๊ะดิน ได้ที่บ้าน
ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นอกจากนั้นแล้วยังได้ติดตามไปยึดทรัพย์สินของนางสุนีผู้ตาย เป็นต่างหูเพชรและพระเลี่ยมทอง ได้ที่บ้านของนายเจ๊ะกากหรือแดง ส่วนสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำของผู้ตาย ได้นำไปขายที่ร้านทองในอำเภอหาดใหญ่ พ.ต.ต.จรงค์ สวป. ได้เดินทางไป จ.นราธิวาส ตามยึดรถยนต์กระบะคันที่ผู้ต้องหาใช้กระทำผิดมาเป็นของกลาง
เป็นการปิดฉากคดีสะเทือนขวัญชาวจังหวัดสตูลลงได้อย่างยิ่งใหญ่ และจบลงได้อย่างสวยงาม เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่พิชิตคดีสำคัญได้ เผอิญประจวบเหมาะตรงกับวันที่ประดับยศของผม จึงเป็นวันที่สุดพิเศษ เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของผลงาน
ภายหลัง พ.ต.อ.วีระ ปานจันทร์ ผกก.ภ.จว.สตูล ได้โทรศัพท์ไปรายงานความสำเร็จของคดีไปยัง พล.ต.ท.ธีรพล อินทรวิชะ ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.อัยยรัช เวสสะโกศล รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พิชัย สุนทรสัจบูลย์ ผบก.ภ.12 และ พ.ต.อ.ธรรมนูญ ทับเคลียว รอง ผบก.ภ.12
ประมาณทุ่มเศษๆ ประชาชนชาวสตูลเมื่อทราบข่าวจับคนร้ายฆ่าถ่วงน้ำเจ้าของร้านทองได้ ได้แห่แหนกันมาโรงพักอย่างมืดฟ้ามัวดิน เพื่อมาดูตัวผู้ต้องหา จนหญ้าที่สนามหน้าโรงพักแหลกละเอียดเตียนเป็นหน้ากลอง แล้วก็เริ่มประชุมปรึกษาวางแผนการสอบสวน ประมาณ 4 ทุ่ม พ.ต.อ.ธรรมนูญ ทับเคลียว ก็เดินทางมาถึง และเริ่มทำการสอบสวนผู้ต้องหา
ผมได้สอบสวนจนถึงตี 4 จึงกลับไปบ้าน
วันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2534
ผมกลับไปถึงบ้านแต่ตาแข็งนอนไม่หลับ เพราะดีใจ เวลา 6 โมงเช้าจึงแต่งชุดกีฬามาที่ห้องทำงาน เพื่อเตรียมงานในวันนี้ พ.ต.อ.ธรรมนูญ ทับเคลียว ก็มาแต่เช้า ผมจึงกลับไปแต่งเครื่องแบบ แล้วกลับมาทำงานทันที มีการจัดเตรียมโต๊ะวางของกลางไว้พร้อม แล้วได้นำตัวผู้ต้องหาไปที่บ้านของนายเจ๊ะกากหรือแดงอีกครั้ง หลังจากค้นพบต่างหูเพชร กับพระเลี่ยมทอง
วันนี้ พล.ต.ท.ธีรพล อินทรวิชะ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิชัย สุนทรสัจบูลย์ ผบก.ภ.12 และ ร.อ.เคียงศักดิ์ ธรรมราชรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เป็นคดีที่ยิ่งใหญ่ครึกโครมมากๆ
ตอนกลางคืน พ.ต.อ.วีระ ปานจันทร์ ผกก.ภ.จ.สตูล ได้เปิดบ้านพักเลี้ยงฉลองความสำเร็จ โดยมี พ.ต.อ.ธรรมนูญ ทับเคลียว รอง ผบก.ภ.12 นายสมปอง อินสว่าง อัยการจังหวัดสตูล นายอายุธ สมานเดชา รองอัยการจังหวัดสตูล และอัยการคีรี อำนักมณี มาร่วมด้วย แล้วยังมี ร.ต.อ.อำพล บัวรับพร หัวหน้าสายสืบหาดใหญ่ก็มา
ผมได้แยกไปสอบสวนนายวันชัยหรือดำ แซ่ตัน ผู้ต้องหาจนเสร็จเมื่อเวลา 5 ทุ่มครึ่ง คนอื่นงานเสร็จแล้วจบแล้ว ผมยังมีการบ้านเป็นงานสำคัญที่ต้องทำอีกมากมาย และเป็นงานที่ผิดพลาดไม่ได้เลย
ต่อไปนี้เป็นงานที่เป็นหัวใจสำคัญของงานสอบสวนที่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น
วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม 2534
