ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 มีนาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
บทความในประเทศ
โมโตจีพี VS ฟอร์มูล่าวัน
ลุงเนวิน VS รบ.อิ๊งค์
สนาม ‘แข่ง’ ทาง ‘ไม่เรียบ’
จากเรื่องกีฬากลายมาเป็นสงครามทางการเมืองจนได้ พร้อมๆ กับฉายภาพความขัดแย้งระหว่าง “แดง-น้ำเงิน” พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
หลังจากนายเนวิน ชิดชอบ ในฐานะประธานสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และครูใหญ่ค่ายสีน้ำเงิน จุดประเด็นร้อนทิ้งบอมบ์ใส่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่ส่อเค้าว่าจะยกเลิกการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่จังหวัดบุรีรัมย์
เนื่องจากสัญญาเหลืออีกเพียงปีเดียว และยังไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาลที่จะต่อสัญญาออกไป
แต่ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีความพยายามที่จะเสนอตัวจัดการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน หรือเอฟวัน แทนที่โมโตจีพี
ศึกนี้จึงกลายเป็นเรื่องการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซัดกันหนัก เล่นกันแรง ระหว่าง เอฟวัน VS โมโตจีพี และ ลุงเนวิน VS รัฐบาลอิ๊งค์
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “แดง-น้ำเงิน” เปิดฉากแลกหมัดขบเหลี่ยมใส่กัน เพราะก่อนหน้านี้ทั้ง 2 พรรคเคยงัดกันมาหลายครั้งแล้ว ทั้งกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ปัญหาข้อพิพาทเขากระโดง สนามกอล์ฟอัลไพน์
ตลอดจนไล่บี้ตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟของครอบครัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รวมไปถึงเกมเช็กบิลคดีฮั้ว ส.ว.สีน้ำเงิน ที่พรรคเพื่อไทยพยายามทำลายฐานเครือข่ายพรรคภูมิใจไทยไม่ให้เติบโตไปมากกว่านี้
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้สะท้อนภาพความไม่ลงรอยกันทางการเมืองระหว่าง “แดง-น้ำเงิน” หรือผู้นำฉากหลังตัวจริงก็คืออดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร กับนายเนวินนั่นเอง
สําหรับประเทศไทยจัดการแข่งขันโมโตจีพีต่อเนื่องมาแล้ว 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2561 (ปี 2563-2564 ไม่ได้จัดเพราะโควิด-19) ซึ่งก็ได้รับกระแสความนิยมจากแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก
จากข้อมูลล่าสุดปี 2568 มียอดผู้เข้าชมกว่า 224,634 คน เป็นคนไทย 172,565 คน และชาวต่างชาติ 52,069 คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมสูงถึง 24,853 ล้านบาท
แต่ก็ต้องยอมรับว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่จัดการแข่งขันโมโตจีพี คนที่มีแต่ได้กับได้ก็คือลุงเนวินนายใหญ่แห่งบุรีรัมย์ เพราะนอกจากคนในพื้นและจังหวัดใกล้เคียงอย่างสุรินทร์หรือนครราชสีมา จะได้รับอานิสงส์ด้านเศรษฐกิจเต็มๆ แล้ว
แต่อีกด้านหนึ่งก็ยิ่งทำให้นายเนวินและพรรคภูมิใจไทยแผ่ขยายบารมีทางการเมืองมากยิ่งขึ้นในภาคอีสานด้วยเช่นกัน
ย้อนกลับไปสมัยเผด็จการเรืองอำนาจ นายเนวินเจรจาต่อรองกับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อโน้มน้าวใจและของบฯ จากรัฐบาลมาจัดการแข่งขันโมโตจีพีที่บุรีรัมย์
