ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 มีนาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | Cool Tech |
ผู้เขียน | จิตต์สุภา ฉิน |
เผยแพร่ |
Cool Tech | จิตต์สุภา ฉิน
Instagram : @sueching
Facebook.com/JitsupaChin
AI ช่วยบอกขับรถแบบไหน
เข้าข่ายซึมเศร้า
ทุกวันนี้เราขับรถโดยที่ไม่มีทางรู้เลยว่าคนที่ขับปะปนกับเราอยู่บนท้องถนนเป็นคนที่มีความพร้อมในการขับแค่ไหน มีปัญหาทางสุขภาพที่ทำให้ความสามารถในการขับลดลงหรือเปล่า ซึ่งอันที่จริงแล้วเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้แม้กระทั่งคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเองก็อาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้
ในยุคที่ AI เข้ามาช่วยวินิจฉัยอะไรให้เราได้หลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือการช่วยศึกษาวิธีการขับรถของเราและบอกได้ว่าเรามีอาการของโรคซึมเศร้าหรือไม่และมันก็ทำนายได้อย่างแม่นยำเสียด้วย
ผลการวิจัย 2 ชิ้นเผยว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะสามารถตรวจจับรูปแบบการขับรถที่เปลี่ยนแปลงไปและวิเคราะห์ได้ว่าผู้ขับรถโดยเฉพาะผู้ขับที่สูงอายุอาจจะกำลังมีปัญหารับมือกับโรคซึมเศร้าอยู่หรือไม่
ซึ่งโรคซึมเศร้านับว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้สูงวัยบ่อยครั้งโดยที่ผู้ป่วยเองไม่รู้ตัว
กลุ่มนักวิจัยเริ่มจากการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจก่อนว่าโรคซึมเศร้าส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการขับรถของผู้ขับสูงวัยอย่างไรบ้าง โดยศึกษาจากอาสาสมัคร 395 คนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป บางคนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ในขณะที่บางคนก็ไม่ได้เป็น
อาสาสมัครแต่ละคนจะมีอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่วางเอาไว้ในรถยนต์ส่วนตัวที่ขับ อุปกรณ์ชิ้นนี้ถูกเชื่อมต่อเข้ากับระบบของรถยนต์และใช้เทคโนโลยี GPS เพื่อบันทึกพฤติกรรมการขับรถในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นความเร็วที่ใช้ในการขับ โลเกชั่น ไปจนถึงการเหยียบเบรกหรือเลี้ยวกะทันหัน แล้วนำข้อมูลทั้งหมดที่เก็บรวบรวมมาได้วิเคราะห์เพื่อดูว่ากลุ่มที่เป็นโรคซึมเศร้ากับกลุ่มที่ไม่เป็นนั้นมีรูปแบบการขับรถที่แตกต่างกันหรือไม่
สิ่งที่ทีมนักวิจัยค้นพบจากงานวิจัยชิ้นแรกชิ้นนี้ก็คือผู้สูงวัยที่มีอาการโรคซึมเศร้าจะมีวิธีการขับรถที่แตกต่างจากกลุ่มที่ไม่เป็นซึมเศร้าจริงๆ โดยพบว่ากลุ่มที่เป็นโรคซึมเศร้ามีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมขับรถที่เสี่ยงกว่า เช่น มีการเหยียบเบรกกะทันหันบ่อยกว่า และมีการหักเลี้ยวแบบกระชั้นชิดบ่อยกว่า
นอกจากนี้ ผู้ขับรถกลุ่มนี้ก็จะมีรูปแบบของเส้นทางการขับรถที่คาดเดาได้ยากกว่า และจะขับรถไปตามจุดหมายปลายทางที่มีความหลากหลายมากกว่าด้วย
เมื่อได้ข้อมูลตามที่ต้องการแล้วนักวิจัยก็เริ่มทำการวิจัยชิ้นที่สองต่อเพื่อดูว่าปัญญาประดิษฐ์สามารถใช้ในการช่วยตรวจจับอาการของโรคซึมเศร้าโดยดูจากข้อมูลการขับรถได้หรือไม่
คราวนี้นักวิจัยใช้ข้อมูลการขับรถของกลุ่มคนขับรถสูงอายุที่ได้เก็บรวบรวมมาแล้วเป็นเวลา 2 ปี มีทั้งคนที่วินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคซึมเศร้าและคนที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย พร้อมกับเก็บข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งอายุ เพศ ระดับการศึกษา ยาที่กิน ฯลฯ
