ชายหาดไทย เต็มไปด้วยรัสเซียอพยพ

กฤตภาศ ศักดิษฐานนท์www.facebook.com/bintokrit

Agora | กฤตภาศ ศักดิษฐานนท์

วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

www.facebook.com/bintokrit

 

ชายหาดไทย

เต็มไปด้วยรัสเซียอพยพ

 

บทความตอนที่แล้วเรื่อง “คลื่นรัสเซียอพยพกระทบชายหาดไทย”

บอกเล่าที่มาที่ไปของกระแสการย้ายประเทศของคนรัสเซียสู่ดินแดนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองชายทะเลอย่างเช่น ภูเก็ต กระบี่ และพัทยา โดยอ้างอิงจากรายงานข่าวเชิงลึกของสำนักข่าวเดอะ สเตรตส์ ไทม์ส (The Straits Times) ของสิงคโปร์เรื่อง “Rich Russians isolated from the West are flocking to Thailand’s Phuket” ทางลิงก์ https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/rich-russians-isolated-from-the-west-are-flocking-to-thailand-s-phuket ที่ได้สัมภาษณ์เศรษฐีรัสเซียจำนวนหนึ่งซึ่งย้ายมาพำนักยังภูเก็ต รวมทั้งชาติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์นี้

สำหรับบทความนี้จะให้รายละเอียดถึงผลกระทบที่ตามมาจากคลื่นรัสเซียอพยพที่กระทบฝั่งไทยว่ามีอะไรบ้าง

 

ประการแรกคือ ความหนาแน่นจากการที่มีคนหลั่งไหลเข้ามาในเกาะอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งปริมาณผู้ที่ย้ายเข้ามาไม่สมดุลกับคนที่ย้ายออกไปจึงเริ่มทำให้หลายย่านในภูเก็ตเต็มไปด้วยความแออัด ปกติแล้วเมืองท่องเที่ยวทั้งหลายจะมีจำนวนผู้มาเยือนที่ไหลเวียนกันไปแบบไม่หยุดนิ่ง เนื่องจากนักท่องเที่ยวเข้ามาอาศัยอยู่เพียงชั่วคราวจึงทำให้เก่าไปใหม่มาอยู่ตลอด

แต่ภูเก็ตทุกวันนี้เริ่มมีปริมาณผู้พักพิงสะสมขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะหน้าเก่าไม่ได้ออกไป ในขณะที่หน้าใหม่ก็ทยอยกันเข้ามา

ภูเก็ตและเมืองชายทะเลอื่นๆ เป็นจุดหมายยอดนิยมของชาวรัสเซียมาเป็นเวลาช้านาน ทว่า ปัจจุบันนี้คลื่นของชาวรัสเซียหลั่งไหลกันมาแบบมหาศาลโดยที่ไม่กลับ

นักธุรกิจรัสเซีย “อเล็กซานเดอร์ นาคาเปตอฟ” (Alexander Nakhapetov) เล่าว่าชอบมาเที่ยวภูเก็ตแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ในปัจจุบันสถานที่พักผ่อนของเขากลับเนืองแน่นไปด้วยชาวรัสเซียหน้าใหม่ๆ ที่ไหลบ่าเข้ามาในภายหลัง ทำให้บริการต่างๆ มักถูกจองจนเต็ม และความสะดวกสบายที่เคยมีก็ลดลง

สภาวะนี้ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อน แต่ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดหลังการทำสงครามเต็มรูปแบบของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในสมรภูมิยูเครน หลังจากเหตุการณ์นั้นเป็นต้นมาทุนรัสเซียก็กลายเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดของภูเก็ต บางรายเข้ามาแสวงหาที่พักอาศัยที่ดีที่สุดเท่าที่ตนต้องการ

แต่บางรายก็เข้ามากว้านซื้อเพื่อนำไปทำกำไรต่อ ทำให้อสังหาริมทรัพย์มากมายในภูเก็ตตกอยู่ในมือของทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่าที่เป็นชาวรัสเซีย

จึงดูเหมือนว่าทุกวันนี้ภูเก็ตไม่ได้เป็นเพียงแค่สรวงสวรรค์ชั่วคราวของชาวรัสเซียอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นบ้านใหม่ให้คนรัสเซียได้อยู่อาศัยในแบบถาวรด้วย

 

ประการที่สองคือ ทุนรัสเซียเข้ายึดกุมตลาด ในรายงานข่าวของเดอะ สเตรตส์ ไทม์ส กล่าวถึงธุรกิจบันเทิงที่นาคาเปตอฟทำในภูเก็ต เขาเป็นผู้จัดคอนเสิร์ตรายใหญ่ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งด้วยการนำอีเวนต์หลากหลายมาขายแก่ลูกค้ารัสเซีย เช่น ดนตรีร็อกจากรัสเซีย (Russian rock concert) การแสดงบัลเล่ต์จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg State Academic Ballet) ฯลฯ