แต่สถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะวันนี้พรรคเพื่อไทยคุมการกีฬา คุมอำนาจบริหาร และพร้อมเดินหน้าบีบครูใหญ่ภูมิใจไทยให้สิ้นอิทธิฤทธิ์ ถือเป็นเกมเหนือชั้นช่วงชิงอำนาจทางการเมืองระหว่างบ้านจันทร์ส่องหล้ากับปราสาทสายฟ้าอย่างแท้จริง
“ผมได้รับทราบอย่างเป็นทางการจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นข่าวเดียวกันกับที่แฟนโมโตจีพีได้ยินมาก่อนหน้านี้คือรัฐบาลจะลงทุนจัดการแข่งขันโมโตจีพีปี 2026 เป็นปีสุดท้าย และจะไม่ต่อสัญญาจัดการแข่งขันโมโตจีพีอีกแล้ว ซึ่งก็ต้องยอมรับการพิจารณาตัดสินใจของรัฐบาล”
“แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายอย่างมาก เพราะการแข่งขันโมโตจีพี รัฐบาลลงทุนปีละไม่เกิน 500 ล้านบาท และมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนอีกไม่น้อยกว่าปีละ 300 ล้านบาท สร้างเงินทุนหมุนเวียนส่งเสริมธุรกิจ กระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า 5,000 ล้านบาท แต่เมื่อรัฐบาลตัดสินใจแล้ว สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในฐานะผู้สนับสนุนรายหนึ่งก็ต้องยอมรับ”
“รัฐบาลพยายามไปทำฟอร์มูล่าวัน เราก็จะเห็นว่าหลายๆ ประเทศที่เคยจัด ก็เริ่มหยุดจัดแล้ว เพราะตลาดมันค่อนข้างแคบ อารมณ์ร่วมต่างกับแฟนโมโตจีพีอย่างสิ้นเชิง โมโตจีพีเป็นรถ 2 ล้อ ทุกคนสัมผัสได้ สามารถเป็นเจ้าของได้ ใกล้ชิดได้ ซึมซับได้ แต่ฟอร์มูล่าวันมันเหมือนหมามองเครื่องบิน ขอดูครั้งเดียวก็พอแล้ว”
“การที่รัฐจะลงทุนกับฟอร์มูล่าวัน สร้างอีเวนต์ระดับโลก ได้ข่าวว่าจะไปจัดที่กรุงเทพฯ ผมรู้สึกสยองแทนคนจัด สยองแทนคนกรุงเทพฯ การแข่งขันรถยนต์ 4 ล้อความเร็วระดับโลก มันมีข้อจำกัดมากมาย สนามจะต้องเป็นอย่างไร คนคุมการแข่งขันเป็นอย่างไร ต้องสร้างอะไรมากแค่ไหน ได้รายได้เท่าไหร่ แล้วมันควรทำจริงๆ หรือไม่” นายเนวินระบุ
ขณะที่นายกฯ อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันว่าถ้าโครงการไหนเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย และประชาชนหมู่มาก รัฐบาลก็พร้อมให้การสนับสนุน
“เดี๋ยวจะให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งยังมีโอกาส เดี๋ยวลองคุยกันอีกทีว่าจะยังไง เดี๋ยวให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มาเสนอเรื่องของตัวเลขให้ดูว่าข้างในเป็นอย่างไร และได้ผลอะไรยังไงกับประเทศบ้าง ทุกโครงการถ้าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ต่อประชาชนหมู่มาก ก็คงต้องทำต่อแน่นอน”
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง เพราะสนามแข่งเป็นของนายเนวินในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย นายกฯ ตอบว่า “แต่ว่าเงินถ้าจะเข้าก็เข้าไปที่จังหวัดและเข้าประเทศใช่หรือไม่ ถึงใครจะเป็นเจ้าของก็อีกเรื่องหนึ่ง เป็นธุรกิจของเขาในเรื่องของเจ้าของ แต่ว่าประเทศได้อะไรบ้าง อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องนับ”
“แต่ถ้ามันไม่เป็นประโยชน์หรือขาดทุนเรื่องตัวเลขต้องมาดูกันต่อว่าเป็นอย่างไรบ้าง จะได้สนับสนุนงบประมาณถูก” แพทองธารกล่าว และย้ำว่าเรื่องนี้จะมองเป็นการเมืองก็ได้ แต่ขอมองเรื่องของธุรกิจและเม็ดเงินว่าจะทำรายได้เข้าประเทศมากน้อยแค่ไหน ขอตัดสินแบบนั้น
หลังจากนั้นนายเนวินก็เปิดเกมอย่างมีชั้นเชิง มัดรัฐบาลทันควัน จี้นายกฯ ให้ต่อสัญญาโมโตจีพีออกไป โดยระบุว่า “นายกฯ กรุณาให้คำตอบแก่แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตว่ารัฐบาลพร้อมที่จะเดินหน้าจัดการแข่งขันโมโตจีพีต่อ”
“คำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ นับว่าเป็นความหวังของพวกเราทุกคน เป็นการแสดงท่าทีตอบรับต่อกระแสแฟนๆ โมโตจีพีที่มีความชัดเจนที่สุด เท่าที่มีการเจรจากันระหว่างการกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทย กับบริษัท ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์จัดการแข่งขันโมโตจีพีในระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา”
“เมื่อนายกฯ พูดว่าจะพิจารณาโดยยึดประโยชน์ของส่วนรวม และประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ไม่ได้พิจารณาด้วยเหตุผลทางการเมือง จึงเชื่อได้ว่าประเทศไทยจะมีโอกาสได้จัดการแข่งขันโมโตจีพีต่อไป ประเทศไทยและเพลงชาติไทยก็จะเป็นที่รู้จัก และดังกึกก้องไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง”
“เพราะการจัดการแข่งขันโมโตจีพี ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต หรือ Thai GP ได้พิสูจน์ตัวเองมาตลอดว่าเป็นการจัดกิจกรรมระดับโลก เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และธุรกิจการค้า ทำรายได้ให้พี่น้องประชาชน และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยมากเพียงใดในช่วงเวลาที่ผ่านมา”
“สำหรับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ผู้บริหารสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาล ใช้สนามแข่งขันและอุปกรณ์ทุกชนิดในสนามฟรีเหมือนเดิม”
“เพิ่มเติมคือการใส่ใจทุกรายละเอียด ทุกกิจกรรม ให้นักท่องเที่ยวและแฟนๆ ทุกคนมีความสุข และประทับใจมากที่สุด เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมเป็นลำดับแรก ขอขอบคุณและให้กำลังใจนายกฯ และแฟนๆ Thai GP ทุกคน”
ด้าน นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่าส่วนตัวอยากให้มีการต่อสัญญาออกไป โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ และความเห็นส่วนตัวอยากเสนอว่าควรต่อสัญญาระยะยาว 5 ปีไปเลย เพื่อทำให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะได้วางแผนการทำงานในด้านต่างๆ
ส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการจัดครั้งต่อๆ ไป อยากให้ใช้จากด้านอื่น ที่ไม่ใช่กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพราะปีนี้เราเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในเดือนธันวาคม และต้องจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้นักกีฬาอีกมาก
“การจัดโมโตจีพีคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว แม้ทั่วโลกจะต้องจ่ายค่าไลเซนส์แล้วขาดทุน แต่ของไทยนำมากระตุ้นด้านการท่องเที่ยว ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อน ทำให้คุ้มค่ากับงบฯ ที่ลงทุนไป เช่นเดียวกับเอฟวันก็กำลังมีการพูดคุยกันอยู่เช่นเดียวกัน” นายสรวงศ์เผย
หากดูจากท่าทีและจับสัญญาณทางการเมืองระหว่าง “แดง-น้ำเงิน” อย่างรอบด้านแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งเพื่อไทยและภูมิใจไทยมีร่องรอยของความขัดแย้งชัดเจน แม้ว่าพยายามจะปกปิดอย่างไร แต่ก็ไม่เป็นผล
รอวันสุกงอม หรือปลายทางสุดท้ายอาจจะต้องแตกหักกัน!?!?
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022