วันนี้ผมวางแผนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพ โดยการนำของ พ.ต.อ.วีระ ปานจันทร์ ผกก.ภ.จ.สตูล, พ.ต.ท.สมชาย อุทัยแสง และ พ.ต.ท.สุชาติ นิรามัย รอง ผกก.ภ.จ.สตูล ปรากฏว่าประชาชนชาวจังหวัดสตูลให้ความสนใจอย่างล้นหลาม ติดตามไปดูการทำแผนประทุษกรรมของผู้ต้องหา จนการทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก และตัดรายละเอียดบางส่วนออกไป
พื้นที่ที่ไปทำแผนประทุษกรรมไม่ว่าจะเป็นบริเวณห้องอาหารอัจฉรา และใกล้ๆ กับที่บริเวณชุมสายโทรศัพท์สตูล บริเวณที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าร้านทองไทยนำสิน บริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะ หน้าโรงพยาบาลสตูล บริเวณเขาโต๊ะพญาวัง ที่ผู้ต้องหามาเอาแท่งปูนซีเมนต์ที่หล่อเป็นรูปกากบาทซึ่งเป็นของเทศบาลเมืองสตูลที่ไว้ใช้รองถังขยะ แล้วผู้ต้องหานำไปถ่วงน้ำศพ บริเวณที่ทิ้งศพที่สะพานข้ามคลองกาลันยีตัน ต.เจ๊ะบิลัง
ทุกๆ ที่ที่ไป ผู้คนต่างไปมุงดูกันอย่างหนาแน่น จนทุกอย่างผ่านพ้นไป แล้วผมก็นำรูปถ่ายการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพของผู้ต้องหา มาประกอบสำนวนการสอบสวน และทุกวันก็เร่งทำสำนวนการสอบสวนคดีนี้ให้เสร็จ
และในที่สุดก็สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 คนในความผิดฐาน ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยมีอาวุธปืน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนโดยกระทำทารุณโหดร้าย ซ่อนเร้นเคลื่อนย้ายศพเพื่อปิดบังการตาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ในที่สุดศาลจังหวัดสตูลได้พิพากษาตัดสินลงโทษจำคุกนายวันชัยหรือดำ แซ่ตัน กับนายเจ๊ะกากหรือแดง โต๊ะดิน ตลอดชีวิต ส่วนผู้ต้องหาอื่นยกฟ้อง
ซึ่งผมได้มานั่งตรึกตรองเหตุผลแล้วจึงพบว่า ผมพลาดไปเพียงนิดเดียวที่ยังหาพยานหลักฐานยืนยันสนับสนุนการกระทำผิดของผู้ต้องหาที่ถูกยกฟ้องได้ไม่เพียงพอ เป็นจุดเล็กๆ ที่เป็นรายละเอียดในทางคดี ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ถือเป็นบทเรียนของผมว่าจะต้องทำคดีให้ดีกว่านี้ มีความละเอียดรัดกุมมากกว่านี้
แต่คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนชาวจังหวัดสตูลให้คำชมเชยและชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังได้รับคำชมเชยจากผู้บังคับบัญชา และสื่อมวลชนลงบทความยกย่อง
วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2534
ผมได้นำสำนวนการสอบสวนคดีฆ่าถ่วงน้ำ นางสุนี อนุดิษฐ์ เจ้าของร้านทองไทยนำสิน เสนอพนักงานอัยการจังหวัดสตูล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากใช้เวลาสอบสวนมานานนับเดือน ทนอดหลับอดนอน จนสำนวนเสร็จก่อนครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหา
เหตุที่สำนวนการสอบสวนต้องล่าช้า เนื่องจากต้องรอผลการตรวจพิสูจน์พยานชิ้นสำคัญจากกองพิสูจน์หลักฐาน เมื่อได้รับจึงสามารถสรุปสำนวนสั่งฟ้องได้ทันที
และเมื่อคดีไปถึงศาล ผลการตัดสินคดีก็เป็นไปอย่างที่กล่าวถึงในตอนต้น
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022