ชาวอเมริกันคิดยังไง กับแผนกำแพงภาษีทรัมป์

People browse a grocery store following the announcement of tariffs on Canadian and Mexican goods by U.S. President Donald Trump, in Toronto, Ontario, Canada March 4, 2025. REUTERS/Arlyn McAdorey

บทความต่างประเทศ

 

ชาวอเมริกันคิดยังไง

กับแผนกำแพงภาษีทรัมป์

 

สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศขึ้นกำแพงภาษีสินค้าที่ผลิตในแคนาดาและเม็กซิโก 25% และเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 20% ที่อาจทำให้ราคาสินค้าและต้นทุนต่างๆ สูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า จนอาจกระทบกับเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา

ซึ่งผลโพลก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่แล้วระบุว่า เศรษฐกิจและปัญหาเงินเฟ้อ คือประเด็นที่ชาวอเมริกันให้ความสำคัญมากที่สุด

ภายหลังการประกาศขึ้นภาษีสินค้าแคนาดา เม็กซิโก และจีน ว่าจะมีผลตามกำหนด ส่งผลให้หุ้นในตลาดหุ้นวอลล์สตรีตพากันร่วงลงอย่างหนัก

เพราะการตั้งกำแพงภาษีของทรัมป์จะส่งผลกระทบกับชาวอเมริกันโดยตรง อาจทำให้สินค้าต่างๆ ในร้านค้ามีราคาสูงขึ้น

ทำให้ค่าครองชีพของชาวอเมริกันสูงขึ้นตามมา

 

โพลสำรวจความคิดเห็นของสถานีโทรทัศน์ CBS ที่จัดทำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า ชาวอเมริกัน 82% คิดว่าประธานาธิบดีสหรัฐควรให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องเศรษฐกิจ

แต่มีชาวอเมริกันเพียง 30% เท่านั้นที่บอกว่าประธานาธิบดีอเมริกันควรให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องภาษีศุลกากร

ผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 36% บอกว่าทรัมป์ให้ความสำคัญมากกับเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งน้อยกว่าตัวเลข 68% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่คิดว่าทรัมป์ให้ความสำคัญมากกับเรื่องภาษีศุลกากร

และเพียง 29% มองว่าทรัมป์กำลังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ

นอกจากนั้น ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ยังมองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐตอนนี้กำลังย่ำแย่

ผู้ตอบแบบสอบถาม 51% ให้การยอมรับแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจของทรัมป์

ดัชนีราคาผู้บริโภคที่วัดอัตราเงินเฟ้อระบุว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3% ในเดือนมกราคม สูงสุดในรอบ 6 เดือน

โพลสำรวจของ CBS บอกอีกว่าชาวอเมริกัน 62% ที่ตอบแบบสอบถามมองว่าราคาสินค้าต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ด้านเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันว่ามาตรการต่างๆ ตั้งแต่ลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง เพิ่มกำลังการผลิตภายในประเทศ และอื่นๆ จะทำให้ราคาสินค้าต่างๆ ลดลง แม้สหรัฐจะมีการตั้งกำแพงภาษี แต่กว่าจะถึงตอนนั้นอาจใช้เวลาสักระยะถึงจะเห็นผล

สก็อตต์ เบสเซ็นต์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐกล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์บอกว่าเขาจะควบคุมปัญหาเศรษฐกิจได้ภายใน 6-12 เดือน แต่รัฐบาลกำลังพยายามในทุกวันที่จะทำให้ราคาสินค้าต่างๆ ถูกลง

ขณะที่ทรัมป์บอกว่าการตั้งกำแพงภาษีจะกระตุ้นกำลังการผลิตในสหรัฐ เพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษี และกระตุ้นการลงทุนในประเทศ

แต่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าก่อนที่เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น ราคาสินค้าต่างๆ ในประเทศจะเพิ่มสูงขึ้นก่อน

คลิฟฟอร์ต ยัง ประธานด้านกิจการต่างประเทศของผู้จัดทำโพลสำรวจความคิดเห็น อิปซอส บอกว่าทรัมป์กำลังอยู่ในช่วง honeymoon period ที่ชาวอเมริกันยังคงให้โอกาสประธานาธิบดีคนใหม่ในการดำเนินนโยบายต่างๆ ได้โดยไม่ออกมาวิจารณ์ในทันทีทันใด ซึ่งตามปกติแล้วช่วงเวลานี้จะมีระยะเวลาประมาณ 6 เดือน

หากเศรษฐกิจของสหรัฐยังย่ำแย่ลงไปกว่านี้ honeymoon period ของทรัมป์อาจน้อยกว่า 6 เดือนได้