ฮุนได ‘IONIQ 5 N Line’ เก๋งไฟฟ้า DNA มอเตอร์สปอร์ต

สันติ จิรพรพนิต

ห่างหายจากเซ็กเมนต์รถเก๋งไปพักใหญ่ มาวันนี้ “ฮุนได” ค่ายรถแบรนด์ดังจากเกาหลี กลับมาอย่างอลังการงานสร้าง

ด้วยเก๋งไฟฟ้าสุดจี๊ด “The New IONIQ 5 N Line”

คนที่ติดตามความเคลื่อนไหวของรถแบรนด์นี้ ย่อมรู้จักกับเก๋งไฟฟ้าแนวสปอร์ต “IONIQ 5 N” มาบ้างไม่มากก็น้อย

เพราะเป็นหนึ่งในเก๋งสุดแรงที่ถ่ายทอด DNA จากสนามแข่งมอเตอร์สปอร์ต

แต่ด้วยราคาที่เกิน 3 ล้านบาทไปไม่น้อย ทำให้ฮุนไดต้องออกรุ่นย่อยอื่นๆ มาเป็นตัวเลือก อาทิ รุ่นเอ็กซ์คลูซีพ และพรีเมียม

ล่าสุดคือ “The New IONIQ 5 N Line” ที่เน้นชุดแต่งสปอร์ตและออปชั่นเด่นๆ มาอัดแน่นไว้ด้วยกัน

รวมทั้งเพิ่มกำลังแรงม้า และความจุแบตเตอรี่มากขึ้นด้วย

ดีไซน์ภายนอกออกแบบกันชนหน้าใหม่ ตกแต่งด้วยแถบสีดำเงา เพิ่มความหรูหราและดูล้ำสมัย

ติดตั้งสัญลักษณ์ “N Line” เพื่อบ่งบอกว่าเป็นรุ่นพิเศษ

โลโก้ตัว H สีขาวบนฝากระโปรงหน้า ซึ่งต่างจากรุ่นพี่ใหญ่ที่ใช้สีดำ

ไฟหน้าแบบ Parametric Pixel แบบ LED กรอบสี่เหลี่ยมให้แสงสว่างคมชัด

บริเวณเหนือกันชนหน้าตกแต่งสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมขนาดเล็กทั้งแถบ

ตกแต่งรอบคันทั้งกันชนหน้า-หลัง สเกิร์ตข้าง ด้วยดีไซน์ N Line

กันชนหลังออกแบบใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมดิฟฟิวเซอร์ในตัว ช่วยการไหลเวียนของอากาศ

สปอยเลอร์ท้ายขนาดใหญ่ขึ้น 50 มิลลิเมตร เพิ่มแรงกด

ติดตั้งไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED

ขณะที่ไฟท้ายล้อกับไฟหน้าแบบ Parametric Pixel LED รูปทรงเดียวกัน

ด้านข้างตัวรถมีลูกเล่นเป็นเส้นสายเรขาคณิต ดูล้ำสมัยมากขึ้น

กระจกมองข้างสีดำ พร้อมไฟเลี้ยว สามารถเพิ่มออปชั่นพิเศษกระจกมองข้างแบบกล้องได้ด้วย

จุดชาร์จไฟอยู่ด้านข้างใกล้กับไฟท้าย ฝาปิดทรงเรขาคณิตเช่นกัน

มือเปิดประตูแบบ Pop-up พร้อมเซ็นเซอร์

ล้อแบบใหม่ขนาด 20 นิ้ว สีทูโทน รัดด้วยยาง 255/45

ที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง เพื่อความสะดวกและทัศนวิสัยดีขึ้นในยามฝนตก หรือหมอกลงจัด

ภายในเน้นโทนดำ ตกแต่งด้วยลวดลาย N Line

พวงมาลัย 3 ก้านหุ้มหนัง N Line พร้อมสัญลักษณ์ N เดินด้ายสีแดงและแถบสีแดงตรงตำแหน่ง 12 นาฬิกา

มาพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น และสะดวกขึ้นเพราะเพิ่มปุ่มเปลี่ยนโหมดการขับขี่มาให้ด้วย