จากนั้นก็ฝึกโมเดลเพื่อให้ช่วยแยกแยะว่าพฤติกรรมการขับของผู้ขับรถที่เป็นซึมเศร้ากับไม่เป็นได้หรือไม่ ผลก็ปรากฏว่ามันสามารถระบุได้อย่างแม่นยำเลยทีเดียวจากการดูเพียงแค่ข้อมูลการขับรถเท่านั้น
นักวิจัยบอกว่าโรคซึมเศร้าในผู้สูงวัยไม่ได้เป็นแค่เรื่องของอารมณ์อย่างเดียว แต่มันยังส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอย่างเช่นการขับรถด้วย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นมากที่จะต้องคอยสังเกตพฤติกรรมเหล่านี้เพื่อที่จะเข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที ทำให้การขับขี่บนท้องถนนปลอดภัยขึ้น
และในขณะเดียวกันก็ช่วยทำให้ผู้สูงวัยยังสามารถพึ่งพาตัวเองด้วยการขับรถไปไหนมาไหนเองได้ต่อไป
นอกจากใช้เพื่อการวินิจฉัยอาการของโรคโดยดูจากพฤติกรรมการขับรถแล้ว ที่ผ่านมาเทคโนโลยี AI ก็ถูกใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนมาแล้วในหลากหลายรูปแบบ
ที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุดก็อย่างเช่น เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่แฝงอยู่ในรถแทบทุกแบรนด์ในปัจจุบัน อย่างการใช้ AI ช่วยเตือนก่อนเปลี่ยนเลน การทำระบบควบคุมความเร็ว หรือการช่วยเบรกอัตโนมัติ โดยใช้ควบคู่กับข้อมูลที่มาจากกล้อง เรดาร์ และเซ็นเซอร์ต่างๆ รอบรถ
AI ยังถูกใช้ในการช่วยตรวจสอบสภาพรถยนต์ซึ่งสามารถทำได้อย่างรวดเร็วในหลักวินาทีเมื่อเทียบกับการตรวจเช็กสภาพรถที่ทำโดยแรงงานที่เป็นมนุษย์ และยังเตือนล่วงหน้าได้ด้วยว่ารถคันนั้นๆ อาจจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นในอนาคตอันใกล้ รวมถึงช่วยจัดการวิเคราะห์สภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ด้วย
สำหรับการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ความพร้อมของผู้ขับนั้นนักวิจัยก็บอกว่าจะต้องมีการขยายผลการศึกษาต่อไปให้ครอบคลุมกลุ่มคนที่มีความหลากหลายมากขึ้น เก็บข้อมูลเป็นระยะเวลานานขึ้น และลองสำรวจดูว่ามีเทคนิคการใช้ AI ล้ำๆ แบบไหนบ้างที่จะมาช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคซึมเศร้าได้อีก
ฉันคิดว่าเมื่อ AI ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามันสามารถใช้ข้อมูลการขับรถมาวินิจฉัยอาการของโรคได้ก็น่าสนใจว่ามันจะถูกนำมาใช้วินิจฉัยอาการในรูปแบบอื่นนอกเหนือจากโรคซึมเศร้าได้อีกหรือไม่
ทุกวันนี้เราได้เห็นคลิปวิดีโอการขับรถที่แย่และเกรี้ยวกราดอย่างไม่น่าเชื่อกันแทบทุกวัน หลายๆ คลิปก็ทำให้เราตั้งคำถามว่าคนขับรถในคลิปน่าจะต้องมีปัญหาทางจิตหรือทางอารมณ์บางอย่างที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษา เราก็ได้แต่สงสัยไปเองและภาวนาว่าเราจะไม่เจอคนขับรถแบบนี้บนท้องถนนกับตัวเอง
หรือแม้กระทั่งคนที่อยู่ในคลิปเองที่เป็นคนขับรถอย่างเกรี้ยวกราดผิดปกติวิสัย พวกเขาเองก็อาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ว่าปัจจัยทางสุขภาพแบบไหนที่ทำให้ตัวเองมีพฤติกรรมการขับรถที่อันตรายได้ขนาดนี้ ถ้ามี AI เข้ามาช่วยตรวจจับและวินิจฉัยได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็น่าจะทำให้ท้องถนนปลอดภัยขึ้นได้อีกเยอะ
แต่จะทำอย่างไรให้เทคโนโลยีนี้ใช้กันได้ในวงกว้างและไม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ขับ
ก็ยังเป็นปัญหาที่จะต้องขบคิดและถกเถียงกันต่อไปอีกนาน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022