กลุ่มทุนรัสเซียที่เข้ามาในภูเก็ตไม่ได้มาจากฝั่งตะวันตกอย่างเช่น มอสโก หรือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเท่านั้น หากแต่ยังมาจากฝั่งตะวันออกของประเทศอย่างเช่น วลาดิวอสต็อกอีกด้วย โดยนักลงทุนเหล่านี้มีอายุไม่มากนัก ส่วนใหญ่อยู่ในวัยสามสิบกลางๆ เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ภูเก็ตก็ยังมีเที่ยวบินตรงจากมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กสารพัดสายการบินตลอดทั้งวันในราคาย่อมเยาแค่หมื่นกว่าบาท หากเป็นไฟลต์ที่ใกล้กว่านั้น เช่น วลาดิวอสต็อก ราคาตั๋วก็ยิ่งถูกเข้าไปใหญ่ เลยทำให้การเดินทางจากรัสเซียมาภูเก็ตเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว

การที่คนรัสเซียไหลบ่าเข้ามาในภูเก็ตอย่างไม่ขาดสายทำให้กิจการห้างร้านทั้งหลายมีการปรับตัวเพื่อตอบสนอง เห็นได้จากป้ายประกาศทั้งในสนามบิน ร้านอาหาร และสถานบริการต่างๆ ที่มีภาษารัสเซียนอยู่เคียงคู่กับภาษาอื่น

นอกจากภาษารัสเซียนที่มีเกลื่อนกล่นแล้ว กิจการใหม่ที่มีอนาคตสดใสในภูเก็ตก็คือร้านอาหาร ซึ่งตอนนี้มีเครือร้านอาหารรัสเซียชื่อดังมาเปิดให้บริการอยู่ไม่น้อย เช่น ร้านอาหารในเครือเวรานดา (Veranda) หรือภัตตาคารเชคอฟ (Chekhoff) เป็นต้น

ร้านเหล่านี้เป็นของชาวรัสเซีย อุดมไปด้วยเมนูอาหารรัสเซีย และเต็มไปด้วยลูกค้ารัสเซียเนืองแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไฮซีซั่น ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงเมษายนของทุกปี

เจ้าของกิจการต่างๆ ชาวรัสเซียรู้จักกันผ่านหลายกิจกรรม เช่น ชั้นเรียนธุรกิจที่จัดขึ้นสำหรับคนรัสเซียเท่านั้น การรวมกลุ่มนี้มีขนาดเล็กประมาณ 20 คน แต่เต็มไปด้วยนายทุน เศรษฐี มหาเศรษฐี หรือแม้กระทั่งอภิมหาเศรษฐี ที่ตระหนักดีว่านอกเหนือจากความรู้ก็คือคอนเน็กชั่นที่ทำให้แต่ละคนได้มีโอกาสสานสัมพันธ์เชิงธุรกิจกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบด้านอสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง ธุรกิจบันเทิง หรือร้านอาหาร ก็ล้วนแล้วแต่มีโอกาสเป็นเพื่อนกันผ่านการอบรมนี้ และมีช่องทางสร้างความมั่งคั่งยิ่งๆ ขึ้นไปในอนาคต

 

ประการที่สามคือ ราคาสินค้าและบริการที่พุ่งสูงขึ้น แม้การทะลักเข้ามาของรัสเซียจะทำให้เกิดการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้เศรษฐกิจในภูเก็ตเติบโตขึ้นมากก็ตาม

แต่ผลอีกด้านหนึ่งก็คือการเบียดขับกลุ่มทุนรายอื่นๆ ที่สู้ไม่ไหวให้พ้นไปจากเวที

ผู้ประกอบการที่มีกำลังน้อยกว่าและไม่ได้อยู่ในเครือข่ายของทุนรัสเซียก็มีโอกาสถูกผลักกระเด็นจากพื้นที่เศรษฐกิจไป ไม่ต่างอะไรกับปลาใหญ่ไล่กินปลาเล็ก

ดังนั้น ทิศทางในอนาคตจึงมีแนวโน้มว่าทุนรัสเซียจะครองตลาด รวมทั้งทำให้ราคาสินค้าและบริการรวมไปถึงค่าเช่าต่างๆ ขยับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย

ซึ่งผลกระทบนี้จะตกมาสู่ประชาชนตัวเล็กตัวน้อยก่อนใครอื่น

ไม่เพียงแต่ชาวรัสเซียเท่านั้น แม้แต่ชาวยูเครนเองก็อาศัยภูเก็ตเป็นแหล่งพักพิงในยามสงคราม สงครามรัสเซีย-ยูเครนบีบคั้นให้คนหนุ่มสาวจากยูเครนเดินทางมาหลบภัยในภูเก็ตและเกาะอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะเห็นพวก “ดิจิทัลโนแมด” หาอยู่หากินในแถบนี้โดยมีทะเลใสชายหาดสวยเป็นฉากหลัง ชาวยูเครนอพยพใช้บริการสถานที่และห้างร้านต่างๆ ร่วมกับชาวรัสเซียอย่างสันติ

เมืองชายหาดเหล่านี้จึงมีบรรยากาศที่สงบ ผ่อนคลาย สบายใจ และห่างไกลจากไฟสงครามที่ยังคงคุโชนอยู่ที่บ้านเกิด

 

ผลกระทบประการสุดท้ายไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภูเก็ตเท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่พื้นที่อื่นด้วย นั่นก็คือการลักลอบเข้ามาอยู่อาศัยในระยะยาวแบบผิดกฎหมายที่เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าวิตก ซึ่งน่าสงสัยว่ามีภาครัฐและเอกชนใดเกี่ยวพันกับเรื่องนี้บ้าง

หากอิงตามข้อมูลของสำนักข่าว France 24 ของฝรั่งเศสเรื่อง “Opposed to Putin’s war in Ukraine, Russians find exile in Thailand” โดยวิลเลียม เดอ ทามาริส (William DE TAMARIS) และจัสติน แม็กเคอร์รี (Justin McCURRY) ทางลิงก์ https://www.france24.com/en/tv-shows/focus/20241126-opposed-to-putin-s-war-in-ukraine-russians-find-exile-in-thailand ก็จะเห็นได้ว่าตัวเลขของผู้ที่อยู่อาศัยอย่างไม่ถูกต้องมีอยู่ไม่น้อย

เดอ ทามาริส และแม็กเคอร์รี เผยแพร่รายงานข่าวจากการลงพื้นที่ไปสำรวจชุมชนชาวรัสเซียและยูเครนที่เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เขาประมาณการว่าคลื่นของการไหลบ่านี้ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2562 มีชาวรัสเซียราวๆ 60,000 คนเป็นอย่างน้อยที่ใช้เมืองไทยเป็นพนักพิงหลังอย่างผิดกฎหมาย

บางส่วนอพยพเข้ามาเพราะหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารในสงครามที่พวกเขามองว่าไร้สาระ

นอกจากนี้ บริการฟรีวีซ่าของไทยยังอำนวยความสะดวกให้เข้ามาอย่างง่ายดายด้วย

สรุปก็คือ สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ชาวรัสเซียปัจจุบันนิยมอพยพย้ายถิ่นฐานมายังประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ได้กระจายตัวไปทั่วประเทศเหมือนชาวจีน แต่มีปลายทางหลักกระจุกตัวอยู่ที่ภูเก็ต รองลงมาคือเมืองชายทะเลอื่นๆ ที่เพียบพร้อมไปด้วย “ทะเล แสงแดด ชายหาด” (Sea Sun Sand) เช่น พัทยา กระบี่ เกาะพะงัน เกาะสมุย เกาะเต่า ฯลฯ

นอกจากนั้น ชาวรัสเซียยังมาทุกเพศทุกวัยแต่ไม่ใช่ทุกชนชั้น เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคนมีฐานะตั้งแต่ชนชั้นกลางไปจนถึงชนชั้นสูง

คนรัสเซียมีความแตกต่างจากชาติอื่นตรงที่นิยมอยู่รวมกันเป็นชุมชน มีแนวโน้มทำธุรกิจกับคนชาติเดียวกันเองแบบครบวงจร ส่วนใหญ่มีทุนติดตัว หลายรายเป็นมหาเศรษฐีที่หอบเงินเข้ามาหาโอกาสลงทุนในไทย

นอกจากนี้ ยังมีคนที่อาศัยอยู่อย่างผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก ทำให้มีทั้งกลุ่มรัสเซียขาว รัสเซียเทา และรัสเซียดำ

ปรากฏการณ์นี้นำมาสู่ผลกระทบอย่างน้อย 4 ประการดังที่ได้กล่าวมาได้แก่

(1) ความหนาแน่นของประชากรรัสเซียอพยพในเมืองชายทะเลไทย

(2) การยึดครองตลาดของกลุ่มทุนรัสเซีย

(3) ราคาสินค้ากับบริการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

และ (4) การลักลอบเข้ามาอยู่อาศัยอย่างผิดกฎหมาย