คนที่ชอบสลับโหมดขับขี่บ่อยๆ น่าจะถูกใจเพราะไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย แค่ใช้นิ้วมือซ้ายกดเปลี่ยนได้สบายๆ

คอนโซลกลางดีไซน์ใหม่แบบ Universal Island วางปุ่มควบคุมต่างๆ ในตำแหน่งที่เข้าถึงง่าย

หน้าจอแสดงผลคู่ Dual Screen ขนาด 12.3 นิ้ว

แสดงผลข้อมูลการขับขี่และระบบอินโฟเทนเมนต์ รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย

ระบบเสียงรอบทิศทาง BOSE with External Amplifier ลำโพง 8 ตำแหน่ง รองรับโหมดเสียงจำลองเครื่องยนต์สปอร์ต

ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่เสากลาง

เบาะนั่งสปอร์ตพร้อมโลโก้ N Line หุ้มด้วย Alcantara และหนังแท้ เดินด้ายสีแดง

เบาะปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมที่ดันหลัง Lumbar Support มีระบบระบายอากาศ และที่พักขาปรับด้วยไฟฟ้า

แผงประตูตกแต่งด้วยวัสดุ Soft-Touch และลวดลายพิเศษของ N Line

มีไฟ Ambient Light ปรับสีได้

แป้นเหยียบสไตล์สปอร์ต อะลูมิเนียมดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่นนี้

เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold

โปร่งโล่งมากขึ้นด้วย หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่

ขุมพลังปรับปรุงใหม่มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว กำลังสูงสุด 28 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตัน-เมตร

ชุดแบตเตอรี่แบบใหม่ขนาด 84.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมที่มีความจุ 72.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง

ทำให้เพิ่มระยะทางการขับขี่ได้สูงสุดถึง 530 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) จากเดิมวิ่งไกลสุด 481 กิโลเมตร

ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง

โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ECO, Normal และ Sport

เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 7.4 วินาที

ความเร็วสูงสุดที่ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ชาร์จไฟกระแสสลับ AC Type2 11 kW เต็มในเวลา 6 ชั่วโมง

ส่วนกระแสตรง DC Fast Charging 50 kW จาก 10-80% ใช้เวลา 56 นาที

และกระแสตรง Ultra-Fast Charging 350 kW จาก 10-80% ใช้เวลา 17 นาที

ระบบรองรับด้านหน้า MacPherson Strut ด้านหลังแบบ Multi-Link พร้อมโช้กอัพ High Performance Dampe

มิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,890 x 4,655 x 1,605 มิลลิเมตร

ฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดถึงพื้น 160 มิลลิเมตร

ความปลอดภัยและตัวช่วยการขับขี่ มาแน่นๆ สมราคา

เด่นๆ ไม่พ้น Hyundai SmartSense

ประกอบด้วยระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนในจุดบอด (BCA) ระบบหลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า (FCA) ระบบช่วยรักษาตำแหน่งในช่องเดินรถ (LKA) และระบบควบคุมความเร็วคงที่อัจฉริยะ (SCC) พร้อมระบบ Stop & Go

อื่นๆ เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC

ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill-Start Assist Control (HAC)

ระบบช่วยหยุดรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ Multi Collision Brake (MCB)

ระบบ VESS จำลองเสียงเครื่องยนต์เพื่อความปลอดภัยคนเดินถนน

ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติ Forward Collision Avoidance Assist (FCA)

ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติที่ทางแยก Forward Collision Avoidance Assist Junction Turning (FCA-JT)

ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ Rear Cross-traffic Collision Avoidance Assist (RCCA)

ระบบช่วยเตือนและควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Collision- Avoidance Assist (BCA)

ระบบป้องกันการออกจากรถเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง Safe Exit Assist (SEA)

กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา Surround View Monitor ฯลฯ

ฮุนได “IONIQ 5 N Line” ราคา 1,988,000 บาท

ไปรับชมตัวจริงได้ที่โชว์รูมฮุนได และในงานมอเตอร์โชว์ 2025 วันที่ 26 มีนาคม-6 เมษายน 2568 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]